บทที่ 7
ณิชาปรือตาขึ้นมาอย่างเชื่องช้ามองดูรอบๆ ห้องที่ไม่คุ้นเคย ทันทีที่ลืมตาขึ้นมาแล้วเธอก็นึกย้อนกับไปเมื่อค่ำคืนที่ผ่านมา หลังจากที่รัฐกฤตญ์จูบเธอแบบมาราธอนภายในรถ และดูเหมือนเขาอยากจะทำมากกว่าจูบ แต่เป็นเพราะเสียงโทรศัพท์เครื่องจิ๋วแต่ราคาไม่จิ๋วของเขาก็ดังขึ้นมาช่วยชีวิตเธอเสียก่อน เสียงโทรศัพท์ดังค่อนข้างนานกว่าเจ้าตัวจะกดรับสาย เขาใช้เวลาไม่นานในการพูดคุยก่อนจะตัดสายทิ้ง แล้วหันมามองหน้าเธอด้วยประกายตาแวววาวจนเธอขนลุก
“พอดีฉันมีเรื่องด่วน...แล้วฉันจะมาสานต่ออารมณ์ที่ค้างไว้คืนนี้” เขาพูดจบก็กดจมูกของเขาที่แก้มสาวทั้งสองข้างอย่างแรง โดยไม่ทันสังเกตใบหน้าที่แดงระเรื่อของเธอเมื่อได้ยินคำพูดที่หน้าไม่อายของเขา และเขาก็สั่งให้อุดมที่ขับรถอีกคันหนึ่งตามหลังมาเป็นคนพาณิชาไปส่งที่คอนโดสุดหรูของเขา โดยที่เขาปลีกตัวไปทำธุระด่วน
ณิชาขยับตัวลุกขึ้นจากเตียงนอนหนานุ่มเดินมายังกระเป๋าใบเล็กของตนเอง เปิดกระเป๋าออกมองดูเสื้อผ้าในกระเป๋าที่มีเพียงสามชุดเพราะไม่คิดว่าจะอยู่ที่บ้านของบิดานานเลยเอาเสื้อผ้ามาเท่าที่จำเป็น ‘สงสัยต้องกลับไปเอาเสื้อผ้าที่บ้าน’ ที่บ้านในความหมายของณิชาคือคุ้มพระจันทร์ ร้านอาหารขึ้นชื่อติดชายทะเลพัทยาสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังของประเทศไทย
อีกครึ่งชั่วโมงต่อมาณิชาก็เดินออกมาจากห้องนอนที่อาศัยนอนเมื่อค่ำคืนวาน เดินมาหยุดยืนอยู่ภายในห้องรับแขกขนาดใหญ่ที่มีเครื่องอำนวยความสะดวกครบครันหรูหราสมกับฐานะ ณิชาเดินสำรวจห้องต่างๆ ห้องชุดของเขากินเนื้อที่เกือบทั้งชั้น มีห้องนั่งเล่น ห้องครัว ห้องรับประทานอาหาร ห้องทำงานและมีห้องนอนอีกสองห้อง ห้องหนึ่งคือห้องที่เธออาศัยนอนเมื่อคืนนี้ ส่วนอีกห้องหนึ่งเป็นห้องของรัฐกฤตญ์ ณิชาเดินมาหยุดที่หน้าบานประตูกระจกใสด้านนอกมีสระว่ายน้ำรวมถึงต้นไม้ที่ปลูกไว้เกือบสิบต้น ที่เขาปลูกต้นไม้ได้เพราะชั้นนี้เป็นชั้นบนสุด จึงมีพื้นในการปลูกต้นไม้
สาวคนเดิมเดินออกมาจากห้องพักของรัฐกฤตญ์ เดินตรงไปยังลิฟต์ส่วนตัวที่สร้างไว้เพื่อใช้งานสำหรับห้องนี้เพียงห้องเดียวไม่ใช้ร่วมกับบุคคลอื่นเธอก้าวไปในลิฟต์ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกันกับที่ อุดมลูกน้องของรัฐกฤตญ์ซึ่งได้รับ
คำสั่งให้มาคอยดูแลณิชานั้น ก้าวออกมาจากห้องพัก ทั้งสองจึงคลาดกันแบบเส้นยาแดงฝ่าแปด
....................
