บทที่ 3 ถูกคนเพ่งเล็ง   1/    
已经是第一章了
บทที่ 3 ถูกคนเพ่งเล็ง
บทที่ 3 ถูกคนเพ่งเล็ง   ฉันพบว่า ไม่สามารถแสดงความอ่อนแอออกมาต่อหน้าผู้หญิงอย่างเหอเสวี่ยนได้ ไม่อย่างนั้นจะถูกโต้กลับมา เก็บของเสร็จ ฉันก็รีบไปโรงเรียนทันที   ก่อนที่จะต้องลงสมัครเรียน ฉันได้คิดวิเคราะห์ถึงความเป็นไปได้ที่มาถึงจุดนี้ไว้ ดังนั้นจึงจ่ายค่าหอไปแล้ว ตอนนี้ก็มีที่ให้พักอยู่แล้ว ถึงหอพักก็เป็นเวลาห้าโมงแล้ว ในห้องพักไม่มีใคร ฉันชำเลืองมอง เหลือเพียงแค่ชั้นบนและชั้นล่าง นอกจากนี้ยังมีของใช้ในชีวิตประจำวันอยู่ไม่น้อย ฉันหยิบมันลงอย่างรวดเร็ว แล้ววางไว้อีกด้านหนึ่ง ปูผ้าปูที่นอนของฉันเสร็จ ก็เดินฮัมเพลงไปที่ห้องเรียน ถึงเวลาเรียนพิเศษทันพอดี   ฉันละทิ้งปัญหาของที่บ้านออกไป ตั้งใจเรียนก่อนจะดีกว่า ตอนที่แม่ยังอยู่ เคยบอกประโยคนี้เอาไว้หลายครั้งว่า การพึ่งพาคนอื่นไม่เหมือนกับพึ่งพาตัวเอง ตอนนี้พ่อก็มีครอบครัวใหม่แล้ว นี่คือทางเลือกของเขา ฉันไม่สามารถไหลตามเขาไปโดยไม่มีจุดยืนของตัวเองได้   ฉันเดินไป ก็พบว่าโต๊ะเดิมมีหัวของเสี่ยวผ้างแนบอยู่กับโต๊ะ เหมือนกำลังเล่นแท็บเล็ตอยู่ ทันใดนั้นฉันก็ยื่นมือออกไป แย่งแท็บเล็ตมา ถึงพบว่าหูฟังก็ถูกดึงออกมาด้วย หลังจากนั้นก็มีเสียงร้องครางที่หวานนุ่มออกมา ฉันตกใจ เจ้าเด็กคนนี้กำลังดูหนังโป๊อยู่   ฉันยังเตรียมที่จะแกล้งเขาเล่นต่อ เสียงหวานนุ่มนี้ ทำให้ฉันเปลี่ยนเป็นรู้สึกสนใจไปชั่วขณะ นักเรียนผู้หญิงเหล่านั้นก็หน้าแดง นักเรียนชายก็หันมาส่งเสียงดัง “แม่ง หลัวจื้อเหวินคุณมันนี่สุดยอดจริงๆเลย”    “เชดแม่ ฉันคนนี้ขอคารวะเลย”   “คุณอยากจะให้ชวนนักเรียนหญิงห้องของเรามาดูด้วยกันใช่ไหม”   สิ่งที่น่าเศร้าคือ เวลานี้ครูใหญ่เหล่าหลิวเดินเข้ามา ด้วยสีหน้าดุดัน “คุณกำลังทำอะไร”   “แค่กๆ ฉัน นี่มันเป็นความเข้าใจผิด” ฉันเขินอายสุดๆ จนพูดตะกุกตะกัก   เหล่าหลิวรีบเดินมาอย่างรวดเร็ว ดึงแท็บเล็บออกไป “เด็กอย่างพวกคุณ วันๆไม่ตั้งใจเรียน ในหัวมีแต่เรื่องไร้สาระอะไรก็ไม่รู้ จะยึดของสิ่งนี้ไว้ จะลงโทษคุณให้เขียนสารภาพผิดห้าพันคำ และจะเรียกผู้ปกครองมา และพรุ่งนี้มาเรียนพิเศษเองด้วย”   ฉันเกาหัว จริงๆแล้วอยากจะพูดว่ามันเป็นของเสี่ยวผ้าง แต่เขากลับทำหน้าไร้เดียงสาอยู่ข้างหลัง ฉันจึงทำได้แค่อดทนไว้ จริงๆแล้วการเรียนมัธยมปลายมันน่าเบื่อ เป็นเรื่องเล็กน้อยที่ไม่สำคัญอะไร ก็สามารถกลายเป็นเรื่องราวใหญ่โตได้ นอกจากนี้ยังถูกเป็นข่าวซุบซิบนินทาอีก   เพียงแค่เวลาสองคาบเรียน