บทที่ 10
ที่กองถ่ายทุกคนทำงานกันอย่างหนักเพื่อแข่งกับเวลา ผ่านไปสองวันอย่างรวดเร็วตลอดระยะเวลาสองวันจองมินไม่มีโอกาสได้อยู่ใกล้ชิดกับวีนัสเลย เธอวิ่งวุ่นทำงานอย่างหนักและรับผิดชอบงานในหน้าที่ของเธอได้
อย่างดีเยี่ยมไม่มีที่ติ ระหว่างที่เขายืนดูการทำงานของเธอนั้นยองซูก็เดินเข้ามาตบบ่าเขา
“นายมองอะไรอยู่” เขามองไปตามทิศทางที่จองมินมองอยู่ และก็พบกับวีนัสที่กำลังง่วนอยู่กับการสั่งงานลูกน้องจากนั้นเขาก็หันมาพูดกับจองมิน
“เธอทำงานเก่งมากเลยนะ ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมเธอจึงเป็นครีเอทีฟที่มีชื่อเสียงอันดับต้น ๆ ของวง การโฆษณาเมืองไทย พี่ว่าเรากลับไปนอนพักผ่อนกันดีกว่า พรุ่งนี้ถ่ายฉากสุดท้ายจะได้เสร็จซะที” พูดจบเขาก็เดินกลับไปที่ห้องพักของตัวเองทิ้งให้จองมินยืนอยู่ตรงนั้นเพียงลำพัง
สำหรับวีนัสเมื่อเธอสั่งงานลูกน้องให้ดูแลความเรียบร้อยเสร็จก็เดินกลับที่พัก ซึ่งจะต้องผ่านตรงที่ที่เขายืนอยู่จองมินจึงตัดสินใจยืนปักหลักอยู่ที่เดิม ไม่ได้เดินกลับไปพักผ่อนในห้องพักตามที่พี่ยองซูบอก เพื่อหาโอกาสที่จะพูดคุยกับเธอ ทันใดนั้นเขาก็เห็นเธอรับโทรศัพท์มือถือและเดินตรงมายืนอยู่ใกล้กับจุดที่เขายืนอยู่ ซึ่งที่ตรงนั้นมันค่อนข้างมืดหญิงสาวก็เลยไม่เห็นเขา
จองมินได้ยินเธอพูดโทรศัพท์กับผู้ชายด้วยความสนิทสนมอย่างชัดเจน ถึงแม้ว่าเขาจะฟังออกไม่หมดแต่ก็พอจะฟังออกอยู่บ้าง เพราะต้นสังกัดหาครูมาสอนภาษาไทยให้กับเขาและซูฮยอน อีกทั้งยังสังเกตุได้จากท่าทางของเธอ วีนัสคุยโทรศัพท์ด้วยดวงตาเป็นประกาย และมีรอยยิ้มที่สดใสอยู่บนใบหน้าแทบจะตลอดเวลา มันทำให้เขายิ่งหงุดหงิดมาก ทีกับเขาไม่เห็นเธอจะพูดจาดีแบบนี้บ้างเลย จองมินรอจนหญิงสาววางสาย หลังจากนั้นก็ส่งเสียงประชดประชันเธอ พร้อมกับการปรากฏตัวให้เธอเห็น
“เวลาคุยโทรศัพท์กับผู้ชายคุณมักจะระริกระรี้แบบนี้เสมอเลยเหรอ” หญิงสาวหันไปตามเสียงนั้น
“จองมินทำไมคุณถึงเป็นคนที่ไม่มีมรรยาทแบบนี้ แอบฟังคนอื่นเขาคุยโทรศัพท์กันก็ได้ด้วย”
“ใครว่าผมแอบฟังคุณ ผมยืนของผมอยู่ตรงนี้ตั้งนานแล้ว คุณเองต่างหากที่เดินมายืนพูดโทรศัพท์ให้
ผมได้ยิน ว่าแต่คุณคุยโทรศัพท์อยู่กับใคร” จองมินถามขึ้นมาด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดแต่วีนัสเงียบไม่ยอมตอบ ทำให้เขากระชากตัวเธอมาเขย่าอย่างแรงด้วยความโกรธ
“ผมถามคุณว่าไอ้ผู้ชายคนนั้นมันเป็นใคร คุณไม่ได้ยินที่ผมถามคุณหรือไง”
“โอ๊ย! ฉันเจ็บ...ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ...”