เวลาเดียวกันแต่แตกกันที่สถานที่ ร่างสูงใหญ่ของรัฐกฤตญ์นั่งทำงานด้วยจิตใจที่ไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ภายในใจนึกถึงความหอมหวานของริมฝีปากอวบอิ่มที่เขาได้สัมผัสเมื่อวานนี้ ถ้าไม่ติดที่ว่ามารดาของเขาเดินทางกลับมาจากอิตาลีแบบกะทันหัน ป่านนี้เขาคงได้ลิ้มรสสัมผัสจากณิชามากกว่าการจูบแน่นอนพอใจนึกถึงเจ้าของริมฝีปากคู่นั้น มือหนาก็คว้าโทรศัพท์มือถือกดหมายเลขปลายทางที่ต้องการ
“สะ...สวัสดีครับ” อุดมพูดเสียงตะกุกตะกัก พอโทรศัพท์ของเขาดังขึ้นและมองเห็นหมายเลขของบุคคลที่โทรเข้ามา เขารู้สึกเสียวสันหลังเป็นอย่างมากนึกหวั่นๆ อยู่ลึกๆ ว่า หากเจ้านายหนุ่มถามถึงณิชาขึ้นมา แล้วเขาจะตอบว่า
อย่างไร
“เป็นอะไรวะอุดมพูดเสียงตะกุกตะกัก”
“ปะ...เปล่าครับไม่ได้เป็นอะไร”
“ไปตามณิชามาคุยโทรศัพท์หน่อยสิ” คำสั่งนี้ทำให้อุดมอยากจะหัวมุดดินหนีให้มันรู้แล้วรู้รอด หากเจ้านายของเขารู้ว่าแม่กระต่ายแสนดื้อได้หายออกไปจากกรงที่กักขังไว้ ไม่รู้ว่ามัจจุราชหนุ่มจะทำอย่างไร
“คือว่า...เอ่อ...คือ” อุดมไม่กล้าบอกความจริงกับเจ้านาย คนฉลาดอย่างรัฐกฤตญ์จับความผิดปกติของอุดมได้ เพราะไม่เคยเห็นหรือได้ยินอุดมพูดอะไรไม่เต็มปากสักครั้ง
“ไอ้อุดม ไปตามณิชามาพูดสายเดี๋ยวนี้” เสียงของเจ้านายในสายนั้นดังจนหูของอุดมอื้อไปหมด
“คือว่า...เอ่อ คุณณิชาไม่อยู่ครับ” อุดมตัดสินใจพูด
“ไม่อยู่...ไปไหน แล้วมึงดูณิชายังไง กูสั่งแล้วใช่มั้ยว่าให้ดูดีดีอย่าให้คาดสายตา” รัฐกฤตญ์ถึงกับหัวเสียเมื่อได้ยินคำพูดของลูกน้องคนสนิทที่เขาไว้ใจ ไม่เคยคิดว่าเรื่องง่ายๆ แบบนี้จะทำไม่ได้
“เอ่อ...คือว่าผมกลับไปทำธุระที่ห้องนะครับเพราะเห็นว่าคุณณิชายังไม่ตื่น พอกลับมาก็ไม่พบคุณณิชาแล้วครับ” อุดมตอบไม่เต็มเสียงนัก นึกหวาดหวั่นกับบทลงโทษที่ตนเองต้องเจอ
“ไปดูของใช้ของณิชาที่ห้องนอนซิว่ายังอยู่หรือเปล่า” รัฐกฤตญ์ลดระดับของน้ำเสียงให้กลับมาเป็นปกติ
“ครับ” อุดมเดินไปที่ห้องนอนที่ณิชาอาศัยนอนเมื่อคืน พบกระเป๋ายังคงวางอยู่ที่หน้าตู้เสื้อผ้า
“กระเป๋าเดินทางยังอยู่ครับ” อุดมตอบผู้เป็นเจ้านาย ตอนนี้สมองอันชาญฉลาดของเขากำลังคิดวิธีที่จะตามหาแม่กระต่ายน้อยตัวแสบของเขา นึกย้อนไปถึงคนที่ณิชาสนิทสนมด้วย แล้วก็ได้คำตอบที่เขาต้องการ
“อุดมไปบ้านพ่อของณิชา ฉันจะให้แกแก้ตัว แกทำวิธีไหนก็ได้ตามหาณิชาให้เจอไม่งั้นแกเตรียมตัวย้ายไปนอนเล่นที่โรงพยาบาลได้เลย” รัฐกฤตญ์วางสายทันทีที่พูดจบ หากคนฟังอย่างอุดมถึงกับหน้าซีด ลอบกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก เมื่อนึกถึงคำพูดชี้ชะตาของผู้เป็นเจ้านาย
‘มีหวังงานนี้ต้องไปหยอดน้ำข้าวต้มที่โรงพยาบาลแน่เลย’ อุดมพึมพำในใจ