ฉันก็กลายเป็นคนดังของโรงเรียน และยังมีเป็นนักเรียนรุ่นน้องจำนวนไม่น้อย วิ่งมาที่หน้าต่างและชี้ ข่าวซุบซิบนินทามีหลากหลายเวอร์ชั่นเต็มไปหมด ช่วยตัวเองแล้วถูกจับได้เอย ชวนนักเรียนหญิงมาดูหนังโป๊ด้วยกันเอย ถูกรายงานว่าค้าขายสื่อลามกเอย   “เฮ้ เสี่ยวเหวิน ฉันไม่รู้จะพูดอะไรเกี่ยวกับคุณจริงๆ มาแอบแย่งแท็บเล็ตของฉันไป ตอนนี้เป็นไงล่ะ ส่งของนั่นให้เหล่าหลิว และจะไม่มีทางได้คืนแน่” เสี่ยวผ้างพูดด้วยความหดหู่ใจมาก   ฉันเกาหัว “ฉันคิดว่าคุณกำลังอ่านนิยาย ใครจะรู้ว่าคุณจะกล้าเรียนรู้สิ่งนั้นด้วยตัวเอง......”   เขารีบมาปิดปากของฉันทันที “อย่าเฉไฉไปเรื่องอื่น คุณพูดมาก่อนว่าฉันจะซื้อแท็บเล็ตใหม่ยังไงดี”   “ฉันจะลองช่วยคุณดู ถ้าไม่ได้จริงๆจะซื้ออันใหม่ให้คุณ” ความคิดของฉันไม่ได้คิดตรงนี้ เพราะในบัตรยังมีเงินอยู่เกือบหนึ่งแสนหยวน แต่ที่ต้องเรียกผู้ปกครองมา นี่สิที่ฉันลำบากใจ   “จริงเหรอ คือว่าฉันแค่พูดเล่นไปงั้นเอง” เสี่ยวผ้างเกาหัวแล้วหัวเราะ   “จะหลอกคุณทำไม แล้วฉันก็เป็นคนทำเสียเรื่องเองจริงๆ ใครจะไปรู้กันว่าแค่การหยอกเล่นขำๆจะกลายเป็นหาเรื่องใส่ตัวเอง แต่พูดไปจะให้มิตรภาพเพื่อนร่วมห้องของเรามาพังลงเพราะแท็บเล็ตเพียงอันเดียวไม่ได้หรอก” ฉันพูดอย่างจริงจัง   แต่กลับทำให้เสี่ยวผ้างกระดากใจ ทันใดนั้นเขาก็นึกถึงคำถามขึ้นมา “ใช่ แล้วตอนเย็นคุณจะมาเรียนพิเศษอย่างไรล่ะ”   โรงเรียนของเรามีกฎระเบียบอยู่ นักเรียนที่พักหอพักจะต้องเรียนพิเศษ ด้านหนึ่งเพื่อความปลอดภัยของนักเรียน อีกด้านหนึ่งคือปรับปรุงประสิทธิภาพการเรียน แน่นอนว่านักเรียนที่เดินมาเรียนเหล่านั้น โดยพื้นฐานจะไม่มาเรียนพิเศษด้วยตัวเองตอนเย็นแน่นอน เอาแต่ดูโทรทัศน์เล่นอินเตอร์เน็ตอยู่บ้าน ความรู้ก็คงจะไม่มากไปกว่าในห้องเรียน   “ฉันย้ายมาอยู่หอพักแล้ว ก็เตียงนั้นที่อยู่ข้างๆคุณ” ฉันอธิบาย   เสี่ยวผ้างตอบรับมา แต่หลังจากนั้นสีหน้าก็เปลี่ยนไป “เตียงนั้นที่อยู่ข้างๆฉัน เตียงนั้นนอนไม่ได้นะ”   “ทำไมล่ะ ฉันเห็นมันอ่าง กล่องลัง แล้วไม่มีใครอยู่” สำหรับปฏิกิริยาของเขา ฉันไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่   “เฮ้ คุณไม่ต้องไปสนใจหรอกว่าทำไม คุณเลิกเรียนแล้วก็รีบกลับไป เอาของไปวางไว้ที่เดิม จะได้ไม่มีปัญหาอะไรตามมา” เสี่ยวผ้างดูร้อนรนอย่างเห็นได้ชัด   “ตกลงมันเรื่องอะไรกันแน่ คุณพูดให้มันชัดเจนไม่ได้เหรอ ฉันเข้าเรียนมาก็จ่ายค่าหอพักแล้ว ไม่ได้อยู่ที่โรงเรียนตลอด