บทที่ 7 ตบหน้า
บทที่ 7 ตบหน้า
“จี้เฟยหวั่น คุณกับแฟนของคุณกล้าเล่นได้ใหญ่มากเลยนะ ไม่รักตัวกลัวตายเลยจริงๆ?”
แต่ว่าภายในใจของฉู่หยุนเย่นก็ยังไม่ตื่นตระหนก เพราะนี่เป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เธอเพียงแค่รอดูเรื่องสนุกก็พอ
จ้างเฟิงเหยาเพียงแค่กระตุกรอยยิ้มที่มุมปากไว้อย่างนั้น ไม่พูดอะไร เพราะขี้เกียจเกินไปที่จะพูดเรื่องไร้สาระกับคนเหล่านี้
จี้เฟยหวั่นเองก็ไม่ได้พูดอะไร ในเมื่อเรื่องก็มาถึงขึ้นนี้แล้ว เธอเองก็สามารถทำได้แค่ยื้อให้ถึงที่สุดแล้ว
เมื่อฉู่หยุนเย่นเห็นพวกเขาไม่มีท่าทีที่หดหู่อะไรเลย ก็รีบลากเพื่อนสาวทั้งสองคนให้นั่งลง บนใบหน้าเต็มไปด้วยท่าทีที่รอดูความสนุก
ก็ดี หลังจากนี้ เธอจะรอดูว่าคนทั้งสองคนนี้จะทำยังไงต่อไป
อารมณ์ของครูประจำชั้นเองก็ต่ำลงเหมือนกัน คิ้วขมวดเข้าหากัน รอให้ความจริงถูกเปิดเผย
ทั้งสองฝ่ายต่างก็มีเหตุมีผล ตอนนี้เขาไม่รู้แล้วจริงๆว่าใครกำลังโกหกอยู่กันแน่......
และแม่ว่าภายนอกจี้เฟยหวั่นจะดูสงบมาก แต่ภายในใจของเธอกลับเหมือนถูกวางระเบิดเวลาไว้เลย มีความเป็นไปได้ที่จะระเบิดได้ตลอดเวลา
ถ้าให้เธอและจ้างเฟิงเหยามองตากันตอนนี้ ดวงตาของเธออาจจะสามารถลุกเป็นไปได้เลย
ผู้ชายคนนี้ หรือว่าเป็นคนที่สวรรค์ส่งมาทำลายเธอกัน? เขาช่างเล่นใหญ่จริงๆ ไม่ถึงวินาทีสุดท้ายก็คงไม่สบายใจสินะ?
จ้างเฟิงเหยา ราวกับว่ารู้สึกได้ถึงความโกรธจากสายตาของจี้เฟยหวั่น ขยับเข้าหาเธอ ถามขึ้นเสียงเบา: “ทำไม? คุณกลัวเหรอ?”
“ครั้งนี้จะถูกคุณฆ่าตายแล้วจริงๆ......”
จี้เฟยหวั่นจ้องมองเขา และกดเสียงลงต่ำมาก
“ในเมื่อจะโกหก งั้นก็ต้องกู่ให้กลับมาทั้งหมด” จ้างเฟิงเหยาพูดอย่างมั่นคง
“กลัวก็แค่กู่ไม่กลับมานะสิ!”
จี้เฟยหวั่นใกล้จะร้องไห้ออกมาแล้ว
“ขอเพียงแค่คุณเชื่อใจผม ผมก็สามารถทำได้”
ในสายตาของจ้างเฟิงเหยาไม่มีความขี้ขลาดเลย แต่กลับแน่วแน่นมาก
จี้เฟยหวั่นจ้องมองเขาอย่างจับพิรุธ น่าสงสัย ไม่รู้ว่าเขาไปเอาความเชื่อมั่นนี้มาจากไหน
แต่ว่าตอนนี้ก็ไม่สามารถหันหลังกลับแล้ว ทำได้แค่กัดฟันแล้วเชื่อใจเขา......
ลองเสี่ยงดูสักตั้ง บางทีอาจจะโชคดีและชนะก็ได้?
ไม่รู้ว่าเพราะอะไร ถึงได้รู้สึกว่าภายในดวงตาของจ้างเฟิงเหยามีพลังบางอย่างแฝงอยู่ ขอเพียงแค่จี้เฟยหวั่นเหลือบมองเขาแค่พริบตาเดียว ก็จะรู้สึกสบายใจขึ้นมาก
“ตอนนี้พวกคุณเพิ่งจะมาหารือกัน เกรงว่าจะสายเกินไปหรือเปล่า?”
ฉู่หยุนเย่นโกรธมาก เมื่อเห็นคนทั้งสองกระซิบคุยกันอยู่ตรงนั้นแต่เธอกลับไม่ได้ยิน เธอที่ใกล้จะเป็นบ้าก็พูดขึ้นมาหนึ่งประโยค
“เกี่ยวอะไรกับคุณไม่ทราบ?” จี้เฟยหวั่นพูดด้วยความโกรธ
“คุณนี่มัน...... ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตาจริงๆ พวกเราจะรอดูคุณพ่ายแพ้!”
