บทที่4 รองเท้าคริสตัลของซินเดอเรลล่า   1/    
已经是第一章了
บทที่4 รองเท้าคริสตัลของซินเดอเรลล่า
บทที่4 รองเท้าคริสตัลของซินเดอเรลล่า ถังหน่วนเวยสาวเท้าเดินเข้าห้องตัวเอง ปล่อยให้หลินเถาเยาอยู่ในห้องนั่งเล่นเพียงลำพัง หญิงสาวขดตัวลงบนโซฟาแล้วกอดหมอนแน่น ในที่สุดก็ให้ครั้งแรกของตัวเองสำเร็จก่อนคืนวันพรุ่งนี้ แม้คนคนนั้นจะไม่ใช่พี่เสิ่นสี เป็นคนที่เธอไม่รู้จักแม้แต่เลยแต่อย่างน้อยก็ยังดีกว่าพวกเศรษฐีใหม่ก็แล้วกัน พรุ่งนี้ หวังว่ามันจะมาไม่ถึง… กว่าซ่างซิวจื๋อจะกำจัดนักข่าวกลุ่มนั้นได้ก็ไม่ง่ายนักจนสามารถกลับห้องพักของตัวเองได้ เขาไม่ได้พักอยู่ที่คฤหาสน์ เป็นเพียงตึกหนึ่งเท่านั้น เพียงเพื่อป้องกันข่าวเสียๆหายๆจึงซื้อเหมาทั้งชั้น ตอนที่ลิฟท์เปิดออกเขาเห็นประตูห้องของตัวเองแง้มอยู่ ลนลานส่งเสียงออกไปอย่างเหนื่อยหน่าย “แม่ครับ เวลาจะมาบอกผมล่วงหน้าหน่อยได้ไหมครับ?” ซ่างซิวจื๋อรีบก้าวเข้าไปตามประตูห้องโถง อดบ่นไม่ได้ ด้านในมีเสียงตอบรับดังกลับมา “ทำไม บ้านลูกชายตัวเองยังต้องให้ใครอนุญาตอีก?” ซูป้านเซี่ยสวมผ้ากันเปื้อน ในมือถือไม้พายออกมาจากห้องครัว ใบหน้าของเธอมีริ้วรอยตามกาลเวลา ผ่านชีวิตมาอย่างโชกโชนแต่กลับดูไม่แก่นักแต่กลับดูมีเสน่ห์ยิ่งกว่า ดวงตาสีกาแฟคู่นั้นราวกับน้ำพุที่ไหลลื่น “แม่ไม่ได้ไปใช้ชีวิตแบบโลกนี้มีเพียงเราสองกับพ่ออยู่เหรอครับ?” เห็นท่าไม่ดีซ่างซิวจื๋อก็ชิงเปลี่ยนเรื่องเสียก่อน ได้ยินแบบนั้น ซ่างยู่จู้ที่นั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่บนโซฟาเอ่ยตอบอย่างไม่เต็มใจนัก “ก็มีสายจาก แม่บุญธรรมคาคาตามให้เรากลับมาไม่หยุดน่ะสิ” “ทำไมครับ?” ซ่างยู่จู้เหลือบตามอง กัดฟันตอบกลับว่า “เขาบอกว่าจะมาอยู่กับเราด้วย สี่คนหรรษาไงล่ะ” ซ่างซิวจื๋อหลุดหัวเราะออกมา นี่มันสไตล์แม่บุญธรรมชัดๆ “ความคิดของคาคาก็ไม่เลวนะ อยู่ด้วยกันสี่คนเวลาไปเที่ยวไหนคงครึกครื้นไม่น้อย” ซูป้านเซี่ยเอ่ยขัดซ่างยู่จู้ “ผมว่าตอนนี้จี้ชูเห้าคงรู้สึกไม่ต่างจากผมนักหรอก” ซ่างยู่จู้พึมพำ เขาเกลียดที่ตัวเองถูกควบคุมโดยโล่คาคา จะให้ป้านเซี่ยร่วมวงด้วยได้ยังไงเล่า? “งั้นก็แสดงว่าคุณกับชูเห้าไม่ได้มีความรู้สึกร่วมกับฉันแล้วก็คาคา” ซูป้านเซี่ยแกว่งไม้พายไปมา ตอบรับการสนทนาไปอย่างนั้นเอง