จุดที่ 2 จุดเริ่มต้นที่...เฮีย
1/
จุดที่ 2 จุดเริ่มต้นที่...เฮีย
Pray for Love อธิษฐานรัก
(
)
已经是第一章了
จุดที่ 2 จุดเริ่มต้นที่...เฮีย
มหาวิทยาลัย 07.55 น. [อีข้าวมึงอยู่ไหนแล้ววววว อีกสามนาทีจารย์เฉลิมเกียรติจะเข้าแล้วนะ มึงไปมัวมุดหัวอยู่ไหนนนน] ทันทีที่ฉันกดรับสาย เสียงของอีตุ๊ดแมนเพื่อนรักก็ดังขึ้นจนต้องรีบเอาโทรศัพท์ห่างออกจากหู สาบานสิว่านั่นเสียงมนุษย์ มันใช้ความดังกี่เดซิเบลกันเนี่ย “กูกำลังวิ่งขึ้นตึกอยู่ มึงอย่าเร่งอีตุ๊ด แฮ่ก ๆ” เสียงหอบหายใจดังขึ้นกระหืดกระหอบ เเสดงถึงความเหน็ดเหนื่อยที่ฉันมี วันนี้แม่งของก็เยอะอีก มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์อีกข้างหนึ่งถือกระเป๋าผ้าสีดำคู่ใจที่ถูกสกรีนคำว่า ‘FREEDOM’ ตัวใหญ่ ๆ ลงไปบนผืนผ้าแสดงให้เห็นว่าคนใช้มันรักอิสระมากแค่ไหน มิหนำซ้ำไหล่ยังต้องสะพายกระเป๋าซึ่งบรรจุกีตาร์โปร่งลูกรักไว้ข้างหลังอีกด้วย ยอดมนุษย์จริง ๆ อีกนิดเดียวฉันสามารถเป็นกัปตันอเมริกาได้แล้วนะ ทั้งหนักทั้งเหนื่อยโว้ย! [อีบ้า มึงทำไมไม่ขึ้นลิฟท์มา เรียนชั้น9นะชะนีไม่ใช่ชั้น2ชั้น3] อีตุ๊ดโวยวายดังขึ้นมาอีกครั้ง “คนต่อแถวยาวจนล้นมาหน้าตึกละมึง แฮ่ก! ขืนรอแม่งกูโดนจารย์เฉลิมสวดยับแน่” ฉันตอบมันไปอีกครั้ง ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองป้ายหมายเลขชั้นที่ติดอยู่ตรงผนัง ‘ชั้น 7’ “มึงแค่นี้ก่อนนะ กูจะถึงละไม่เกิน1นาที” [เออรีบเลยมึง นาทีที่ 59 จารย์แม่งถึงห้องละนะ] “เค ๆ” ฉันรับคำมันกลับไปก่อนจะกดตัดสายและสายตาก็เหลือบไปมองยังหน้าจอโทรศัพท์ที่บอกเวลาตอนนี้ 07.57 น. ฝีเท้ายังคงวิ่งขึ้นบันไดต่อไปอย่างไม่ลดละแม้ขาจะล้าจนแทบล้มทั้งวิ่งก็ตาม ยังไงวันนี้ต้องทัน อยากด่าตัวเองว่าโง่สักล้านครั้งเพราะสาเหตุที่ทำให้ฉันต้องมาวิ่งขึ้นบันไดอยู่แบบนี้ก็เพราะความโง่และขี้ลืมของตัวเองล้วน ๆ น่ะสิ เรื่องของเรื่องก็คือเมื่อคืนมัวแต่ดูวิธีการสอนแต่งหน้าแต่งตัวแบบสาวใสในพี่ยู (youtube) จนลืมดูเวล่ำเวลาซ้ำยังลืมตั้งนาฬิกาปลุกอีก ถ้าไม่ใช่เพราะเฮียเล คนอย่างไอ้ข้าวไม่ทำอะไรแบบนั้นหรอกนะ ช่วงนี้กำลังฝึกแต่งหน้าอยู่ไง วันนี้ก็แต่งมานี่ก็เป็นสาเหตุแห่งความสายด้วยเหมือนกัน ทำไงได้ วันนี้รุ่นพี่ปี 4 นัดคุยเรื่องงานคณะหนิ และเฮียเลก็จะมาด้วยอย่างน้อยวันนี้ก็ขอสวยให้เฮียเห็นสักวัน แต่ดูเหมือนว่าไอ้เครื่องสำอางที่แต่งมามันจะหลุดไปกับคราบเหงื่อหมดแล้ว... โถ่ชีวิต... ‘ชั้น 9’ และแล้วในที่สุดฉันก็มาถึงงงงงงงง อยากจะกรี๊ดร้องดัง ๆ แต่ทำไม่ได้ ฉันรีบผลักประตูออกไปจากบันไดหนีไฟทันที ก่อนจะรีบวิ่งไปหาเลขห้องที่เรียนวันนี้ แต่... ห้องไรวะข้าว เสือกลืมอีก โว้ยยยยยยยยยยยย ขี้เกียจหยิบโทรศัพท์มาหารูปตารางเรียนด้วยไม่รู้อยู่ตรงส่วนไหนของโทรศัพท์อีกนั่นแหละ เพราะแม่งมีแต่รูปเฮียเลทั้งที่เซฟไว้และแอบถ่ายซึ่งก็กินพื้นที่เมมโมรี่ในเครื่องไปเป็นครึ่ง รูปตัวเองกับรูปงานนี่นับจำนวนได้เลยนะแต่รูปเฮียนั้น...