บทที่14 อ้อนขอให้เขาเปลี่ยนความคิด   1/    
已经是第一章了
บทที่14 อ้อนขอให้เขาเปลี่ยนความคิด
บทที่14 อ้อนขอให้เขาเปลี่ยนความคิด ยินเซิงเจ๋อเป็นคนที่หึงหวงตลอดเวลา เพียงแค่เธอพูดอะไรผิดเขาก็จะจินตนาการไปเองเสมอ “ได้ คุณไปก็ได้นิค่ะ ฉันไม่ได้หมายถึงไม่ให้คุณไป ตกลงคุณจะให้ฉันไปไหม?”หลินโย่ยีกำลังคิดว่าถ้าครั้งนี้เขายังไม่เห็นด้วย เธอก็จะตายแล้ว “อยากออกไปก็รีบเปลี่ยนชุด ไม่เปลี่ยนชุดที่นี่ก็อย่าออกไปเลย” หลินโย่ยีรู้สึกว่าเป็นราชาเผด็จการของแท้เลย ไม่มีเหตุผลเลยสักนิด ยินเซิงเจ๋อรู้ว่าเธอเป็นคนหัวโบราณในเรื่องแบบนี้ ดังนั้นจึงพูดว่า “ผมก็จะเปลี่ยน พวกเราหันหลังเปลี่ยนพร้อมกัน ไม่มีใครมองใครได้ พอถึงเวลาก็เปลี่ยนเสร็จ ว่ายังไง?”หลินโย่ยีฟังคำแนะนำของเขาก็รู้สึกว่าเป็นกับดัก เพราะเขาจะเปลี่ยนเสร็จเร็วกว่าเธอ “คุณต้องเปลี่ยนเร็วกว่าฉันแน่นอน!”หลินโย่ยีขมวดคิ้วแสดงความไม่พอใจ หลินโย่ยีคิดว่าเขาจะพูดอะไรต่อ แต่ผลปรากฏว่าเขาเริ่มถอดเสื้อโดยที่ไม่พูดอะไรสักคำ สักพักก็เผยแผ่นอกที่แข็งแกร่งสีข้าวสาลีหลินโย่ยีเห็นแล้วตาโต ตกใจรีบหันหลังไป เพิ่งหันหลังก็ได้ยินเสียงเขาพูดว่า “คุณก็รอไปเถอะ ไว้ผมเปลี่ยนเสร็จก็จะหันกลับไปแล้ว” หลินโย่ยีรู้สึกว่าเขาหันหลังไปก็เหมือนจะมองเห็นได้ แต่ถ้าไม่ถอด เดี๋ยวก็จะถูกมองโดยตรงอีก ที่จริงยินเซิงเจ๋อรักษาสัจจะ เขาไม่ได้ดู หลินโย่ยีตื่นเต้นมาก เอายังไงดี ต้องหน้าด้านเปลี่ยนเลยไหม? ฟังจากได้ยินเสียงเขาถอนเสื้อแล้วสองตัว และกำลังเริ่มใส่ ดังนั้นหลินโย่ยีเปิดซิปเสื้อกันหนาวออกอย่างรวดเร็ว แทบจะใช้วิธีการโยนด้วยซ้ำ ใช้ความเร็วเต็มสปีดถอดเสื้อและกางเกง กลัวยินเซิงเจ๋อจะแซงเธอก่อน แต่ยินเซิงเจ๋อใช้ความเร็วทั่วไป ไม่เร่งรีบอะไร ถึงแม้หลินโย่ยีรู้ว่าเร็วสุดแล้ว แต่ทำไมยังไม่แซงเขาไปนะ?เพราะหลินโย่ยีใส่เยอะกว่า แถมยังต้องเปลี่ยนเสื้อชั้นในอีก ติดไปติดมาวุ่นวายมากกว่า ถ้ายิ่งรีบยิ่งไม่ติด ยินเซิงเจ๋อเปลี่ยนเสร็จก็หันกลับมาจริง แต่หลินโย่ยีก็ใส่ไปพอสมควรแล้ว หลินโย่ยียังหันหลังอยู่เหมือนเดิม ยินเซิงเจ๋อเดินไปข้างหน้าเธอ ช่วยเธอใส่เสื้อกันหนาว “เป็นไงบ้าง?คำแนะนำของผม?