นี่มันก็เสียเปรียบแล้ว ตอนนี้ยังจะอยู่ไม่ได้อีกเหรอ” ฉันขมวดคิ้วแน่น   เสี่ยวผ้างมองไปรอบๆ แล้วบอกกับฉันเสียงต่ำว่า “ชั้นล่างเตียงนั้นคือของจางเทียนที่อยู่ห้องถัดไป เขาเผด็จการมาก ไม่ชอบให้คนอื่นไปยุ่งกับเตียงของเขา สิ่งของก็เยอะจนไม่มีพื้นที่ให้วาง ครั้งที่แล้วมีคนแบ่งสัดส่วน ก็ต้องวิ่งหนีไปเพราะกลัวเขา”   ฉันนึกได้ทันทีเลย พูดตามจริงก็คือพวกขวางโลก แต่ฉันคิดว่าวัยรุ่นด้วยกันน่าจะคุยกันง่าย เป็นกลุ่มก็ถือว่าเป็นเพื่อนกันแล้ว ไม่ใช่ปัญหา  “ไม่กลัว ฉันถึงหอพักจะพูดกับเขา คนสมัยนี้คุยกันด้วยเหตุผล” ฉันพูดอย่างไม่แยแส เสี่ยวผ้างถอนหายใจ และก็ไม่พูดอะไร   เสียงออดดังเลิกเรียน ฉันวิ่งไปที่โรงอาหารของโรงเรียน เติมเงินในบัตรอาหารไปสองร้อยหยวน ซื้อบาร์บีคิวเสียบไม้ แล้วก็น้ำดื่มอีกสองสามขวด กลับหอพักด้วยความดีใจ จริงๆแล้วฉันเป็นคนขี้เหนียว แต่เงินที่ควรจะใช้ ก็ไม่คิดเล็กคิดน้อยหรอก   เพิ่งผลักประตูเข้าไป ก็พบว่าพวกเขากลับมากันแล้ว เสี่ยวผ้างกำลังล้างของ ส่วนอีกสองสามคนก็นอนเล่นโทรศัพท์มือถืออยู่บนเตียง ฉันทักทายด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม “มาๆ มากินมื้อเย็นกัน”   โอ้แม่เจ้า พูดทักทายไปแต่ไม่ยิ้มกลับมาสักคน เจ้าพวกนี้เหมือนกับไม่ได้ที่ฉันพูด จนฉันรู้สึกเก้อเขินมาก “แค่กๆ ลืมแนะนำตัวเลย ฉันคือหลัวจื้อเหวินอยู่ห้องหก หลังจากนี้ฝากเนื้อฝากตัวด้วย มา พี่เทียน อาหารกำลังร้อนๆเลย”   ฉันก็ไม่ได้โง่ นอกจากเสี่ยวผ้างกำลังล้างของอยู่ คนอื่นอีกสี่คนก็กำลังนอนเล่นอยู่บนเตียง ด้วยท่าทางกำลังเต็มใจฟัง อย่างที่เสี่ยวผ้างเคยพูดไว้ก่อนหน้านี้ หากอยากจะเข้ามาสนิทสนมด้วย จะต้องให้จางเทียนพยักหน้า   จู่ๆจางเทียนก็ลุกขึ้นนั่ง เผยให้เห็นรอยยิ้มที่เป็นมิตรมา “คุณก็รู้ว่าฉันคือจางเทียนเหรอ”   “ใช่แล้ว ได้ยินชื่อเสียงของพี่เทียนมานาน วันนี้ได้มีโอกาสเจอ รู้สึกดีใจจริงๆ” ฉันพยักหน้า แสดงความเคารพเล็กน้อย   แต่ไม่คาดคิดเขาต่อยกลับมา จนบาร์บีคิวเหล่านั้นกระเด็นออกไป ฉันตั้งตัวไม่ทันเล็กน้อย   “นี่......”   “คุณมันโง่ ยังทำตัวเป็นคนโบราณอยู่เหรอ ในเมื่อรู้ว่ารุ่นพี่คือพี่เทียน แล้วใครให้คุณมาครอบครองเตียงด้านนี้ คุณยังทักทายกับฉันอีกเหรอ ทำไปก่อนแล้วค่อยมารายงานทีหลังคุณคิดว่าคุณใหญ่งั้นเหรอ แม่ของคุณไม่เคยสอนคุณให้เคารพคนอื่นเหรอ” จางเทียนด่าใส่โครมๆ จนฉันรู้สึกกลัว   เจ้าคนนี้โกรธมากจริงๆ ฉันเงยหน้าไปมอง เตียงที่ก่อนหน้านี้จัดเสร็จแล้วอยู่ดีๆก็หายไป