บทที่ 9
ณ สนามบินสุวรรณภูมิ...วีนัสนั่งรอต้อนรับจองมินและทีมงานของเขา ด้วยสีหน้านิ่งเฉยไม่บ่งบอกอารมณ์ใด ๆ อยู่ภายในห้องวีไอพี เธอรอจนกระทั่งจองมิน ยองซู และทีมงานของเขาอีกห้าคนเดินเข้ามาในห้อง วีนัสปล่อยให้ทีมงานของคุณวิวกล่าวทักทายพวกเขา และถามถึงการเดินทางว่าสะดวกเรียบร้อยดีไหม เวลานั้นเองที่ยองซูเดินตรงมาทักทายวีนัสด้วยท่าทีที่ไม่แปลกใจที่เขาพบเธอในวันนี้
“สวัสดีครับคุณวีดีใจที่ได้พบกับคุณอีกครั้ง สบายดีนะครับ” เธอยิ้มอย่างสดใส
“สวัสดีค่ะคุณยองซู...วีสบายดีค่ะ การเดินทางเป็นยังไงบ้างคะ”
“การเดินทางก็เรียบร้อยดีครับไม่มีปัญหาอะไร”
“ถ้าพร้อมแล้วเราไปที่รถและเข้าพักที่โรงแรมกันเลยดีไหมคะ พวกคุณเดินทางมาเหนื่อย ๆ จะได้พักผ่อนให้เต็มที่ เตรียมพร้อมสำหรับวันพรุ่งนี้ที่เราจะต้องเริ่มถ่ายทำโฆษณากัน” ยองซูพยักหน้าแทนคำตอบ
“เชิญทางนี้เลยค่ะ” พูดจบวีนัสก็เดินนำออกไป และเดินผ่านจองมินไปโดยไม่ทักทายเขา ไม่แม้แต่จะปรายตามอง เธอทำเหมือนกับว่าเขาเป็นอากาศธาตุที่มองไม่เห็น และนี่เองที่สร้างความไม่พอใจให้กับเขาเป็นอย่างมาก ทั้งที่ตัวเขารู้สึกตื่นเต้นดีใจและนับวันรอที่จะได้พบกับเธออีกครั้ง หลังจากเหตุการณ์ที่เขาจูบเธอในวันนั้นมันผ่านมาสามอาทิตย์แล้วสินะ เธอยังโกรธเขาอยู่อีกหรือเปล่านะ เขาคิดและก็เดินให้เร็วขึ้นเพื่อที่จะเดินให้ทันเธอ และก็พูดกับเธอด้วยมาดกวน ๆ ตามแบบฉบับของเขา
“ใจคอคุณจะไม่พูดทักทายผมสักนิดเลยเหรอ เราไม่ได้พบกันตั้งสามอาทิตย์เชียวนะ คุณไม่คิดถึงผมบ้างเลยหรือไง หรือว่ายังโกรธผมไม่หายที่ผมจูบคุณในวันนั้น” วีนัสตอบกลับไปโดยที่ไม่หันไปมองหน้าของเขาด้วยซ้ำไป
“ทำไมฉันจะต้องไปคิดถึงคุณให้เปลืองสมองด้วย แล้วคุณจะพูดเรื่องนั้นขึ้นมาอีกทำไมฉันลืมมันไปหมดแล้ว จูบของคุณในคืนนั้นมันไม่ได้มีความหมายอะไรสำหรับฉันสักนิด” พูดจบก็เดินนำหน้าเขาและคนอื่น ๆ มาขึ้นรถเพื่อนำไปยังที่พัก ตลอดระยะเวลาที่นั่งกันมาในรถก็ไม่มีใครพูดอะไร ต่างคนต่างเงียบจนถึงโรงแรม และต่างก็แยกย้ายกันไปพักผ่อน วีนัสเดินมาพร้อมกับจองมินและยองซูเพื่อพาพวกเขามาส่งที่ห้องพัก รวมถึงเพื่อดูแลความเรียบร้อย
“ห้องนี้ของคุณ” หญิงสาวหันมาพูดกับจองมินด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ จากนั้นก็หันไปพูดกับยองซู
