บทที่ 6
“ปล่อยนะ ลุกขึ้นไปจากตัวฉันได้แล้ว ตัวโตอย่างกับช้างน้ำ ฉันหายใจ
ไม่ออกนะ” ณิชาแกล้งทำเป็นตาเหลือกตาลานหายใจติดขัดส่งผลให้รัฐกฤตญ์ตกใจยันตัวลุกขึ้นนั่งทันที เธอจึงฉวยโอกาสที่เขาเผลอใช้กำปั้นชกไปที่กึ่งจมูกกึ่งปากของเขาอย่างแรง ก่อนจะเงื้อมือหมายจะชกซ้ำอีกครั้ง ทว่าชายหนุ่มเจ้าเล่ห์นั้นไวกว่าคว้าข้อมือบางไว้แน่น ก่อนจะพับแขนของเธอไปทางด้านหลัง รั้งร่างของเธอเข้าหาร่างของเขาจนทรวงอกแนบชิดกับแผงอกกว้าง ใบหน้าของเขาเริ่มฉายแววความโกรธเกรี้ยว ด้วยคงกำลังจะหมดความอดทนกับเธอเต็มที่
“เธอกล้าชกหน้าฉันงั้นเหรอ คดีเก่ายังไม่สะสางก่อคดีใหม่อีกแล้วนะ” รัฐกฤตญ์กัดฟันพูด ใบหน้าตึง
“อะไรคดีกงคดีเก่าอะไร” ณิชาเถียงออกไปอย่างไม่เกรงกลัว
“ก็ที่เธอพูดโทรศัพท์กับผู้ชายคนอื่นเมื่อกี้ไงเล่า”
“พี่พลไม่ใช่คนอื่น...คุณต่างหากล่ะที่เป็นคนอื่น”
“ฉันนะเหรอเป็นคนอื่น เธอให้คนอื่นทุกคนที่เพิ่งเจอหน้ากันวันแรกทำแบบที่ฉันทำกับเธอเมื่อกี้หรือเปล่าล่ะ”
“คุณมันทุเรศสิ้นดี” ณิชาพูดใส่หน้าเขา
“ฉันอยากรู้จริงๆ เลยว่ากับคนที่เธอเรียกว่าคนอื่น เธอยังให้เขาทำถึงขนาดนี้แล้วถ้าไม่ใช่คนอื่นอย่างไอ้พลเธอมิพรุนไปถึงไหนๆ แล้วหรือ” รัฐกฤตญ์พูดด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ยดูแคลน โดยเฉพาะสายตาที่โลมเลียจนร่างของเธอแทบจะมอดไหม้
“มัน-เรื่อง-ของ-ฉัน” ณิชาเน้นทุกคำชัดเจน
“เมื่อก่อนนะใช่ แต่หลังจากคืนนี้ไปเธอไม่มีสิทธิ์คุยกับมันหรือคุยกับผู้ชายคนไหนโดยที่ฉันไม่อนุญาตเข้าใจมั้ย” รัฐกฤตญ์พูดด้วยน้ำเสียงจริงจังน่ากลัว
“คุณไม่มีสิทธิ์มาสั่งฉัน” ณิชาพูดอย่างไม่ยอมแพ้
“ทำไมจะไม่มี เธอลืมไปแล้วเหรอว่าเธอต้องอยู่กับฉันสามปี เพื่อใช้หนี้แทนพ่อของเธอ” รัฐกฤตญ์เอ่ยถามเตือนความจำ
“ไม่ลืม แต่คุณไม่มีสิทธิ์มาสั่งฉันให้คุยหรือไม่ให้คุยกับใคร ฉันแค่มาทำงานกับคุณเพื่อใช้หนี้เท่านั้น” ณิชาพูดใส่หน้าของเขา รัฐกฤตญ์หัวเราะออกมาดังๆ เมื่อได้ยินคำพูดของเธอ คนที่พูดเมื่อครู่ขมวดคิ้วมองหน้าเขาด้วยความไม่เข้าใจว่าชายหนุ่มเอาแต่ใจคนนี้หัวเราะทำไม