ผมไม่ได้เห็นอะไรของคุณเลย”ยินเซิงเจ๋อพูดหลินโย่ยีนิ่มเงียบ ยินเซิงเจ๋อเริ่มแซวเธออีกว่า“พูดไปแล้วคุณก็ไม่มีอะไร” พูดจบยังมองเธอหัวจรดเท้า หลินโย่ยีเมื่อกี้ยังรู้สึกซาบซึ้งที่เขาเปลี่ยนเสื้อให้เธอ ฟังคำพูดของเขาแล้วเธอเสียใจยิ่งนัก ดันมือเขาออกไป “ฉันยินดีที่จะอยู่คนเดียว ไม่มีก็ไม่มี ไม่มีคนชอบฉันก็ไม่เป็นอะไร” ยินเซิงเจ๋อเห็นเธอพูดอย่างสบายๆ เขาฟังออกว่าเป็นคำพูดจากใจเธอ โง่ไม่โง่ รู้สึกไม่ได้ถึงความรักที่เขามีต่อเธอเลยหรือ?เธอไม่เคยถูกผู้ชายรักมาก่อนเลยหรือ?เรื่องแค่นี้ยังดูไม่ออก เขาไม่อนุญาตให้เธอมีความคิดที่โดดเดี่ยวและเข้มแข็งอย่างนี้ เขารู้สึกว่าได้ทำร้ายหัวใจเธอไปแล้ว ยินเซิงเจ๋อไม่ได้พูดอะไร แต่ในใจของหลินโย่ยีเข้าใจทุกอย่างแล้ว หลินโย่ยีเข้าใจว่า ถึงแม้ตัวเองจะแต่งงานกับเขาแล้วและฟังดูเหมือนไม่น่าเชื่อ แต่ความจริงก็คือเธอรู้ว่าตนไม่มีคนมาชอบ แล้วจะเป็นอะไรไปล่ะ?ยังไงซะก็ต้องหย่ากับเขาในไม่ช้าอยู่ดี รอบกายเขาก็ไม่ได้ขาดผู้หญิง ฟังเขาพูดอย่างนี้แล้วรู้สึกปวดใจอย่างบอกไม่ถูก เธอรู้ตัวดีว่าตัวเองเป็นอย่างไง ความคิดของเธอก็คือหาคนที่รักตัวเธอมากกว่าทุกสิ่งบนโลกใบนี้ คนคนนั้นไม่รังเกียจที่หุ่นของเธอนั้นแสนจะธรรมดา และไม่ไปมีผู้หญิงคนอื่น ทะนุถนอมเธอ ให้อ้อนกอดที่แสนอบอุ่นแก่เธอ ยินเซิงเจ๋อเห็นเธอนิ่งเฉยไม่พูดอะไร ก็รู้ว่าเด็กโง่คนนี้เริ่มคิดไปไกลจากคำพูดของเขาเมื่อกี้แล้ว ยินเซิงเจ๋อไม่ได้พูดมากอะไร หลินโย่ยีก็เดินตามเขาตลอด รถได้จอดอยู่หน้าประตูบนพื้นที่ปูพรมไว้แล้ว รถโรลส์รอยซ์ที่หรูหรา สูงส่งก็สไตล์เดียวกันกับยินเซิงเจ๋อ ยินเซิงเจ๋อเปิดประตูให้เธอ มือบังหลังคารถไว้กลัวหัวเธอจะชนเข้า หลินโย่ยีไม่ได้พูดมากอะไรเดินขึ้นรถโดยตรง ยินเซิงเจ๋อรอเธอขึ้นรถเสร็จก็ก้าวเท้าไปขึ้นรถตาม ขึ้นรถเสร็จ รถก็ค่อยๆเริ่มเคลื่อนที่ ยินเซิงเจ๋อได้พูดแบบเสียงหนักๆว่า“พาคุณไปกินข้าวก่อน เสร็จแล้วค่อยไปที่อื่นกัน”ยินเซิงเจ๋ออธิบายว่าไม่พาเธอไปไหนก่อน คือให้กินข้าวก่อนนั่นเอง หลินโย่ยีตอบรับเสียงธรรมดา “อืม” แล้วเอียงหน้าดูที่หน้าต่างรถ ชมวิวทิวทัศน์ที่หน้าต่างตลอดทาง ยินเซิงเจ๋อเห็นเธอหันหน้าไปไม่มองเขาสักแวบเดียว อยากจะคว้าสมองของเธอมาดู ข้างนอกมีอะไรน่าดูนัก?