“ห้องของคุณอยู่ฝั่งตรงข้ามกับเขานะคะ พวกคุณจะได้ติดต่อกันได้สะดวก” ยองซูพยักหน้าตอบเธอและเดินเข้าไปในห้องของเขา เมื่อวีนัสหันมาเห็นจองมินยังยืนอยู่ที่เดิมไม่เข้าห้องพักไปสักที ก็เลยถามด้วยความสงสัย
“แล้วคุณมายืนทำอะไรอยู่ตรงนี้ทำไมไม่เข้าไปในห้องของคุณ”
“ผมก็รอคุณไง” เขาตอบ
“รอฉัน...รอทำไม” เธอพูดโพล่งออกไปอย่างแปลกใจ
“ก็คุณจะต้องเป็นคนดูแลผมไม่ใช่เหรอ ผมเดินทางมาถึงเหนื่อย ๆ ยังไม่ได้ทานอะไรมาเลย คุณจะมาทิ้งกันง่าย ๆ แบบนี้ได้ยังไง”
“มันหมดหน้าที่ของฉันแล้วในเมื่อคุณหิวคุณก็ลงไปหาอะไรทานเองสิ ถ้าคุณไม่อยากที่จะลงไปก็โทรสั่งรูมเซอร์วิสให้เขาขึ้นมาส่งก็ได้ ง่าย ๆ แบบนี้ทำเป็นไหม”
“ทำเป็นแต่ผมอยากให้คุณทำให้” เขาตอบพร้อมกับเปิดประตูห้องค้างเอาไว้ จากนั้นก็หันมามองหน้าเธอพร้อมกับพูดท้าทาย
“เข้ามาก่อนสิหรือว่าคุณไม่กล้า” พูดจบเขาก็เดินเข้าห้องไป แม้ในใจของหญิงสาวจะกลัวเขาอยู่บ้าง แต่ปากเจ้ากรรมดันตอบเขาออกไปอีกอย่าง
“ทำไมฉันจะต้องกลัวคุณด้วยไม่มีทางเสียล่ะ คุณอยากจะทานอะไร” จองมินยืนกอดอกมองหญิงสาวไม่วางตา
“อะไรก็ได้แต่ผมขอเป็นอาหารไทยนะ ซูฮยอนบอกผมว่าอาหารไทยอร่อย ผู้หญิงไทยก็น่าทาน เอ๊ย! น่ารัก” วีนัสเดินไปยกหูโทรศัพท์เพื่อสั่งอาหารไทยสามสี่อย่างให้ขึ้นมาส่งที่ห้องของเขา
“หมดธุระของคุณแล้วใช่ไหมฉันจะได้ไปเสียที”
“ยังคุณยังต้องอยู่กับผมจนกว่าผมจะบอกให้คุณไปได้ อย่าลืมสิว่าคุณมีหน้าที่ต้องคอยดูแลผม จะต้องให้ผมเตือนคุณอีกกี่ครั้งกัน” เขาพูดกับเธอด้วยท่าทางยียวนกวนประสาท วีนัสพยายามอย่างยิ่งที่จะไม่ต่อปากต่อคำกับเขา แต่เธอก็ทำไม่ได้อย่างที่ตั้งใจไว้ เพราะรู้ดีว่าที่เขาทำแบบนี้ก็เพื่อที่จะแกล้งเธอ
“นี่คุณคงไม่ได้หมายความว่าจะต้องให้ฉันคอยอยู่ดูแลคุณตลอดเวลาหรอกนะ ฉันไม่มีเวลาว่างมาก มายขนาดนั้นและฉันก็มีงานที่จะต้องทำอีกมาก”
“อย่าพูดเสียงดังไปสิเดี๋ยวห้องอื่นเขาได้ยิน เขาจะเข้าใจผิดคิดว่าสามีภรรยากำลังทะเลาะกัน”
“สามีภรรยางั้นเหรอ!? ใครอยากเป็นภรรยาของคุณไม่ทราบพูดให้ดี ๆ นะ” จองมินเพียงแต่ยักคิ้วให้เธอแล้วชี้มือไปที่เธอ
“ก็คุณไง...คุณรู้ไหมมีแต่คนอยากได้ตำแหน่งนี้กันทั้งนั้น แต่ผมเก็บตำแหน่งนี้ไว้ให้คุณโดยเฉพาะเลยนะ”
“ไม่จำเป็นเลยเพราะฉันไม่ได้อยากได้ คุณเก็บไว้ให้กับผู้หญิงอื่นที่อยู่รอบข้างตัวคุณเถอะ มีเยอะนักไม่ใช่เหรอ” จองมินหัวเราะอย่างพอใจ
