บทที่ 21 กินกระต่ายลดดีกรี   1/    
已经是第一章了
บทที่ 21 กินกระต่ายลดดีกรี
บทที่ 21 กินกระต่ายลดดีกรี ฝีเท้าของหลินเถาเยาค่อยๆหยุดลงตรงหน้าห้องห้องหนึ่งที่มีเสียงประหลาดดังออกมา เธอแนบหูเข้าไปใกล้อย่างประหลาดใจ จนในที่สุดก็ได้รู้ว่ามันคือเสียงอะไร บ้าเอ้ย ข้างในมีถ่ายทอดสดนินา เสียงครางของหญิงสาวคนนั้นน่าหลงใหลสุดๆ เสียงสูงต่ำสลับกันไป ฟังจนแม้แต่หลินเถาเยายังรู้สึกใจเต้นแรงเลย ส่วนเสียงของผู้ชายทุ้มต่ำหนาแน่นมีกำลัง บางทีก็จะส่งเสียงหายใจอย่างสบายออกมา “อือ......ฉันร้อนจังเลย......”เสียงของหญิงสาวพราวไปด้วยเสน่ห์ พลางลากเสียงยาวออดอ้อน “ร้อนหรือ งั้นฉันช่วยเธอถอด”เสียงของชายหนุ่มดังออกมา ทำให้หลินเถาเยาหัวใจกระตุกขึ้น หลินเถาเยากำลังคิดว่าไม่ควรแอบฟังเพราะมันเสียมารยาท ขณะที่เธอคิดจะจากไปนั้น ทว่าจุๆเสียงของผู้หญิงคนนั้นกลับได้ทำให้เธอเกิดความสงสัยขึ้นมา “คนบ้า......ทำไมฉันต้องถอดคนเดียวด้วย คุณมันร้ายจริงๆ....” เอ๋ ทำไมเสียงนี้คุ้นจัง หลินเถาเยารู้สึกแปลกใจ เหมือนเคยได้ยินที่ไหนมาก่อน และสุดท้ายความคิดที่จากไปของเธอก็ถูกความสงสัยเข้ามาแทนที่ทันที เธอค่อยๆดันประตูบานหนึ่งออก สภาพภายในห้องไม่สามารถใช้คำว่าสวยงามได้เลย ทันทีที่สายตาของหลินเถาเยากวาดไปเห็นใบหน้าของหญิงสาวคนนั้น สมองของเธอถึงกลับสตั๊นท์ไปเลย เธอ เธอ เธอ เธอ.....เธอคือสวีหวั่นหรูดาราสาวที่โด่งดังที่สุดในขณะนี้ไม่ใช่หรือ คุณพระ นึกไม่ถึงเลยจริงๆ ว่าคนที่ในเวลาปกติสง่างามและสดใสขณะนั้น ในเวลาส่วนตัวกลับเปิดเผยขณะนี้ นี่คือห้องประชุมนะ อดใจรอไม่ไหวขณะนั้นเลยหรือ หลินเถาเยาเห็นไม่ค่อยชัด เธออยากเห็นให้ชัดกว่านี้ เพราะไม่ใช่ว่าใครก็จะสามารถเห็นดาราได้ เธอสาบานได้ ว่าเธอแค่อยากจะเห็นศิลปินในดวงใจของเธอเท่านั้น ไม่ใช่การแอบดูเรื่องอย่างว่าของคนอื่น แต่ว่า ในฐานะคนเด๋อด๋า ก็จำเป็นต้องยืนยันในความเด๋อด๋าของตนเอง ดังนั้น หลินเถาเยาจึงได้ยืนยันให้เห็นอย่างไม่ให้ทุกคนผิดหวัง เพราะเธอได้ล้มคะมำเข้าไปในห้องโดยไม่ทันระวังตัว แถมยังล้มไปกองกลับพื้นเสียงดังลั่นด้วย ด้วยเหตุนี้จึงได้มีคำกล่าว ว่าเป็นคนอย่าโลภมาก ทั้งๆที่ได้เห็นแล้วแท้ๆ แต่ยังอยากเห็นให้ชัดกว่าอีก จึงได้เอนกายเข้าไปข้างในเรื่อยๆ ร่างกายไปด้านหน้า แต่เท้ายังอยู่ที่เดิม ในทางฟิสิกส์ หากน้ำหนักทุ่มไปด้านหน้า