ดึงดูดใจกว่าเขาหรือ? รถจอดอยู่หน้าร้านอาหารสไตล์จีน หลินโย่ยีเห็นควรลงจากรถแล้วจึงคิดจะเปิดประตูรถ แต่ทำไมถึงเปิดไม่ได้ คาดว่าน่าจะเป็นคนขับรถที่ล็อคประตูไว้ ยินเซิงเจ๋อสั่งคนขับรถด้านหน้าหนึ่งประโยค“เปิดประตูรถ!”ประตูส่งเสียงขะตะ หลินโย่ยีจึงเปิดประตูรถได้ ตอนกำลังจะก้าวเท้าลงไปนั้นยินเซิงเจ๋อก็ดึงประตูรถกลับมาอีก หลินโย่ยีมองเขาจะอะไรโดยอัตโนมัติ ยินเซิงเจ๋อก็จับเธอเข้ามาใกล้พลางมองเธอ “คุณรีบร้อนขนาดนั้นทำไม?ผมน่ากลัวขนาดนั้นเลยหรือ?ผมเป็นสัตว์ดุร้ายหรือ?หรือเป็นเพราะผมขี้เหร่?ทำให้คุณไม่มองผมตลอดทางเลย” ตอนแรกยินเซิงเจ๋อไม่อยากพูด แต่พูดแล้วก็ยิ่งอยากพูดให้หมด เผชิญหน้ากับความเย็นชาของเธอ เขาจึงเริ่มสงสัยตัวเองว่าขี้เหร่ไหม?แต่มีผู้หญิงมากมายต่อแถวจะเข้ามา หรือเป็นเพราะเธอไม่ชอบเขากันแน่ “ยินเซิงเจ๋อ ฉันทำอะไรให้คุณอีก?ฉันต้องทำยังไงกันแน่ถึงจะถูกใจคุณ คุณหล่อมากและไม่ใช่สัตว์ที่ดุร้ายอีกด้วย พอใจหรือยัง?”หลินโย่ยีใช้โอกาสที่ยินเซิงเจ๋อปล่อยมือรีบเปิดประตูลงจากรถทันที ยินเซิงเจ๋อไม่ได้สังเกตและไม่ได้รั้งในทันที ยินเซิงเจ๋อรีบลงจากรถตามไป นึกถึงภาพที่เธอพยายามหลบหนีเขา เขาโกรธจนอยากอุ้มเธอมาตีนัก หลินโย่ยีอยากล่องลอยไปนัก ดึงชายเสื้อของยินเซิงเจ๋อ “ยินเซิงเจ๋อ คุณจะทำอะไร?นี่มันที่สาธารณะ คนอื่นเห็นเข้าจะไม่ดี ทางที่ดีคุณปล่อยฉันลงมาก่อน”หลินโย่ยีดิ้นอยู่ในอ้อนกอดเขาอย่างตื่นตระหนก “ทางที่ดีคุณอย่าดิ้นดีกว่า ถ้าดิ้นอีกผมจะจูบคุณกลางสาธารณะเลย คุณว่ายังไง?”ยินเซิงเจ๋อก้มหน้าอมยิ้มแล้วมองเธอ หลินโย่ยีไม่มีทางเลือก เธอรู้ว่าคนอย่างยินเซิงเจ๋อพูดออกมาแล้ว ในสายตาคนอื่นจะไม่เชื่อว่าจะเป็นไปได้ แต่เขาก็พูดจริงทำจริงเสมอ หลินโย่ยีไม่กล้าขยับ หลบอยู่ในหน้าอกของเขาไม่กล้าเผยใบหน้าออกมา ยินเซิงเจ๋อเห็นท่าทีเธอก็ยิ้ม ยินเซิงเจ๋อเดินเข้าห้องที่ได้สั่งจองไว้ วางเธอลงที่เก้าอี้ เวลานี้ยินเซิงเจ๋อเหมือนพ่อที่กำลังสั่งสอนอยู่ “ไปล้างมือก่อน ล้างมือเสร็จแล้วค่อยกินข้าวกัน” ไม่นานก็มีเด็กเสิร์ฟหญิงเดินเข้ามานำเธอไปที่ห้องน้ำ ยินเซิงเจ๋อยังมีเรื่องที่ต้องจัดการ สั่งให้ลูกน้องจัดเตรียมตารางการเดินทางของวันนี้และจัดเตรียมสถานที่ให้พร้อม