บทที่9
ขณะที่เขาบรรจงทายานั้นพลันความคิดหนึ่งของรัญชิดาก็ผุดขึ้น
"ถ้ามีหลานคนที่สองให้ฉันได้ ฉันทุ่มให้เธอไม่อั้น เธอมีปัญหาไม่ใช่หรือไง"
คุณหญิงธัญญาเรศเอ่ยบอกหล่อน ทำไมคุณหญิงธัญญาเรศถึงต้องมาคอยจี้หล่อนเรื่องนี้น่ะเหรอ เพราะธนดลไม่ยอมมีหลานคนที่สองให้ท่านน่ะสิ เพราะมันเป็นข้อตกลงตั้งแต่หลานคนแรกแล้ว กล่อมอยู่นานกว่าธนดลจะยอมทำกิ๊ฟกับหล่อน
"เสร็จละ"
ธนดลบอกก่อนจะหันไปปิดกล่องยาเรียกให้ร่างบางตื่นจากภวังค์ความคิด
วินาทีนั้นไม่รู้ว่าความใจกล้าหน้าด้านของหล่อนมันผุดมาจากไหนตั้งมากมายถึงทำเรื่องน่าเกลียดได้เพียงนี้ เจ้าหล่อนดึงแขนธนดลที่กำลังจะผละออกไว้ ก่อนจะค่อยๆโน้มใบหน้าลงไปมอบจุมพิตให้กับเขา ก่อนจะรีบผละออกเมื่อเริ่มได้สติ แต่มีเหรอคนตัวโตจะยอม เขารั้งท้ายทอยหล่อนไว้พร้อมกับบดขยี้ริมฝีปากสีระเรื่อจนได้กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้ง สองมือพยายามทุบอกแกร่งอย่างห้ามปรามแต่ไม่เป็นผล สองมือหนาสอดเข้าไปใต้ร่มผ้าหญิงสาวก่อนจะปลดตระขอบราเซียออกจนหน้าอกหน้าใจทะลักออกมา
"ค..คุณ.."
ธนดลก้มลงไปประกบริมฝีปากบางอีกครั้งเมื่ออีกฝ่ายจะเอ่ยค้าน ตอนนี้ไฟปรารถนาปะทุขึ้นจนเขาคิดว่าจะหักห้ามใจไม่อยู่แล้ว คนใต้ร่างเมื่อได้รับรสจูบแสนหวานก็เคลิบเคลิ้มไปตามเขาอย่างใจง่ายและปล่อยร่างกายให้มันเป็นไปตามความรู้สึกข้างในที่เก็บไว้มานาน เมื่อหล่อนเสนอเขาก็แค่สนอง
เมื่อบทรักจบลงอย่างสุขสม ธนดลก็รีบผละออกจากภรรยาทันที เขาไม่ได้พิศวาทรัญชิดาสักนิด เรื่องราวที่เกิดขึ้นคืนนี้เป็นแค่เพียงฤทธิ์ของน้ำเมา เขาพยายามคิดแบบนั้น เพราะเขากับรัญชิดามีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกันแทบนับครั้งได้และถือว่ามันน้อยมากสำหรับการใช้ชีวิตคู่ร่วมกันมาสี่ปี ถ้าหากเขาจะเรียกคืนจากหล่อนบ้างจะเป็นอะไรไป เข้าก็เสียกับหล่อนไปไม่น้อยเหมือนกัน
"อย่าลืมกินยาคุมด้วยล่ะ และอย่าปล่อยให้ป่องอีก เพราะมันจะไม่มีครั้งที่สอง และผมไม่เอามันไว้แน่"
เขาว่าก่อนจะลุกเข้าห้องน้ำไป
มือเรียวกำเข้าหากันแน่นอย่างหักห้ามอารมณ์ และเมื่อร่างสูงผละออกไปเจ้าหล่อนก็รีบคว้าผ้าห่มขึ้นมาคุมกายทันที โกรธตัวเองนักที่ปล่อยงานปล่อยใจเผลอไผลไปตามเขา ทั้งๆที่รู้อยู่เต็มอกว่าสุดท้ายก็จะกลายเป็นผู้หญิงง่ายๆในสายตาเขา พลันน้ำตาเม็ดร้อนก็ไหลลงมาอาบแก้มนวล
ไม่กี่นาทีถัดมา ธนดลก็กลับมานอนที่เดิมข้างๆหล่อนอีกครั้ง และยี่สิบนาทีถัดมาเจ้าหล่อนก็หันไปมองสามีที่นอนข้างกาย ตอนนี้เขาหลับไปแล้วสังเกตได้จากลมหายใจที่เข้าออกอย่างสม่ำเสมอ เจ้าหล่อนค่อยๆขยับตัวหมายจะเข้าไปชำระคราบคาวออกจากกาย
"หึ!"