“ทำไมฉันจะไม่มีสิทธิ์เพราะต่อจากนี้ไปเธอต้องมาเป็นผู้หญิงของฉันสามปีแลกกับอิสรภาพของคนสามคน นั่นแหละคือความหมายของฉัน ส่วนหนี้สินของพ่อเธอฉันก็จะหักจากการที่เธอนอนกับฉันเข้าใจมั้ย ถ้าถูกใจฉันอาจจะให้เงินเพิ่ม แต่ถ้าเมื่อไหร่เธอขัดใจฉัน ฉันถือว่าเธอผิดสัญญา แล้วถ้าเธอผิดสัญญาฉันก็จะไปลากคอพ่อ น้องสาวและลูกน้องของเธอมาทรมานต่อหน้าเธอ...จำเอาไว้”
ณิชาเบิกตากว้างเมื่อได้ยินคำพูดของเขา นึกก่นด่าตนเองกับความที่ไม่ทันคิด ไม่ทันเล่ห์เหลี่ยมของเขาอีกแล้ว
“ไม่...ไม่มีทาง ฉันไม่มีวันยอมนอนกับคุณเด็ดขาด” ณิชาพูดตรงกับความรู้สึกของเธอ
“ไม่ยอมก็ไม่เป็นไร ฉันไม่บังคับเธออยู่แล้ว” รัฐกฤตญ์ผลักร่างของณิชา เอื้อมมือมากดปุ่มเปิดช่องระหว่างตอนกลางและตอนหลัง ณิชามองการกระทำของชายหนุ่ม เธอเดาไม่ออกว่าเขากำลังคิดจะทำอะไร
“แดน โทรไปสั่งอุดมให้ไปจับตัวเรืองเดช พิชานันท์และก็เรียวมาหาฉันที่คอนโด”
คำสั่งที่ทำให้ณิชาตกตะลึง มันเป็นคำสั่งที่บังคับให้เธอยอมทางอ้อม หากไม่ยอมรับข้อเสนอที่แสนเจ้าเล่ห์ของเขานั่นหมายถึงบุคคลที่เธอรักทั้งสามต้องเผชิญหน้ากับอันตรายซึ่งเธอไม่มีวันยอม คนที่ถือไพ่เหนือกว่าปรายตามองณิชาที่ใบหน้าถอดสีเมื่อได้ยินคำสั่งของเขา คนอย่างรัฐกฤตญ์อยากได้อะไรก็ต้องได้โดยเฉพาะคนที่มาหยามศักดิ์ศรีของเขา เขาคงไม่ปล่อยให้เดินลอยชายอยู่ในโลกใบนี้แน่นอน รอยยิ้มผุดขึ้นที่มุมปากเมื่อได้ยินคำตอบที่เขาต้องการฟัง ยิ้มรับชัยชนะมองความพ่ายแพ้ของอีกคนโดยไม่คิดถึงจิตใจของเธอเลย
“ก็ได้ ฉันยอมคุณทุกอย่าง” ณิชาพูดด้วยน้ำเสียงค่อนข้างเบา
“อะไรนะฉันไม่ได้ยิน”
“ฉันยอมทุกอย่างที่คุณพูดมาแต่คุณห้ามทำอะไรพวกเค้านะ” เสียงณิชาตะโกนดังลั่นรถ เสมือนกับว่าเธอพยายามลดแรงกดดันที่อยู่ภายในใจเพราะต่อจากนี้ไปเธอคงไม่มีหน้ากลับไปหาธนาพลอีกแล้ว
“ก็แค่นั้น ยอมแต่แรกก็สิ้นเรื่อง แดนไม่ต้องแล้ว” รัฐกฤตญ์พูดใส่หน้าณิชา ก่อนจะหันไปยกเลิกคำสั่งที่เขาสั่งไปกับดินแดน
“เธอจำไว้ตราบใดที่เธอทำตัวดีไม่งี่เง่า ไม่ปากร้ายเอาใจฉัน ตามใจฉันทุกอย่าง ฉันรับรองว่าฉันจะไม่ยุ่งกับสามคนนั่น ตลอดระยะเวลาที่เธอเป็นผู้หญิงของฉัน” ชายหนุ่มพูดจบก็ประกบปากเข้าหากลีบปากบางที่สั่นระริกจำยอมให้เขาครอบครองริมฝีปากของเธอตามที่เขาต้องการไม่ขัดขืนไม่ต่อต้าน แม้ว่าภายในใจของเธอกำลังร้องไห้ อดสูกับสิ่งที่กำลังจะเริ่มขึ้น ไม่คาดคิดเลยว่าคนอย่างเธอจะต้องตกเป็นเครื่องเล่นทางเพศให้กับผู้ชายที่ไม่เคยรู้จัก ทว่ากับคนที่เธอรู้จักมานานกว่าห้าปีอย่างธนาพล เขาและเธอไม่เคยก้าวล้ำมากไปกว่าการกอดและหอมแก้มเลย เธอคงไม่กล้ากลับไปหาธนาพลอีกแล้ว ไม่มีงานวิวาห์ที่กำลังจะถูกจัดขึ้นในอีกสี่เดือนข้างหน้า มีเพียงความจริงเพียงสิ่งเดียวก็คือจำยอมเป็นนางบำเรอของเขาสามปี