ถึงแม้ว่าเรื่องแค่นี้จะไม่มีปัญหาต่ออำนาจของยินเซิงเจ๋อ แต่การจัดการกับคนสุ่มสี่สุ่มห้าที่มากลางคันก็ยุ่งยากไม่เบา ดังนั้นยินเซิงเจ๋อต้องจัดการเรื่องนี้ให้ดีๆ ต้องไม่ให้เธอผิดหวังกับการเที่ยววันนี้ หรือไม่ให้ใครมารบกวนเธอได้ หลินโย่ยีล้างมือเสร็จแล้วกลับมา โต๊ะที่หรูหราก็เต็มไปด้วยอาหารนาๆชนิด หลินโย่ยีรู้สึกมีความสุขที่เห็นอาหารอร่อยๆตั้งมากมาย “โอ้โห ทำไมมีอาหารจีนเยอะขนาดนี้ คุณรู้ว่าฉันชอบกินอาหารชาวจีนได้ยังไงหรือค่ะ?”ในที่สุดหลินโย่ยีก็ยิ้มออกมาจนได้ ถึงแม้จะไม่ใช่เพราะเขา แต่ก็รู้สึกมีความสุขดี “ผมทายว่าคุณชอบทานอาหารจีน และยังทายว่าคุณชอบกินอะไรบ้าง คุณว่าผมทายแม่นไหมล่ะ?”ยินเซิงเจ๋อยิ้มอย่างมีเลศนัย เธอชอบกินหวาน ไม่ค่อยชอบกินเผ็ดสักเท่าไหร่ และยังชอบกินผักที่จืดๆ หรือยังมีเนื้อปลาที่หอมๆ สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่เป็นการทายของเขา แต่เป็นการสังเกตจากเวลากินข้าวปกติ สิ่งที่เธอชอบเขาจะใส่ใจเป็นพิเศษ หลินโย่ยีเหมือนจะหิวแล้ว ไม่พูดและไม่สนว่าเขาจะอนุญาตหรือไม่ก็เอาตะเกียบขึ้นมาจะเริ่มกิน พอจะกินก็ยังไม่วางใจส่งสายตามองสีหน้าของยินเซิงเจ๋อ ยินเซิงเจ๋อมองท่าทีของเธอก็รู้ว่าคนโง่เขลายังมีความกลัวเขาอยู่เล็กน้อย ยินเซิงเจ๋อไม่ได้พูดอะไร ก็เริ่มจับตะเกียบกินข้าว ยินเซิงเจ๋อกินได้ไม่กี่คำ ก็คีบเนื้อปลาที่ไม่มีก้านที่สดใหม่ให้เธอกิน หลินโย่ยีก้มหน้าเริ่มรู้สึกอากาศคลุมเครืออีกแล้ว หลินโย่ยีเป็นคนที่เขินอายง่าย เพราะเธอไร้เดียงสากับเรื่องความรู้สึกระหว่างชายหญิง ที่จริงแล้วเธอเข้าใจทุกอย่าง อาจจะรู้แจ้งทะลุปรุโปร่งกว่าคนอื่นด้วยซ้ำ เป็นเพราะตั้งแต่เด็กยันโตก็มีผู้ชายไม่มากที่ดีต่อเธอ ดังนั้นจึงทำให้เธอเขินอาย เกรงอกเกรงใจได้ง่าย หลินโย่ยีแสดงความไร้เดียงสาต่อยินเซิงเจ๋อ“ฉันคีบเองก็ได้ค่ะ คีบถึงอยู่ค่ะ ” ยินเซิงเจ๋อถอนหายใจอยู่ในใจ มิน่าล่ะเธอถึงไม่มีประสบการณ์ด้านความรักมาก่อน เธอชอบปฏิเสธผู้ชายที่ชอบเธอ แต่โชคดีที่เธอเป็นแบบนี้ ไม่เช่นนั้นเขาคงหึงหวงตายแล้ว ต้องมีการหึงที่ไม่จบสิ้นแน่ๆ และอาจจะไปสืบค้นประวัติคนรักเก่าของเธอก็เป็นได้ หลินโย่ยีไม่รู้ว่ายินเซิงเจ๋อกำลังครุ่นคิดอะไรอยู่มากมาย เธอเพียงแต่ตั้งหน้าตั้งตากินข้าวเท่านั้น