นับไม่ถ้วน คิดดูสิว่าข้าวรักและบูชาเฮียแค่ไหน แต่ทันใดนั้นตัวเลขจำนวนสองชุดก็แวบขึ้นมาในสมองอันชาญฉลาดที่กำลังพยายามกู้คืนข้อมูลซึ่งถูกฝังลึกไว้ส่วนใดส่วนหนึ่งในสมอง 29096 รึเปล่าวะ (อาคาร 29 ชั้น 9 ห้อง 6) หรือว่า 29099 (อาคาร 29 ชั้น 9 ห้อง 9) และมันเสือกโผล่มามาสองห้องไง กรรม! แต่โบราณท่านว่าไว้เราต้องเชื่อในความคิดแรกเสมอ ประจวบเหมาะกับที่ฉันวิ่งมาหยุดอยู่ตรงหน้าห้องที่ 6 พอดีฉันเลยเตรียมจะผลักประตูเข้าไปโดยไม่มีความลังเลใด ๆ ทั้งสิ้น มั่นใจเต็มร้อยมากว่าเปิดไปจะเจออีเเมนนั่งหน้าสลอนอยู่หลังห้อง เหวอออ! แต่แล้วกลับเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้นก่อน ขณะที่ฉันกำลังจะผลักเข้าไปกลับมีใครคนหนึ่งจากข้างในเปิดประตูออกมาข้างนอกพอดี มือที่เตรียมจะดันประตูอย่างเต็มแรงเลยกลายเป็นดันอากาศ และมันทำให้ฉันเสียการทรงตัวอย่างรุนแรง ตุบ!!! “อ้ะ” ทุกอย่างมันเกิดขึ้นด้วยความรวดเร็วมาก มากจนฉันต้องหลับตาปี๋เพราะความตกใจเมื่อร่างทั้งร่างล้มลงไปยังพื้นตามแรงโน้มถ่วงของโลก แต่แล้วความเจ็บปวดที่คิดว่าจะได้รับ กลับไม่เจ็บเท่าที่ควรจะเจ็บ ฝ่ามือฉันเหมือนปะทะกับอะไรบางอย่างที่มันทั้งแน่นและเเข็งเหมือนกล้ามเนื้อของคน กลิ่นหอมอ่อน ๆ แบบผู้ชายลอยเข้ามาแตะจมูกอย่างจัง เพราะทั้งปากและจมูกของฉันตอนนี้มันกำลังสัมผัสกับอะไรบางอย่างที่เป็นต้นเหตุของกลิ่นนั้น ฉันเงยหน้าขึ้นมาจากส่วนนั้นก่อนจะค่อย ๆ ลืมตาขึ้น และในระดับสายตาก็มองเห็นว่าไอ้กลิ่นและสัมผัสเมื่อกี้ที่ได้รับมันคือซอกคอขาว ๆ ของใครบางคน... ตึกตัก ตึกตัก เสียงหัวใจเต้นระรัวขึ้นมาอย่างอัตโนมัติ และฉันก็ยังคงไม่กล้าเงยหน้าขึ้นดูผู้ชายใต้ร่าง ได้แต่มองซอกคอขาว ๆ นั่นอย่างตกตะลึง และสตั้นไป 10 วิ ไม่กล้าแม้แต่จะขยับตัวไปไหนเมื่อเห็นรอยแดงอ่อน ๆ ตรงต้นคอของเขาซึ่งสาเหตุของรอยนั่นก็คงไม่พ้นเป็นฟันของฉันที่ไปกระเเทกโดนเมื่อกี้แน่นอน “เอ่อ...เป็นอะไรไหมครับ” คนใต้ร่างส่งเสียงถามขึ้นด้วยความห่วงใย ปลุกสติฉันที่หายไปให้กลับมา แต่ความรู้สึกข้างในหัวใจกลับบอกว่ารู้สึกคุ้นน้ำเสียงนี้มาก มาก...ราวกับว่าคือน้ำเสียงของคน ๆ เดียวกัน “มะ..