ฉู่หยุนเย่นกระตุกยิ้มอย่างดูถูก ใครกลัวใครกัน? ของปลอมมันก็คือของปลอม จะกลายเป็นของจริงไปได้หรือไง?
......
สามนาทีต่อมา ประธานบริษัทเฟิงลุ่ยก็มาถึง
เขารูปร่างสูง และผอม ก้าวเดินอย่างมั่นคง ส่วนสูงน่าจะประมาณ 180 เซนติเมตร ชุดสูทสีดำทั้งตัว ทุกส่วนดูสุขุม และเป็นผู้ใหญ่ ใบหน้าที่ถูกหล่อหลอมจนหล่อเหลา ดูแล้วก็ค่อนข้างจะเหมือนท่านประธานเหมือนกัน
ฉู่หยุนเย่นกระตือรือร้นขึ้นมา ในที่สุดฉากที่น่าตื่นเต้นที่สุดของเรื่องนี่ก็มาถึง เธอเหมือนจะทนรอไม่ไหมแล้ว
“ท่านประธานของบริษัทเฟิงลุ่ยมาแล้ว......ฮาฮา มีอะไรดีดีให้ดูแล้ว”
“ฉันจะรอดู ว่าจี้เฟยหวั่นและคุณชายคนนั้นจะเป็นยังไงต่อไป......”
ซูเซวียนและเสิ่นมั่นหลิงก็ตื่นเต้นเช่นกัน รอการแสดงนี้เริ่มขึ้น
เมื่อจี้เฟยหวั่นเห็นอย่างนี้ ก็อดที่จะถอนหายใจไม่ได้ เส้นประสาทในร่างกายของเธอตึงขึ้นมาทันที
เมื่อเห็นท่านประธานหลินเฟยก็รีบเดินไปด้านหน้า ทักทายอย่างนอบน้อม : “สวัสดีครับท่านประธาน”
“เรียกผมมาด่วนขนาดนี้ มีเรื่องอะไรหรือเปล่า?” ประธานบริษัทเฟิงลุ่ยถามขึ้น
หลินเฟยสีหน้าเคารพนับถือ และอธิบายเหตุการณ์ทั้งหมดให้กับประธานบริษัทเฟิงลุ่ย
เมื่อฟังจบ ประธานบริษัทเฟิงลุ่ยก็ขมวดคิ้วขึ้นมาทันที: “เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นจริงเหรอ? ผมอยากจะรู้จริงๆ ว่าเป็นใครกัน!”
...... ถึงได้กล้าแอบอ้างว่าเป็นพนักงานของบริษัทเขา!
เมื่อเห็นท่านประธานขมวดคิ้วฉู่หยุนเย่นก็อดไม่ได้ที่จะย่ามใจขึ้นมา
เมื่อครูประจำชั้นเห็นท่านประธานคุ้นเคยกับหลินเฟยขนาดนั้น ภายในใจก็มีคำตอบไว้บ้างแล้ว
หลังจากนั้นครูประจำชั้นก็เหลือบมองจี้เฟยหวั่น ในตาเต็มไปด้วยความโกรธ และผิดหวัง
ในใจของจี้เฟยหวั่นเริ่มกระวนกระวายขึ้นมา มือทั้งสองข้างเย็นมาก เธอกำหมัดแน่นอย่างไม่รู้ตัว ท่าทางสับสนเล็กน้อย......
จ้างเฟิงเหยามองเห็นถึงความกังวลของจี้เฟยหวั่น ทันใดนั้นเขาก็ยื่นมือออกมา กำมือของจี้เฟยหวั่นไว้แน่น
จี้เฟยหวั่นหลบไปชั่วขณะเพราะจิตสำนึก แต่ก็รู้สึกได้ถึงความอบอุ่นจากฝ่ามือของจ้างเฟิงเหยา ทันใดนั้นหัวใจก็รู้สึกมีพลังขึ้นมาเล็กน้อย
เมื่อเห็นท่าทางที่ดูสงบของเขา ในใจของจี้เฟยหวั่นก็สับสนเล็กน้อย......
สถานการณ์ก็กลายเป็นแบบนี้แล้ว ทำไมคนคนนี้ยังสงบอยู่ได้อีก?
จิตใจที่ไม่ตื่นตระหนกสับสนวุ่นวายนี้ ฝึกฝนมาได้ยังไงกัน?
ในขณะที่จี้เฟยหวั่นกำลังงุนงงอยู่นั้นเอง ประธานบริษัทเฟิงลุ่ยก็หันมองมา
เขากวาดมองไปทางจี้เฟยหวั่นก่อน จากนั้น สายตาก็หล่นอยู่บนร่างของจ้างเฟิงเหยา
ในชั่วขณะนั้นเองจี้เฟยหวั่นมองเห็นได้อย่างชัดเจนว่า สายตาของประธานบริษัทเฟิงลุ่ย เปลี่ยนไป
ราวกับว่ามองเห็นบางสิ่งที่ไม่ควรมอง เห็นได้ชัดว่าตกใจ!