ผลที่จะตามมาเราต่างทราบกันดี หากเรื่องนี้รู้ถึงหูถังหน่วนเวย เธอต้องดึงหูหลินเถาเยาไว้ และตะคอกว่า“หลินเถาเยา วิชาฟิสิกส์ของเธอคงเป็นครูคณิตศาสตร์สินะ” เสียงที่ดังลั่นขึ้นนั้น ทำให้หนุ่มสาวที่กำลังปลุกปล้ำกันอย่างเมามันอยู่บนโต๊ะหมดอารมณ์ทันที สวีหวั่นหรูสบถออกมาเสียงหนึ่ง ก่อนจะรีบดึงกระโปรงตัวเองลงมาปิดท่อนล่างที่เปลือยอยู่ พลางรีบหมุนตัวหลบอย่างหวาดกลัว ในฐานะดาราที่เป็นบุคคลสาธารณะ สิ่งที่กลัวที่สุดก็คือการถูกพวกปาปารัสซี่เจอเรื่องส่วนตัว และโดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องบนเตียง ทว่าฝ่ายผู้ชายกลับสงบนิ่งมาก ไม่ได้หยิบเสื้อมาสวมใส่ เขาเองก็หมุนตัวมาเช่นกัน เมื่อเห็นบุคคลที่กองอยู่บนพื้น ก็ชักสีหน้าขึ้นทันที“หลินเถาเยา เธอมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร” เมื่อหลินเถาเยาได้ยินเสียงก็รีบเงยหน้าขึ้น หน้าเสียไม่แพ้กัน“ซ่าง……ซิวจื๋อ……” ไอ้บ้าเอ้ย ชาติที่แล้วเธอติดหนี้อะไรไอ้หมอนี่หรือไงนะ ทำไมไปไหนก็เจอเขา และที่สำคัญทุกครั้งที่เจอก็อยู่ในสภาพหลุดลุ่ยแบบนี้ตลอด ครั้งแรกที่เจอ พวกเธอขึ้นเตียงกันเลย ครั้งที่สอง เขารูดซิปกางเกงต่อหน้าเธออย่างหน้านิ่ง และครั้งนี้ ถูกเธอทำลายการพลอดรักของพวกเขา การขัดจังหวะการทำเรื่องอย่างว่าของคนอื่นมันต้องถูกฟ้าผ่านะ ถึงแม้ว่าเธอจะชอบมองหนุ่มหล่อและหุ่นของหนุ่มหล่อ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเธอไม่มีขีดจำกัด ผู้ชายที่เย่อหยิ่งทำตัวเหนือคนอื่นแถมยังขยันขยายพันธุ์ไปทั่วอย่างนั้น ต่อให้เป็นหุ่นที่เธอชอบที่สุด เธอก็.....ไม่สนใจหรอก.... “เธอออกไปก่อน” ซ่างซิวจื๋อบอกสวีหวั่นหรูที่อยู่ด้านหลัง น้ำเสียงเยือกเย็น ราวกับเมื่อกี้พวกเขาไม่ได้มีอะไรกัน สวีหวั่นหรูเหมือนต้องการจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ทว่าเมื่อเห็นสีหน้าของซ่างซิวจื๋อ เธอก็ไม่กล้าพูดอะไรอีก ได้แต่รีบจัดระเบียบกระโปรงตัวเองและเดินตรงไปยังประตูทันที ขณะที่เดินผ่านหลินเถาเยาที่ยังกองอยู่บนพื้น เธอถลึงตาใส่หลินเถาเยาทีหนึ่ง เอ่ยขู่เสียงทุ้ม“ฉันขอเตือนเธอนะ ถ้าเธอกล้าพูดเรื่องวันนี้ออกไปแม้แต่คำเดียว เธอตายแน่” หลินเถาเยาพยักหน้าระรัวราวกับลูกไก่จิกข้าวสาร เสียงประตูที่ถูกกระแทกปิดอย่างแรงดังขึ้นเบื้องหลังหลินเถาเยา เธอจึงค่อยวางใจลงหน่อย หลังจากที่สวีหวั่นหรูจากไปแล้ว เธอจึงเพิ่งนึกได้ว่า เมื่อกี้.....