กินไปกินมาแล้วเจอก้านปลา หลินโย่ยีนึกว่าเนื้อปลาพวกนี้ไม่มีก้าน ดูแล้วก็เหมือนไม่มีจึงได้กินเข้าไป แต่กลับเจอก้านปลาเข้าซะงั้น หลินโย่ยีสำลักจนไอ แต่ก็ไม่กล้าไอแรงๆเพราะถ้ายิ่งไอก็ยิ่งเจ็บ ยินเซิงเจ๋อเห็นเธอสำลักจนหน้าแดงแล้ว ยินเซิงเจ๋อพูดไปด้วยสีหน้าที่เปลี่ยนไปด้วยทันที “ทำไมคุณไม่ลองชินก่อน?”ยินเซิงเจ๋อขมวดคิ้วพลางรีบเอาน้ำส้มสายชูบนโต๊ะเทส่งให้เธอ หลังจากที่หลินโย่ยีดื่มแล้วก็รู้สึกดีขึ้น จากนั้นก็ดื่มน้ำตามเข้าไปเยอะๆ จึงจะรู้สึกว่าก้านได้ตกลงไปแล้ว “ทำไมคุณโง่อย่างนี้ กินปลาก็ไม่ระวังเลย!นึกว่าปลาเป็นลูกอมหรือไง?”ยินเซิงเจ๋อขมวดคิ้วไปด้วยลูบให้เธอหายใจสะดวกไปด้วย “ฉัน ฉันนึกว่าที่คุณคีบให้ฉันไม่มีก้านแล้ว”หลินโย่ยีนึกไม่ถึงจริงๆ คิดว่าเขาคีบให้คงไม่มีหรอก? “หลินโย่ยี ผมเคยเห็นคนโง่ แต่ไม่เคยเห็นใครโง่เท่าคุณมาก่อน” หลินโย่ยีดูเขาจับหน้าผากเหมือนตนจะโง่อย่างที่ว่าจริงๆ “อะไรกัน!เอาอะไรมาวัดว่าฉันโง่ นี่ไม่เรียกว่าโง่แต่เป็นการเชื่อใจคุณ คุณควรจะรู้สึกดีมากกว่านะ!” ยินเซิงเจ๋อเห็นเธอพูดบ่ายเบี่ยงเก่ง ก็ไม่ถือสาเธอ ในใจเขารู้สึกว่าเธอนั้นโง่จริงแท้ รับไม่ได้กับคำหยอกล้อเล็กๆน้อยๆของผู้ชาย ในบางเวลาแม้แต่เรื่องเล็กๆก็สามารถยืดเยื้อจนพังได้ การพูดจาในบางครั้งตลกขบขันมาก ทำให้เขาเกิดความสนใจต่อเธอเป็นอย่างมาก แต่ยินเซิงเจ๋อรู้ว่านี่คือสิ่งที่ติดตัวเธอมาแต่เกิด ไม่ใช่ใครก็มีได้ มีแต่เขาเท่านั้นที่รู้ว่าสิ่งเหล่านี้ในตัวเธอนั้นล้ำค่าเพียงใด นี่ไม่ใช่กลอุบายที่เธอหลอกล่อให้เขามาสนใจในตัวเธอ ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่เธอกลายเป็นคนที่พิเศษไม่เหมือนกับผู้หญิงคนอื่น บนโลกที่กว้างใหญ่ไพศาลนี้อาจจะยังมีผู้หญิงที่พิเศษอยู่อีก แต่เขารักเฉพาะคนนี้ ผู้หญิงที่พิเศษจริงๆจะแทรกอยู่ในบรรดาผู้คนมากมาย สำหรับคนคนนั้นของคุณจะทะลุผ่านผู้คนตั้งมากมายมาหยุดอยู่ตรงหน้าคุณ จะผลักคนรอบข้างในระหว่างทางออก เพื่อตรงเข้ามาหาคุณอย่างจริงใจและกล้าหาญ ความโง่ที่เขาชอบ โง่ที่น่าเอ็นดู ความโง่ที่เดินเข้ามาอยู่ในใจเขา หลังจากนี้เธอจะไม่ได้เจอการทรยศ คนโง่คนนี้เป็นของเขา ใครก็ไม่สามารถมาครอบครองได้
已经是最新一章了
加载中