“นี่มัน......”
สีหน้าของประธานบริษัทเฟิงลุ่ยดูประหลาดใจ และตกใจจนพูดอะไรไม่ออก
จ้างเฟิงเหยาสบตากับเขา ดูยิ้มบ้างไม่ยิ้มบ้าง
“จ้างจ้างจ้าง......”
ตอนนี้ประธานบริษัทเฟิงลุ่ยตกตะลึงล้านเปอร์เซ็นต์ พูดอะไรไม่ออกเลยทีเดียว
ที่สำคัญ “ท่าน” คำคำนี้ยังไม่ทันได้พูดออกมาจ้างเฟิงเหยาก็เอ่ยปากพูดขัดเขา : “ประธานหาน เจอกันอีกแล้วนะครับ ที่เรียกคุณมาในวันนี้ ก็เพื่อต้องการขอให้คุณช่วยเป็นพยาน”
“อ๋า? พยานอะไรเหรอ?”
ประธานของบริษัทเฟิงลุ่ย หานเทียนหยุน ยังดึงสติกลับมาไม่ได้
จ้างเฟิงเหยาพูดเบาๆ: “ลองมองดูว่าระหว่างผมกับเขา ......ใครกันแน่ที่เป็นผู้อำนวยการฝ่ายผลิตภัณฑ์ของบริษัทเฟิงลุ่ย”
หานเทียนหยุนงุนงงเล็กน้อย รู้สึกเพียงแค่ว่าทั้งหมดนี้เป็นเหมือนความฝัน
ประธานของบริษัทจ้างซื่อที่รู้จักกันดี กลับกลายมาเป็นผู้อำนวยการของบริษัทเขา?
นี่ใครมันจะไปกล้าคิด?
หานเทียนหยุนมองดูจ้างเฟิงเหยา จากนั้นก็หันไปมองหลินเฟย พยายามที่จะตัดสินใจว่าจะจบเรื่องนี้ยังไง
ในเวลานี้หลินเฟยมองจ้างเฟิงเหยาด้วยใบหน้าที่หัวเราะอย่างเย็นชา เยาะเย้ยเขา “คุณนี่ไม่รู้จักกลัวตายเลยจริงๆ! ผมเรียกท่านประธานของเรามาแล้ว คุณยังจะพยายามเล่นละครอยู่อีก ช่างกล้าจริงๆ”
จี้เฟยหวั่นยังคงกำหมัดแน่น บนหมัดก็ยังมีเหงื่อซึมออกมาด้วย ......
ท่านประธานของเขาก็มาแล้วจ้างเฟิงเหยายังจะถามคำถามแบบนี้ออกมาได้อีก เขามีความมั่นใจมากขนาดไหนกัน?
“เอ่อ......”
ทันใดนั้นหานเทียนหยุนเหมือนจะสำลัก รีบเรียบเรียงสถานการณ์ของปัจจุบันอย่างรวดเร็ว
“ประธานหาน ตกลงใครเป็นผู้อำนวยการฝ่ายผลิตภัณฑ์ของ บริษัท คุณกันแน่?”
ครูประจำชั้นเพิ่งจะถูกทำให้สับสน ในเมื่อประธานบริษัทเฟิงลุ่ยก็มาแล้ว ก็ช่วยเขายืนยันอย่างซื่อตรงที
หานเทียนหยุนเหลือบไปมองหลินเฟย จากนั้นก็มองไปที่ผู้หญิงไม่กี่คนที่อยู่ในเหตุการณ์ มองเห็นเพียงแค่ท่าทางพวกของฉู่หยุนเย่นสามคนที่รอดูความสนุกเท่านั้น
และข้างๆจ้างเฟิงเหยา ก็มีผู้หญิงคนหนึ่งยืนอยู่ ดูท่าทางประหม่ามากประธานจ้างยังกุมมือของเธอไว้แน่น
จากนั้นหานเทียนหยุนก็หันไปมองประธานจ้าง จ้างเฟิงเหยากระพริบตาเล็กน้อย นับได้ว่าเป็นสัญญาณบอกใบ้
ประธานบริษัทเฟิงลุ่ยก็เป็นคนดีคนหนึ่ง เมื่อเห็นสายตาของจ้างเฟิงเหยานี้ ก็รู้บ้างแล้วว่าเกิดอะไรขึ้น......
ดังนั้นเขาจึงเอ่ยปากพูด: “ท่านนี้ถึงจะเป็นผู้อำนวยการฝ่ายผลิตภัณฑ์ของบริษัทเราจริงๆ!”
ในขณะที่ฉู่หยุนเย่นและคนอื่นๆ กำลังรอที่จะหัวเราะเยาะอยู่นั้นเอง สิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น คนที่ประธานบริษัทเฟิงลุ่ยชี้......
ไม่ใช่หลินเฟย แต่เป็น----จ้างเฟิงเหยา!
ทันทีที่ประโยคนี้ถูกพูดออกมา ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างก็ชะงักกันหมด