“คุณพูดแบบนี้เหมือนคุณกำลังหึงผมนะคุณรู้ตัวหรือเปล่า”
“หึงคุณ!! คุณอย่าสำคัญตัวผิดไปหน่อยเลย คนที่จะหึงกันได้เขาต้องรักกัน ส่วนฉันเกลียดขี้หน้าคุณจะตายไปแล้วฉันจะไปหึงคุณทำไม” เธอตอบเขากลับไปอย่างไม่ลดละ
“คุณจำคำพูดของคุณไว้นะ เพราะผมจะทำให้คุณเปลี่ยนใจมารักผมให้ได้”
“ฝันไปเถอะ...มันไม่มีทางที่จะเป็นไปได้อยู่แล้วไร้สาระ”
“เรามาลองดูกันนะว่าระหว่างคุณกับผมใครจะเป็นฝ่ายชนะ” เขาเดินเข้ามาพูดกับเธอใบหน้าของทั้งสองฝ่ายอยู่ห่างกันไม่ถึงคืบ
“ฉันไม่มีเวลามาเล่นเกมส์บ้าบอนี้กับคุณหรอก” หญิงสาวกล่าวด้วยน้ำเสียงมีโมโห
“แต่ผมจะทำผมจะขโมยหัวใจของคุณมาไว้กับผมให้ได้ ผมทำได้แน่ว่าแต่คุณเองเถอะดูแลหัวใจของคุณให้ดีก็ละกัน ระวังมันจะทรยศเจ้าของมารักผมเข้านะ” เขาพูดพร้อมกับใช้หลังมือของเขาลูบไล้แก้มเนียนใสของเธอ หญิงสาวตกใจและรีบปัดมือเขาออกไปอย่างแรง แต่ยังไม่ทันที่จะได้ต่อปากต่อคำก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นซะก่อนเขาตะโกนถามออกไป
“ใคร”
“ผมมาส่งอาหารครับ”
“ระฆังหมดยกพอดีฝากไว้ก่อน” เขาพูดพร้อมรอยยิ้มและหลิ่วตาให้เธอจากนั้นก็เดินไปเปิดประตูให้บริกรยกอาหารมาวางที่โต๊ะ จองมินหยิบเงินค่าทิปให้บริกร จากนั้นก็เดินไปดูอาหารปากก็พูดชักชวนหญิงสาวให้มาทานอาหารด้วยกัน
“เราสองคนมาทำสัญญาสงบศึกและมาทานอาหารกันก่อนดีกว่า”
“ฉันยังไม่หิวคุณทานของคุณไปเถอะ”
“มาทานเป็นเพื่อนผมนะ ผมรับรองว่าถ้าเราทานเสร็จเมื่อไร ผมจะปล่อยคุณกลับไปทำงานของคุณ”เธอเดินตรงมาหาเขา
“คุณพูดจริงใช่ไหมถ้าฉันยอมทานอาหารมื้อนี้กับคุณ คุณจะปล่อยให้ฉันกลับไปทำงานของฉัน” เขาพยักหน้าและยิ้มให้เธอ ยิ้มชนิดที่สาวคนไหนเห็นเป็นต้องหลงละเมอเพ้อพกไปอีกนานทีเดียว แต่มันใช้ไม่ได้ผลกับวีนัส
“ใช่ครับแต่ว่าคุณต้องกลับมาทานอาหารเย็นกับผมตอนหนึ่งทุ่ม”
“ไหนคุณบอกว่าคุณจะปล่อยให้ฉันไปทำงานของฉันยังไงล่ะ”
“ก็ใช่ไงแต่ว่าคุณต้องมาดูแลผมเรื่องอาหารเย็นสิ ไม่ต้องมาอ้างเรื่องงานเลยนะผมรู้ว่าคุณเตรียมพร้อมไว้หมดแล้ว วีคุณเลือกเอาเองก็แล้วกันนะว่าจะกลับไปทำงานของคุณ แล้วตอนเย็นก็แวะมาทานอาหารค่ำกับผม หรือว่าคุณจะอยู่กับผมแบบนี้ไปจนถึงเวลาอาหารเย็น”
“ก็ได้ฉันจะกลับไปทำงานของฉัน และจะกลับมาหาคุณตอนหกโมงครึ่งก็ละกัน” เธอบอกเขาในที่สุดจากนั้นสองคนก็เริ่มลงมือทานอาหารกลางวันด้วยกัน