แต่สิ่งของของเขายังวางอยู่ที่พื้น  “ผ้าห่มของฉันล่ะ” ฉันถามด้วยความสงสัย  “เหอๆ กูโยนทิ้งลงถังขยะแล้ว” จางเทียนพูดอย่างเย็นชา และดูภูมิใจเล็กน้อย   มิน่าล่ะตอนที่เพิ่งเดินเข้ามาในห้อง ฉันก็พบว่าถังขยะนั้นอัดกันจนแน่น มองก็คุ้นๆตา ที่แท้เป็นผ้าห่มของฉันนี่เอง เมื่อเทียบสุนัขตัวนี้กับจางเทียนแล้ว ถือว่ารังแกกันได้โหดกว่านิดหน่อย   “คุณหมายความว่าอะไร ถ้าไม่อยากให้ฉันนอนอยู่ข้างบนคุณ อย่างน้อยคุณก็รอฉันกลับมาก่อน แล้วคุยกันดีๆไม่ได้เหรอ ต้องทำกันแบบนี้ดลยงั้นเหรอ” ฉันกำหมัดแน่น แค่โดนใส่ร้ายจากที่บ้าน ฉันก็รู้สึกโกรธแล้ว นี่จางเทียนยังมาทำกริยาหยาบคายแบบนี้อีก ฉันรับไม่ไหวจริงๆ  “เหอะ ฉันทำแบบนี้แล้วจะทำไม รับไม่ได้ก็มากัดฉันสิ มันคือคำประชด ไอ้โง่” เขากล่าวอย่างลำพองใจ   ฉันเคยได้รับความโกรธแบบนี้มาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ในตอนที่เตรียมจะปรี่เข้าไป แต่แล้วเสี่ยวผ้างก็วิ่งเข้ามา รีบดึงแขนของฉันไว้ ยิ้มและพูดว่า “พี่เทียน คนไม่รู้ไม่ผิด จริงๆแล้วเสี่ยวเหวินไม่ได้ตั้งใจ คุณเป็นผู้ใหญ่ก็อย่าถือสาเด็กเลย”   “แม่มึงสิ ไอ้ก้อนไขมันพูดมากจริงๆ เชื่อไหมว่ากูกำลังจะเลี้ยงหมั่นโถว” จางเทียนเหวี่ยงมาพร้อมหมัด เสี่ยวผ้างก้มหัวลง ฉันถึงพบว่า ดวงตาด้านซ้ายของเขาบวมเพราะโดนคนต่อยมาอย่างเห็นได้ชัด   เสี่ยวผ้างจับมือของฉันไว้ แล้วกระพริบตามาที่ฉันไม่หยุด คนอื่นอีกสี่คนในหอพักก็จ้องมองฉันตาเขม็ง ถ้าเมื่อสักครู่บุ่มบ่ามลงมือไป พวกเขาก็คงพุ่งเข้ามาเป็นแน่ และฉันก็จะตัวคนเดียวโดยไม่มีความช่วยเหลือใดๆ   หอพักนี้มีฉันกับเสี่ยวผ้างเรียนอยู่ห้องเดียวกัน ไม่รู้จักใครอื่นเลย แม่งเอ๊ย ผู้ชายแมนๆต้องปรับตัวได้ ก็แสดงว่าต้องก้มหน้ายอมรับผิดงั้นเหรอ ถ้าไม่สามารถอยู่ในหอพักได้ต่อไป ฉันยังจะสามารถไปอยู่ที่ไหนได้อีก   “พี่เทียน เป็นความผิดของฉันเอง หวังว่าคุณจะให้อภัยฉัน” รสชาติของความนอบน้อม มันก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่ฉันได้ลิ้มลองมัน   “เหอๆ ตอนนี้รู้ว่าผิดแล้วเหรอ ดูท่าทางคุณกลัวแต่ก็อยากจะสู้ฉันนะ” จางเทียนหรี่ตามอง ฉันไม่เข้าใจจริงๆ ทำไมเขาต้องเพ่งเล็งฉันแบบนี้ด้วย ทั้งที่ฉันยังไม่ทำอะไรให้เขาต้องขุ่นเคืองเลย   “ไม่ ไม่ ฉันจะกล้าได้อย่างไร” ฉันรีบโบกมือปฏิเสธและพูด   “ดี ถือโอกาสที่ตอนนี้ประตูยังไม่ปิด ไปซื้อบุหรี่ซองหนึ่งมาให้ฉัน” จางเทียนยื่นเงินยี่สิบหยวนให้ฉัน   “ไม่ต้องให้ฉัน ที่ฉันมี”
已经是最新一章了
加载中