เขากำลังขู่เธออย่างนั้นหรือ เมื่อกี้....สายตาอำมหิตคู่นั้นเป็นของสวีหวั่นหรูจริงๆหรือ เธอเป็นดาราสาวที่ได้ชื่อว่าบริสุทธิ์เรียบร้อยที่สุดไม่ใช่หรือ หลินเถาเยามีคำถามมากมายเกิดขึ้นในใจแต่ก็ไม่ได้รับคำตอบ “เธอยังจะอยู่บนพื้นอีกนั้นไหม”เสียงเยาะเย้ยดังเข้ามาในหูหลินเถาเยา เธอจึงเพิ่งรู้สึกตัว ว่าตนยังกองอยู่บนพื้นอย่างซื่อบื้ออยู่ รีบลุกขึ้นจากพื้นอย่างกระฉับกระเฉง เธอหลุบตาลง ไม่กล้าแม้แต่จะมองซ่างซิวจื๋อด้วยซ้ำ เอ่ยพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงราวกับแมวน้อย“เอ่อ...ฉันไปก่อนนะ” ถ้าตอนนี้ยังไม่รีบออกไป เธอก็โง่น่ะสิ ขณะที่เธอเพิ่งจะเปิดประตูออกเพียงนิดเดียว แรงมหาศาลหนึ่งก็ได้ดันประตูปิดลงอีกครั้ง จุๆหลินเถาเยาก็สัมผัสได้ว่าด้านหลังของเธอมีฮอร์โมนส์แรงกล้าของผู้ชายถาโถมเข้ามา หลินเถาเยาถูกแขนของซ่างซิวจื๋อกอดรัดไว้อย่าแน่น มีลมหายใจอุ่นๆกระทบลงบนศีรษะของเธอ“ว่าไง ทำลายเรื่องสนุกๆของฉันแล้วคิดจะหนีงั้นหรือ” หลินเถาเยาแทบอยากจะร้องไห้ เธอไม่ได้ตั้งใจจริงๆนินา อยู่ๆใครจะไปแอบดูคนอื่นทำเรื่องอย่างว่ากันล่ะ ไม่ใช่พวกโรคจิตสักหน่อย อีกอย่างมันมีอะไรน่าแอบดูล่ะ “เอ่อประธานซ่างฉันแค่บังเอิญเดินผ่านเท่านั้นเอง” ศีรษะของหลินเถาเยาพิงประตูไว้ แทบไม่กล้าลืมตาขึ้นมาด้วยซ้ำ คุณพระ ผู้ชายคนนี้น่ากลัวเหลือเกิน ท่อนบนที่เปลือยเปล่าของซ่างซิวจื๋อ กดทับหลินเถาเยาไว้แน่น บอกตามตรงนะ ตั้งแต่คราวนั้นที่ได้เธอไปคืนหนึ่ง หลังจากนั้นก็มักจะรู้สึกว่าผู้หญิงคนอื่นขาดอะไรบางอย่างไป ไม่ได้ทำให้เขารู้สึกตื่นเต้นเท่าไหร่ และในตอนนี้ เลือดทั่วร่างของเขาต่างร้องตะโกนว่าให้กดทับผู้หญิงคนนี้ลงไปใต้ร่าง เขาเอนกายลงไปเล็กน้อย ลมหายใจที่พ่นออกมาของเขากระทบลงบนแก้มหลินเถาเยาราวกับสายลม น้ำเสียงของเขาทั้งทุ้มต่ำและน่าดึงดูด“แต่ เหยื่อของฉันถูกเธอทำให้ตกใจจนหนีไปแล้ว”อันที่จริงช่วงนี้เขากำลังบำเพ็ญศีลบำรุงร่างกายอยู่ แต่นึกไม่ถึงว่าสวีหวั่นหรูคนนั้นกลับมาส่งถึงที่ด้วยตัวเอง ถ้าเขาไม่รับไว้ก็ต้องเสียมารยาทสิ หลินเถาเยาตัวสั่นเทาไปหมด เพราะไม่ว่าอย่างไร เขาก็คือคนแรกที่ร่างกายนี้เคยผ่าน จึงได้มีปฏิกิริยาบางอย่างต่อเขาตามสัญชาตญาณมั้ง “เหยื่อหนีไปแล้วก็ล่าอีกได้นิ อย่าไปกินกระต่ายอะไรพวกนั้นเชียวนะ มันจะลดดีกรีของตัวเองลง นายว่าใช่ไหม” น้ำเสียงกล้าๆกลัวๆของหลินเถาเยาน่ารักสุดๆไปเลย ซ่างซิวจื๋อหัวเราะเสียงทุ้มขึ้นมา เสียงของเขาไพเราะราวกับสายลม“ครั้งที่แล้วเคยกินกระต่ายไปครั้งหนึ่ง รู้สึกว่ารสชาติไม่เลวเลย ครั้งนี้ก็เลยอยากลองชิมอีก” หลินเถาเยาตกใจ“อุ๊บ”ทันทีที่เงยหน้าขึ้น ก็ถูกซ่างซิวจื๋อประกบปากไว้ทันที ฝีมือการจูบของเขาเก่งกาจมาก บดขยี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า จูบจนหลินเถาเยาหายใจไม่ทัน “อืม.....” หลินเถาเยาคิดจะขัดขืนตามสัญชาตญาณ แต่ทว่าแขนทั้งสองข้างของเธอกลับถูกเขารวบไว้แน่น ออกแรงไม่ขึ้นเลย เธอตะลึงงัน แววตาอันดุดันของชายหนุ่มทำให้เธอทั้งหวาดกลัวทั้งสั่นเทา ครั้งที่แล้วที่เสียตัวไปเพราะไม่มีทางเลือก แต่ครั้งนี้ทำไมเธอต้องถวายตัวให้เขาด้วยล่ะ เมื่อคิดได้เช่นนี้ หลินเถาเยาก็กัดเข้าที่ริมฝีปากของซ่างซิวจื๋ออย่างจังทีหนึ่ง ซ่างซิวจื๋อเจ็บจนต้องคายออก “นี่ถือเป็นการท้าทายไหม” นิ้วมือที่เรียวยาวของซ่างซิวจื๋อเช็ดคราบเลือดบนริมฝีปากออก ท่าทางเซ็กซี่เย้ายวนสุดๆ หลินเถาเยาดวงหน้าแดงก่ำไปหมด ไม่รู้ว่าเพราะถูกจูบหรือเพราะโมโห“ท้าทายกับผีสิ คุณเป็นพวกซาดิสม์หรือเปล่าฉันไม่รู้ แต่ฉันไม่ใช่แน่ๆ อยู่ๆมากัดริมฝีปากท้าทายคุณ คุณคิดว่าฉันเป็นโรคจิตหรือไง” ซ่างซิวจื๋อแววตาเจ้าเล่ห์ เขาคิดอะไรบางอย่างขึ้นมา เอ่ยเสียงทุ้ม“ครั้งนี้เธอต้องการเท่าไหร่” “ว่าไงนะ” หลินเถาเยาเบิกตากว้าง สีหน้ายิ่งแดงขึ้นไปอีก ทีนี้เธอโมโหขึ้นมาแล้วจริงๆ“นายคิดว่าฉันขายตัวหรือไง” ซ่างซิวจื๋อขำเยือกเย็น“หรือว่าไม่ใช่ ครั้งที่แล้วในงานเลี้ยงเต้นรำ เธอได้ตีราคาตนเองเอง” หลินเถาเยาถึงกับพูดไม่ออก“ตอนนั้น.....ตอนนั้นเป็นสถานการณ์ฉุกเฉิน....ไม่นับ....” นัยน์ตานุ่มลึกของซ่างซิวจื๋อลุกวาว หายใจเร็วขึ้นเรื่อยๆ เขาก้าวเข้าไปกดทับหลินเถาเยาไว้ เอ่ยเสียงทุ้มข้างหูเธอ“ครั้งนี้ฉันก็เป็นสถานการณ์ฉุกเฉิน ว่ามา ตกลงต้องการเท่าไหร่” หลินเถาเยายังคงมึนงง จนกระทั่งซ่างซิวจื๋อเอาอะไรบางอย่างมาดันเธอไว้ราวกับแสดงอำนาจ เธอจึงเพิ่งเข้าใจว่าสถานการณ์ฉุกเฉินที่เขาว่าคืออะไร เธอโมโหสุดๆ ใช้หัวเข่าศอกเข้าบนอวัยวะกลางเรือนร่างของเขาที่ตั้งตระหง่านไว้นั้น