หลังจากวางสายจากอุดม รัฐกฤตญ์ย้อนคิดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นภายในรถยนต์เมื่อคืน เขาจำได้ว่าเขากระชากโทรศัพท์มือถือของณิชา ยื้อยุดชุดกระชากถกเถียงกันอย่างไม่มีใครยอมใคร และหลังจากนั้นเขาก็จูบเธอแบบมาราธอนพลันสมองของเขานึกอะไรขึ้นมาได้บางอย่าง
“แดนไปหาโทรศัพท์ของณิชาที่ตกอยู่ในรถให้ที” รัฐกฤตญ์โทรศัพท์สั่งงานดินแดน เวลาผ่านไปไม่นานดินแดนเดินเข้ามาภายในห้องทำงานของคนที่ออกคำสั่งเมื่อครู่
“ไม่มีครับ ผมหาจนทั่วแล้วครับ” ดินแดนบอกผู้เป็นเจ้านายที่ตอนนี้ใบหน้าบึ้งตึงดูน่ากลัว
“หาดีแล้วเหรอ” รัฐกฤตญ์ถามไม่สบอารมณ์ ดินแดนอยากจะตอบกลับว่า ‘หาจนจะแยกชิ้นส่วนรถออกมาแล้ว’ แต่ก็พูดได้เพียงในใจ เพราะกลัวของที่ไม่พึงประสงค์จะประเคนเข้ามาที่ใบหน้า
“หาดีแล้วครับ” ดินแดนตอบชัดถ้อยชัดคำ
“โธ่เว้ย!...อะไรวะแค่ผู้หญิงคนเดียวแค่นี้ยังดูแลกันไม่ได้ แล้วงานใหญ่ๆ จะทำได้ยังไง” รัฐกฤตญ์กล่าวอย่างเดือดดาล ต่างจากดินแดนที่คิดตรงกันข้ามกับผู้เป็นเจ้านาย ให้เขาทำงานใหญ่อย่างที่เจ้านายว่ายังดีกว่าต้องมาทำงานเล็กๆอย่างเช่นด้วยการดูแลผู้หญิงของเจ้านาย
“โทรไปหาอุดมสิได้เรื่องหรือยัง” ดินแดนกดหมายเลขโทรศัพท์ของอุดม เสียงตัดพ้อของอุดมดังมาตามสายทันที
‘โธ่!...เจ้านายสั่งเมื่อสิบนาทีก่อน ผมเพิ่งขับรถออกมาจากคอนโดเองนะพี่’
‘เออน่า...แกก็รีบหน่อยก็แล้วกันพายุกำลังจะมาแล้ว’
‘งานนี้ถ้าผมหาไม่เจอมีหวังตายแหงๆ’
‘ไม่ตายหรอกน่า...แค่ไปนอนหยอดข้าวต้มที่โรงพยาบาลเท่านั้นเอง’
‘งั้นแค่นี้นะพี่แดน...’อุดมตัดสายทันทีที่พูดจบ ดินแดนเดินเข้ามารายงานเจ้านายอีกครั้งหวั่นๆ กับพายุที่กำลังจะมา บรรยากาศในห้องเริ่มมืดครึ้ม ทั้งที่อากาศข้างนอกออกจะแจ่มใส
“อุดมเพิ่งออกจากคอนโดครับ” ดินแดนเห็นใบหน้าของผู้เป็นเจ้านายที่เริ่มแดงก่ำด้วยความโกรธ ในขณะที่พายุกำลังก่อตัวเสียงหวานใสของใครบางคนที่เปรียบเสมือนสายลมก็พัดพาพายุลูกนี้ให้สลายออกจากห้องนี้ภายในพริบตา
“พี่ใหญ่ขา ทำอะไรอยู่คะ” อารยาสาวสวยใบหน้าหวานใสเดินเข้ามาภายในห้องทำงานพร้อมกับรอยยิ้มที่สดใส รัฐกฤตญ์มองสบตาคนรักและคู่หมั้นด้วยใบหน้าที่อ่อนโยน ผิดกับเมื่อหนึ่งนาทีที่ผ่านมาอย่างสิ้นเชิง
ดินแดนโค้งศีรษะให้ว่าที่นายหญิงของเขาก่อนจะเดินออกไปจากห้องทำงาน เพื่อให้ทั้งสองได้มีเวลาส่วนตัว และล็อคประตูห้องอย่างรู้ใจเจ้านายเพื่อไม่ให้ใครมารบกวน รัฐกฤตญ์เดินเข้ามาหาอารยาพร้อมกับโอบกอดไว้เต็มวงแขน
“คิดถึงจังเลย” รัฐกฤตญ์พูดทันทีที่พาอารยามานั่งที่โซฟา สูดดมความหอมจากแก้มนวลทั้งสองข้าง ก่อนจะมองใบหน้าที่แดงระเรื่อด้วยความเขินอายอย่างรักใคร่