……………………………………………
เช้าวันใหม่
เรืองเดชเดินมาหยุดนั่งบนโต๊ะม้าหินอ่อนที่วางอยู่หน้าบ้าน ปล่อยอารมณ์ที่อัดแน่นไปด้วยความทุกข์และความกังวลของผู้เป็นพ่อ แม้จะไม่เคยเลี้ยงดูฟูมฟักมาตั้งแต่แรกเกิด หากคำว่าพ่อถือกำเนิดมาตั้งแต่ณิชาลืมตาดูโลก
“คิดอะไรอยู่คะคุณพ่อ” พิชานันท์เดินมาหยุดหลังเอ่ยถามพร้อมกับทรุดตัวลงนั่งเก้าอี้ตัวยาวข้างบิดา เรืองเดชให้มายิ้มแห้งๆ ให้บุตรสาวคนเล็กก่อนจะตอบ
“คิดถึงณิชาน่ะลูก ไม่รู้ตอนนี้จะเป็นยังไงบ้าง” เรืองเดชพูดด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อย พิชานันท์มีความคิดไม่ต่างจากบิดาตอนนี้เธอก็คิดถึงพี่สาวที่แสนดีเช่นกัน
“นันท์ก็คิดถึงพี่ณิชาเหมือนกันค่ะเป็นเพราะนันท์เอง ถ้านันท์ยอมให้งานแต่งงานเมื่อคืนนี้ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี แล้วไม่เล่าเรื่องทุกอย่างให้พี่ณิชาฟัง พี่ณิชาก็ไม่ต้องไปเป็นทาสของคุณใหญ่ เรื่องแบบนี้คงจะไม่เกิดขึ้น” พิชานันท์พูด
พร้อมกับน้ำตาไหลลงมาอาบแก้ม สงสารพี่สาวที่ต้องมาพบกับเจ้าหนี้อย่างรัฐกฤตญ์
“มันไม่ใช่ความผิดของใครหรอกลูก มันเป็นความผิดของพ่อเองที่โง่ไม่ทันเล่ห์เหลี่ยมของเขา” เรืองเดชพูดพร้อมกับนึกถึงปัญหาของบริษัทที่เกิดขึ้นในระยะเวลาเพียงสองเดือนธุรกิจนำเข้าและส่งออกวัตถุดิบทางการเกษตรเป็นบริษัทที่ก่อเกิดมาจากน้ำพักน้ำแรงของตนเอง ซึ่งอาจจะไม่ใหญ่มากในสายตาของพวกมหาเศรษฐี แต่ก็สามารถทำกำไรต่อปีเกือบห้าสิบล้าน เขาไม่เคยเฉลียวใจเลยว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมันเป็นเพียงแค่การจัดฉากของรัฐกฤตญ์ โกดังสินค้าของเขาถูกปล้น เรือขนส่งสินค้าที่เขาว่าจ้างเกิดเสียขึ้นมากะทันหัน เขาไม่สามารถส่งสินค้าไปต่างประเทศได้ทันเวลา เรือที่คิดว่าจะจ้างมาทดแทนโก่งราคาสูงกว่าความเป็นจริงเกือบสิบเท่า เขาต้องเสียเงินค่าชดเชยให้กับบริษัทคู่ค้าที่ผิดสัญญาการส่งสินค้ารายละเกือบสิบล้านบาท เขาจะไม่ทุกข์ใจเลย