ตะโกนด่า“ไอ้โรคจิต” ถือโอกาสตอนที่ซ่างซิวจื๋อเจ็บจนพูดอะไรไม่ออก เธอก็ได้โอกาสวิ่งออกไปทันที ทิ้งไว้เพียงผู้ที่เป็นถึงประธานบริษัทเจ็บปวดจนต้องงอตัวไว้ พูดอะไรไม่ออก บ้าชิบ นี่เธอไม่รู้หรือไงว่าในเวลาแบบนี้ถ้าผู้ชายได้รับแรงกระแทกจากภายนอก อาจขันไม่ขึ้นตลอดชีวิตก็เป็นได้ หลินเถาเยาเธอตายแน่ ซ่างซิวจื๋อฉีกหลินเถาเยาออกเป็นชิ้นๆในใจนับครั้งไม่ถ้วนแล้ว จนเมื่อเห็นประวัติส่วนตัวของเธอที่ตกอยู่บนพื้นจึงหยุดพฤติกรรมปัญญาอ่อนนี้ลง เขาหยิบกระดาษแผ่นนั้นขึ้นมา หลังจากที่ได้ดูประวัติของเธอ ก็ผุดรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ขึ้นบนมุมปาก นัยน์ตานุ่มลึกคู่นั้นเป็นประกายลุกวาว ราวกับเหยี่ยวที่พบเหยื่อเข้า สมัครเป็นเลขาประธานบริษัท................... หึ หลินเถาเยา เห็นที เรื่องสนุกๆกำลังจะมาเยือนเธอแล้วล่ะ หลินเถาเยาที่วิ่งลงไปอย่างรีบร้อนไม่ได้ไปเข้าร่วมสัมภาษณ์งานด้วยซ้ำ เธอกลับบ้านทันที เพราะไม่ว่าอย่างไร คิดจะแย่งงานท่ามกลางคนมากความสามารถมากมายขนาดนี้ เธอช่างไม่เจียมกะลาหัวเลยจริงๆ แม้ว่าตำแหน่งนั้นเป็นตำแหน่งที่เธอใฝ่ฝันมากก็ตาม ไม่สิ ต้องบอกว่าเงินเดือนนั้นเป็นเงินเดือนที่เธอใฝ่ฝัน เพราะตอนนี้เพิ่งใช้หนี้ไป เงินสำรองก็ไม่มี และเธอก็เรียนจบมาได้ปีหนึ่งแล้ว ยังหางานทำไม่ได้ มันจึงทำให้เธอจำเป็นต้องหางานที่มั่นคงให้ได้อย่างเร็วที่สุดมาเลี้ยงครอบครัว มิเช่นนั้นพวกเธอสามคนพ่อแม่ลูกต้องแย่แน่ๆ ตอนมหาลัยสาขาที่เธอเรียนคือสาขาการเงินและเลขานุการ เพราะอาชีพเลขาเป็นอาชีพที่เธอชอบที่สุด แต่ถังหน่วนเวยได้พูดไว้ตั้งแต่ตอนเรียนจบแล้ว ว่าบริษัทไหนจะรับคนที่สามารถแนบเอกสารกลับหัว และแม้แต่ตารางการประชุมของเจ้านายก็จดผิดได้ นอกเสียจากเจ้านายคนนั้นจะชอบหลินเถาเยา หากเป็นเช่นนี้จริงๆ ถังหน่วนเวยจะสงสัยในสายตาและรสนิยมของเจ้านายคนนั้นมาก เหมือนอย่างที่เธอสงสัยในตัวซุนโสง ......................................... ขณะที่หลินเถาเยากำลังกลับบ้าน ก็พบกงหยู่ที่มาส่งถังหน่วนเวยกลับบ้านพอดี รถสปอร์ตสีแดงสดสะดุดตาสุดๆในเขตที่พักของพวกเธอ โดยเฉพาะผู้ชายที่อยู่บนที่นั่งคนขับ ใบหน้าหล่อเหลานั้นทำให้ผู้ที่ผ่านไปมาต่างพามองตาละห้อยอย่างละสายตาไม่ได้ กงหยู่เห็นสายตาแบบนี้จนชินและเห็นเป็นเรื่องปกติไปแล้ว แต่เหมือนว่าถังหน่วนเวยกลับไม่ชินเสียเลย
已经是最新一章了
加载中