หล่อนนึกสมเพชตัวเอง เพราะบนตัวหล่อนมีแต่รอยจ้ำสีแดงม่วง ไม่ต้องบอกก็รู้ว่ามันคือรอยอะไร มือเรียวพยายามเช็ดไอ้รอยบ้าๆนี่ออกทั้งๆที่รู้ว่ามันไม่ออก ตามตัวของหล่อนยิ่งแดงขึ้นจากแรงขัดแรงถูก น้ำตาเจ้ากรรมก็ไม่ยอมหยุดไหลสักที
หล่อนเปิดประตูออกมาอีกครั้งพบว่าตอนนี้บนเตียงนอนนั้นไม่ได้มีแค่ธนดล เขาอุ้มลูกน้อยจากเปลเด็กมานอนกอดไว้ด้วย หล่อนเลยเลือกที่จะเดินเลยออกไปรับลมที่ระเบียงสักหน่อย ลมเย็นๆโชยมาเป็นละลอก บวกกับเสียงน้ำทะเลที่ดังเข้ามากระทบโขดหินทำให้หล่อนรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก
"นอนไม่หลับเหรอ"
คุณหญิงธัญญาเรศที่นอนไม่หลับเอ่ยถามลูกสะใภ้
"ค่ะ"
หล่อนตอบแต่สายตาไม่ได้หันมามองคนถามสักนิด เพราะหล่อนยังเหม่อมองไปที่พระจันทร์ที่ส่องแสงรำไรในราตรี
"เธอเปลี่ยนไปจากแต่ก่อนมากเลยนะ"
"ค่ะ"
หล่อนยังตอบประโยคเดิม เรื่องนี้หล่อนรู้ดี เพราะหล่อนพยายามปรับตัวให้เข้ากับคนอื่นได้ ให้เป็นที่รักของใครต่อใครบ้าง หล่อนรู้สถานะตัวเองดีว่าตอนนี้มันไม่เหมือนเก่า หล่อนไม่ใช่คุณหนูอย่างที่เคยเป็น ตั้งแต่บิดาจากไปก็ไม่มีใครคอยถือปีกถือหางให้หล่อนอีกต่อไป ดังนั้นหล่อนจึงอยากยืนด้วยลำแข้งของตัวเองบ้าง
"ถึงเธอจะเป็นเธอคนใหม่หรือเธอคนเดิม เธอก็คือลูกสะใภ้ฉัน ฉันก็หวังดีกับเธอเหมือนลูกเหมือนหลานคนหนึ่ง ที่ฉันบอกที่ฉันว่าอะไรไปฉันไม่อยากให้เธอกลับเอามาคิดมาก ฉันหวังดี รวมถึงเรื่องหลานด้วย เธอเห็นไหมล่ะหลานคนแรกน่ะตาธันย์ค้านหัวชนฝาแทบตาย สุดท้ายกลายเป็นคนเห่อลูกซะงั้น ตาธันย์น่ะผู้ร้ายปากแข็ง ฉันเชื่อว่าเธอทำได้ ไม่ติดคิดว่าทำเพื่อใคร ให้คิดว่าทำเพื่อตัวเธอเอง"
คุณหญิงธัญญาเรศบอกลูกสะใภ้ก่อนจะเดินกลับเข้าไปในห้องอีกห้องที่อยู่ตรงข้ามกัน หล่อนไม่เข้าใจที่ท่านจะสื่อสักเท่าไหร่ เพราะตอนนี้หล่อนก็ง่วงเต็มแก่แล้ว เลยหันหลังกลับเข้าไปในห้อง