หากมีบริษัทคู่ค้าเพียงรายเดียว แต่นี่เขามีถึงสามสิบกว่าบริษัทเรืองเดชต้องหาเงินร่วมสามร้อยล้านบาทเพื่อนำมาจ่ายเงินค่าชดเชยไม่เช่นนั้นเขาจะเสียลูกค้าที่ทำธุรกิจด้วยกันมานาน รวมทั้งอาจต้องโดนฟ้องซึ่งมันมีแต่เสียกับเสีย เขาพยายามหาเงินทุกวิถีทาง จนกระทั่งวันหนึ่งเพื่อนของเขาแนะนำให้ไปหารัฐกฤตญ์ คราแรกที่คุยกันเขารู้สึกแปลกใจที่รัฐกฤตญ์รู้เหตุการณ์ในบริษัทเขาเป็นอย่างดี คิดไปในทางที่ดีว่าเพื่อนของเขาคงบอกรายละเอียดให้ฟังแล้วจึงรู้เรื่องทุกอย่าง ข้อตกลงในการกู้ยืมเงินเสร็จสิ้นภายในครึ่งชั่วโมง เขารับเช็คเงินสดสามร้อยล้านบาทจากรัฐกฤตญ์
หลังจากที่เซ็นสัญญาเงินกู้เรียบร้อยแล้ว โดยไม่ได้อ่านรายละเอียดให้ดีเสียก่อน ก่อนจะลงลายมือชื่อในหนังสือสัญญา เรืองเดชมารู้อีกทีว่าตัวเองทำผิดครั้งใหญ่ เมื่อรัฐกฤตญ์พารัฐศาสตร์น้องชายคนเดียวมาถามหาเขาและเอ่ยถามถึงว่าที่เจ้าสาวของน้องชาย เขาถึงกับงงแต่พอรัฐกฤตญ์ยื่นหนังสือสัญญาให้ดู ความกระจ่างแจ้งเกิดขึ้นในสมองของเขาทันที เมื่อในสัญญาระบุว่านางสาวพิชานันท์ นพรัตน์ บุตรสาวของนายเรืองเดช นพรัตน์ ยินยอมแต่งงานกับนายรัฐศาสตร์ อัครธนากุล เพื่อชดใช้หนี้สินทั้งหมด หากผิดข้อสัญญาที่ตกลงกันไว้ นายเรืองเดช นพรัตน์ จะยินยอมมอบทรัพย์สินที่มีอยู่ทั้งหมดชดใช้จำนวนเงินกู้ที่ได้ตกลงกับผู้กู้และต้องจ่ายเงินชดเชยค่าผิดสัญญาอีกหนึ่งร้อยล้านบาท พิชานันท์ได้รับรู้เรื่องราวทั้งหมดจึงตอบตกลงแต่งงานกับรัฐศาสตร์อย่างไม่มีข้อแม้ ทั้งๆ ที่เธอมีคนรักอยู่แล้ว
“ไม่ใช่ความผิดของพ่อหรอกค่ะ มันเป็นความผิดของพวกเค้าต่างหาก” พิชานันท์รู้สึกแค้นเคืองเมื่อพูดถึงสองพี่น้องเจ้าเล่ห์
“ป่านนี้ณิชาจะเป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้”
เรืองเดชพูดเหมือนคนจิตใจเลื่อนลอย ลูกสาวคนเล็กโอบกอดร่างของบิดาเอาไว้แน่น ไม่มีคำพูดใดๆ ออกมา ต่างฝ่ายต่างรู้ว่าตัวเองผิดที่ทำให้ณิชาต้องเจอกับคนโหดร้ายและเจ้าเล่ห์อย่างรัฐกฤตญ์ เรืองเดชและพิชานันท์ไม่รู้หรอกว่าในอนาคตนั้น ณิชาต้องทนทุกข์ทรมานทั้งทางร่างกายและจิตใจมากสักเพียงไหน เพื่อแลกกับความปลอดภัยและทุกสิ่งทุกอย่างที่เธอรัก ปลอดภัยจากคนร้อยเล่ห์อย่าง รัฐกฤตญ์ อัครธนากุล
ปิศาจร้ายที่เข้ามาในชีวิตของพวกเขา