เมื่อเห็นว่าซูป้านเซี่ยคิดอย่างไรตรรกะและเหตุผลอย่างสิ้นเชิงซ่างยู่จู้จึงเลือกที่จะเงียบ หลายปีที่ใช้ชีวิตเป็นสามีภรรยาร่วมกันมาทำให้เขาเข้าใจอยู่เรื่องหนึ่งว่าอย่าได้พยายามถกเถียงกับภรรยาไม่ว่าเรื่องอะไรก็ตาม และเขาย่อมไม่มีวันเอาชนะเธอได้ เพราะความคิดของเธอนั้นไร้เหตุผล การเถียงข้างๆคูๆเป็นจุดแข็งของเธอ ถ้ายั่วโมโหเธอแล้วจุดจบก็มีแต่น้ำตา ซ่างซิวจื๋อถอดชุดสูทออก เลือกที่จะไม่ร่วมสนทนาแบบเด็กๆของทั้งสองคนอย่างชาญฉลาด “ร่วมทุนกับบริษัทY.F.เป็นยังไงบ้าง?” ซ่างยู่จู้เอ่ยขึ้นลอยๆขณะกลับไปอ่านหนังสือพิมพ์ต่อ “อืม ราบรื่นดีครับ” ซ่างซิวจื๋อตอบพลางหยิบน้ำจากตู้เย็นออกมาดื่ม “แล้วก็พรุ่งนี้เย็นผมจะไปร่วมงานเลี้ยง” “งานเลี้ยงเชิงธุรกิจสินะ” น้ำเสียงซ่างยู่จู้ค่อนไปทางถอดทอดหายใจ “พ่อละไม่ชอบอะไรแบบนี้เลยสักนิด” “ฉะนั้นพ่อก็เลยรีบยกบริษัทให้ผมสินะครับ ตัวเองจะได้เป็นอิสระ” ซ่างซิวจื๋ออดค่อนแคะไม่ได้ ถ้าไม่ใช่เป็นเพราะซูป้านเซี่ยรั้งเขาไว้ เกรงว่าซ่างยู่จู้คงยกบริษัทให้เขาซะตั้งแต่ตอนที่เขาอายุสิบแปดปีเป็นแน่ จะได้ดีต่อการใช้ชีวิตหวานชื่นสองคนแบบสามีภรรยา “ทางที่ดีสุดก็คือ” ซ่างยู่จู้เงยหน้าขึ้นจากหนังสือพิมพ์ แล้วยิ้มเจ้าเล่ห์ “รีบมีลูกซะ แบบนั้นแกก็จะได้ยกบริษัทให้เขาได้” ซ่างซิวจื๋อยิ้มเยาะ บนหัวคล้ายมีนกกาบินผ่านไปเป็นฝูง เขาพูดอะไรไม่ออก พ่อเขามีความคิดผิดๆแบบนี้แล้วเขายังคิดแบบนี้อีก ตอนที่เขาเพิ่งได้บริษัทมาใหม่ๆก็มีความคิดเช่นนี้เหมือนกัน “ซิวจื๋อ แล้วลูกมีคู่ควงไปงานเลี้ยงรึยัง?” จู่ๆซูป้านเซี่ยก็ถามขึ้นมา “ตอนนี้ยังไม่มีครับ แต่ไม่พาใครไปก็ไม่เห็นเป็นไรเลย” “ผิดแล้วล่ะ บางครั้งผู้หญิงน่ะเป็นเครื่องมือเข้าสังคมที่ยอดเยี่ยมเลยล่ะ” ซูป้านเซี่ยว่าพลางขยับมือ ซ่างซิวจื๋อมองซ่างยู่จู้อย่างสับสน แล้วอีกฝ่ายก็หันมาสบตา พยักหน้าเป็นเชิงเห็นด้วยกับซูป้านเซี่ย “ก็ได้ครับ เดี๋ยวผมจะลองหาทางดู” เพื่อไม่ให้ซูป้านเซี่ยจู้จี้เรื่องนี้อีก ซ่างซิวจื๋อจึงยอมรับปากพอเป็นพิธี เพราะสำหรับเขาแล้ว บทบาทของผู้หญิงไม่มีอะไรมากไปกว่าการปลดปล่อยความต้องการทางร่างกาย “โอเค งั้นมาทานข้าวกันดีกว่า” ซูป้านเซี่ยนำอาหารวางบนโต๊ะ มองดูลูกชายและสามีด้วยความคาดหวัง ซ่างซิวจื๋อมองหน้าตาอาหารเหล่านั้นที่ไม่รู้ว่าเป็นอะไรก็กลืนน้ำลายลงอย่างลำบาก “แม่ครับ บางทีถ้าแม่ไม่ทำให้อาหารออกมาดำขนาด ผมก็อาจจะอยากกินก็ได้นะครับ” ซ่างยู่จู้ทนไม่ได้ที่ภรรยามีสีหน้าหน้าหม่นหมองลง จึงเอ่ยขณะที่ถลกแขนเสื้อขึ้น “ให้ผมลองชิมหน่อยก็แล้วกัน” หลังจากที่แต่งงานกันมา ซ่างยู่จู้ก็ดูแลซูป้านเซี่ยดีจนเธอเสียนิสัย เขาพยายามฝึกฝนตัวเองให้ทำอาหารได้ดีถึงขั้นเทียบเท่าเชฟได้ เลยทำให้ซูป้านเซี่ยที่เห็นฝีมือของเขาแล้วก็ไม่ยอมเข้าครัวอีกเลยนับแต่นั้นมา รอให้ซ่างยู่จู้เป็นฝ่ายทำให้ทาน จุดนี้เองที่เหมือนกับคาคาราวกับโขกออกมาจากพิมพ์เดียวกัน เนื่องจากฝีมือของจี้ชูเห้าก็ไม่เป็นสองรองใคร ในมุมของคนนอกที่มองมา ผู้ชายสองคนนี้มีความสุขเหมือนลูกบอล เข้าครัวทำอาหารให้ภรรยาทานเป็นเรื่องที่เบิกบานใจที่สุดแล้ว ถังหน่วนเวยเนื่องจากช่วงที่ผ่านมาได้รับมอบหมายคดีใหญ่ๆมากมาย จึงยุ่งตั้งแต่เช้าจรดเย็นจนไม่มีเวลาดูแลหลินเถาเยา ตอนค่ำพอกลับถึงห้องด้วยสภาพร่างกายที่เหนื่อยล้า เธอก็ไม่ได้ทันสังเกตว่าห้องของหลินเถาเยาเงียบอย่างผิดปกติ เธอเข้าห้องไปแล้วก็ล้มตัวลงนอนเหมือนคนที่อดหลับอดนอน ในขณะเดียวกันนั้นหลินเถาเยาที่สวมชุดราตรีเกาะอกสีม่วงสุดเซ็กซี่กำลังนั่งอยู่ในรถยนต์สุดหรูอย่างว้าวุ่นใจ ข้างๆเป็นชายอ้วนท้วมวัยกลางคนที่ยิ้มหวานขณะกุมมือเธอไว้ ไขมันที่แก้มยกขึ้นเหมือนภูเขา ต่อให้เมื่อก่อนเจอผู้ชายมือปลาหมึกหลินเถาเยาก็ไม่เหมือนถังหน่วนเวยที่ถึงขึ้นตบตีอีกฝ่ายแต่ก็มีการขัดขืนอยู่บ้าง ทว่าตอนนี้… เธอไม่อาจทำอะไรทำใจตัวเองได้ หลินเถาเยาถอนหายใจอย่างคนที่ไร้ทางเลือก รถจอดข้างหน้าสโมสรอันโอ่อ่าแห่งหนึ่ง หลินเถาเยายืนอยู่หน้าประตูทางเข้า พยายามห้ามปากตัวเองไม่ให้อ้าเป็นรูปตัวโอ แม้บ้านเธอจะไม่ใช่คนร่ำรวยอะไรแต่ก็ไม่ได้ลำบากเรื่องเงิน ถือว่าเป็นคนที่มีฐานะมั่นคงคนหนึ่งทว่ากลับไม่เคยพบเห็นวิลล่าที่หรูหราประหนึ่งราชวังเช่นนี้มาก่อน หลินเถาเยาใจเต้นตึกตัก หากไม่ระวังแล้วเดินสะดุดล้มเข้า เกรงว่าสปอนเซอร์ที่เธออุตส่าห์หามาได้อย่างยากลำบากก็คงต้องแกล้งทำเป็นไม่รู้จักเธอ ดังนั้น หลินเถาเยา เธอจะต้องระวังให้ดี ห้ามทำเรื่องอับอายขายขี้หน้าเป็นอันขาด! เธอพูดย้ำๆกับตัวเอง แต่ว่านะเวลาที่เธอพูดกับตัวเองแบบนี้ทีไรมันมักจะเริ่มต้นได้ไม่สวยทุกทีเลย
已经是最新一章了
加载中