ไม่เป็นไรค่ะ” แต่ฉันไม่มีเวลามาสงสัยอะไร เลยรีบดันตัวเองให้ลุกขึ้นจากร่างของเขาและนั่นก็ทำให้ฉันได้เห็นโฉมหน้าของคนที่ตัวเองล้มทับอยู่ ตาฉันเบิกกว้างขึ้นจนแทบถลนออกมาจากเบ้า ปากอ้าเหวอขึ้นอย่างไม่สามารถควบคุมได้ ดวงตาไล่กวาดมองใบหน้าของคนใต้ร่างด้วยความเผลอไผล คิ้วหนา ๆ ดวงตาคม ๆ แพขนตาเรียงกันอย่างสวยงาม ริมฝีปากเป็นกระจับได้รูปสีแดงระเรื่อ... อา ... ไหนจะจมูกโด่งเป็นสันที่ไม่เคยคิดว่าจะได้เห็นในระยะใกล้ขนาดนี้อีก ใกล้จนรับรู้ถึงลมหายใจเข้าออกอุ่น ๆ ของเขา ใกล้จนนัยน์ตาฉันพร่าเบลอไปหมด “ฮะ...เฮีย” คิ้วหนาของคนใต้ร่างขมวดคิ้วมุ่นทันทีที่ฉันเปล่งเสียงนั้นออกไป แต่ฉันนั้นไม่มีสติแล้ว “หืม..เฮียเหรอ?” เขาเอ่ยถามขึ้นมาอีกครั้ง ด้วยสีหน้าที่เหมือนจะงงยิ่งกว่าเดิมกับสิ่งที่ฉันเผลอพูดไปเมื่อครู่ “เหี้ยแล้วข้าว!” ฉันหันหน้าหนีมาสบถกับตัวเองอย่างลืมตัว ก่อนจะตั้งสติรีบลุกขึ้นจากตัวคนร่างสูงใทันที แต่สิ่งที่แย่ไปกว่านั้นคือการลุกขึ้นมาแล้วเจอกับสายตาของคนทั้งห้องจับจ้องอยู่ รุ่นพี่ปี 4 ทั้งนั้น.. แถมสายตาที่มองมายังมีทั้งแววตาของคนขบขัน หมั่นไส้ โกรธจัด ไม่เว้นแม้กระทั่ง ล้อเลียน “วีดวิ้วววว” “ว้าววว นี่มันเกิดอะไรขึ้น” “เชี่ย น้องน่ารักว่ะ” “ฮิ้วววว” “หนุ่มฮอตเราโดนสาวน้อยลวนลามว่ะ” “หน้าแดงใหญ่แล้วน้าา” เสียงเป่าปากและเสียงเอ่ยแซวของรุ่นพี่ผู้ชายดังขึ้นเซ็งแซ่ ไม่เว้นแม้แต่... ประโยคที่ฉันไม่คิดว่าจะได้ยิน “ขอเบอร์หน่อยได้ปะครับน้อง” เหี้ยยยยย! เเม่งโคตรเหี้ยของจริง และฉันก็ได้แต่ยืนนิ่งตัวชาดิกไม่กล้าแม้แต่จะเอ่ยปากขอโทษหรือรีบ ๆ ก้าวขาวิ่งออกไปจากห้องนี้ สมองมันเบลอและรวนไปหมด ไม่รู้ว่าควรจะจัดการกับสถานการณ์ตรงหน้ายังไง เกิดมาทั้งชีวิต ไม่เคยต้องมาอับอายอะไรเท่าวันนี้เลย จอดมอไซค์แล้วลืมเอาขาตั้งลงยังไม่อายเท่านี้ สะดุดขาตัวเองล้มหน้าคณะก็ไม่อายเท่านี้ อับอัาย...ขายขี้หน้าที่สุด ในขณะที่ฉันยังยืนเอ๋อแดกหน้าบางอยู่ตรงที่เดิมทันใดนั้นก็รับรู้ถึงวัตถุอะไรบางอย่างที่พัดผ่านใบหน้าไปมา และฉันก็พบว่ามันเป็นมือของใครบางคน นั่นทำให้ฉันต้องหันไปมองหน้าเขาอีกครั้งอย่างช่วยไม่ได้ และนั่นจึงทำให้เจอกับใบหน้าหล่อเหลาทำลายล้างของเฮียเลที่ลุกขึ้นมายืนเต็มความสูงตอนไหนไม่รู้ พร้อมกับประโยคคำถามที่ทำเอาคนอย่างฉันใจสั่นยิ่งกว่าเดิม “ไม่ต้องไปสนใจหรอก เจ็บตรงไหนรึเปล่า?” สายตาคมของเฮียสำรวจมองร่างกายฉันทันทีที่เขาถามจบไม่นานก็สัมผัสได้ถึงความรู้สึกอุ่นวาบบนต้นแขนตัวเองอย่างแผ่วเบา \"เลือดออกด้วย เจ็บรึเปล่าเนี่ยเรา ทำไมถึงยืนนิ่งไม่พูดไม่จา?\" \"...\" อะ...อ่อนโยนเกินไปแล้ว เฮียอย่าทำแบบนี้ \"ว่าไงเจ็บมากเลยเหรอ ?\" \"คะ...คือว่า\"
已经是最新一章了
加载中
下载 LoveNovel
海量小说享免费阅读
立即下載
需支付:
0.00
จุดที่ 2 จุดเริ่มต้นที่...เฮีย
去登录
APP免费观看
自动购买下一章
余额:
0
充值
0
领星星
取消
发布
A
A
A
A
A