“คุณก็ตอบคำถามของผมมาก่อนสิ”
“ฉันจะคุยกับใครมันก็ไม่เกี่ยวกับคุณ”
“มันเป็นใคร!?” จองมินยังคงถามคำถามเดิม เพราะเขายังไม่ได้รับคำตอบจากอีกฝ่าย
“อยากรู้นักใช่ไหม...ฉันตอบคุณก็ได้เขาเป็นผู้ชายที่ฉันรักมาก...พอใจหรือยัง”
คำตอบของวีนัสทำให้จองมินบันดาลโทสะ เขากระชากเธอเข้ามาในอ้อมแขนและบดริมฝีปากของตัวเองกับริมฝีปากอ่อนนุ่มของเธออย่างรุนแรง เหมือนเป็นการลงโทษที่เธอพูดจาบาดใจเขา วีนัสพยายามดิ้นรนเพื่อที่จะเป็นอิสระจากเขาแต่ก็ไม่สำเร็จ จองมินรู้สึกว่าไม่เคยเจอริมฝีปากที่อ่อนนุ่มและเย้ายวนแบบนี้มาก่อน เขากระหายอยากจูบเธอและพอได้จูบเขาก็ไม่อยากที่จะหยุดการกระทำนั้น
เขาจูบเธออย่างหิวกระหายและบังคับให้เธอเผยอริมฝีปาก เพื่อเปิดทางให้เขาแทรกลิ้นอุ่นเข้าไปลิ้มรสความหวานจากร่างบางตรงหน้า วีนัสเข่าอ่อนแทบทรุดลงกับพื้นเพราะความเร่าร้อนที่เขามอบให้ เธอพยายามดิ้นรนอยู่สักพักก่อนจะที่รู้สึกเคลิบเคลิ้มไปกับรสจูบของเขา และตอบสนองจูบนั้นอย่างไม่ค่อยจะประสีประสามากนัก
จองมินเริ่มลูบไล้ไปตามร่างกายที่ได้สัดส่วนของเธอ และนั่นก็เป็นการบ่งบอกถึงอารมณ์ความต้องการที่เพิ่มมากขึ้นทุกที มือข้างหนึ่งของเขาก็เริ่มที่จะเลื่อนผ่านลำตัวของหญิงสาวขึ้นมาถึงหน้าอกอันอวบอิ่มได้รูป ชายหนุ่มลูบไล้หน้าอกของวีนัสผ่านชุดที่เธอสวมใส่ ทำให้เธอรู้สึกตัวและสะบัดตัวเองออกมาจากอ้อมกอดของเขาด้วยอาการเหนื่อยหอบ พร้อมกับตบหน้าเขาอย่างแรงถึงสองครั้ง ก่อนจะวิ่งหนีเข้าห้องพักของเธอไป จองมินได้แต่ยืนอึ้ง
“นี่เราทำอะไรลงไป” เมื่อวีนัสเข้ามาถึงห้องพักเธอก็ทุ่มตัวลงบนที่นอน และร้องไห้ออกมาอย่างหนักกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น การกระทำของจองมินถือเป็นการหยามเกียรติลูกผู้หญิง เขาทำราวกับเธอเป็นผู้หญิงง่าย ๆ แต่สิ่งที่ทำให้เธอรู้สึกแย่ยิ่งไปกว่านั้นก็คือเธอดันไปเคลิบเคลิ้มกับรสสัมผัสของเขา และเผลอไปตอบสนองเขาอีกด้วย วีนัสร้องไห้จนเพลียหลับไปตอนใกล้รุ่งถึงเธอจะนอนน้อยสักแค่ไหน แต่ก็สามารถตื่นขึ้นมาทำงานในหน้าที่รับผิดชอบจนงานสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี
ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ...หญิงสาวร่างสูงโปร่งเดินทางมาส่งจองมิน ยองซู และทีมงานของเขากลับประเทศเกาหลี ยองซูสังเกตุเห็นความเปลี่ยนแปลงและความผิดปกติของสองหนุ่มสาวแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร
“เดินทางโดยสวัสดิภาพนะคะโชคดีค่ะ” วีนัสกล่าวกลับยองซู
“ครับขอบคุณที่คอยดูแลให้ความสะดวกกับพวกเรา หวังว่าเราคงจะมีโอกาสได้ร่วมงานกันอีกนะครับ” วีนัสยิ้มให้ยองซูแทนคำตอบ จองมินหันมามองเธอนิ่งนานก่อนจะเดินผ่านไป หมดหน้าที่กันเสียทีเธอได้แต่หวังว่าเธอคงจะไม่ต้องได้เจอะเจอกับเขาอีก
ภายในห้องประชุมของบริษัทเอสแอนด์เค....มีสองหนุ่มบลูสกายนั่งกันอยู่อย่างพร้อมหน้าพร้อมตา พร้อมกับยองซูผู้จัดการส่วนตัวของพวกเขา เพื่อรอเวลาให้อึนนายองเจ้าของบริษัทต้นสังกัดของพวกเขาเข้ามาเปิดการประชุม ในระหว่างที่รอซูฮยอนก็หันไปคุยกับจองมินถึงเรื่องที่เขาเดินทางไปทำงานที่เมืองไทย
“จองมินนายไปถ่ายโฆษณาที่เมืองไทยเป็นไงบ้าง มีอะไรสนุก ๆ บ้างไหม ไม่เห็นเล่าให้ฟังบ้างเลย”
ซูฮยอนถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น
“ก็ไม่มีอะไรมากไปถึงก็ลงมือทำงานถ่ายทำเสร็จก็กลับ” จองมินตอบเนือย ๆ
“อะไรกันนายไปตั้งสามสี่วันมีเรื่องเล่าให้ฉันฟังแค่นี้เองเหรอ อุตส่าห์ตั้งใจฟังผิดหวังจริง ๆ นึกว่าจะมีเรื่องอะไรสนุกมาเล่าให้ฟังซะอีก อยู่ที่นี่น่าเบื่อจะตายทำไมเขาไม่มาจ้างฉันไปเป็นพรีเซ็นเตอร์บ้างนะ จะได้ไปเที่ยวให้สนุกไปเลย” ซูฮยอนถึงกับบ่นออกมาดัง ๆ ทำให้ยองซูซึ่งนั่งฟังอยู่นานถึงกับหัวเราะออกมา เสียงหัวเราะของยองซูทำให้สองหนุ่มหันไปมองเขาพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย และก็เป็นซูฮยอนอีกเช่นเคยก็เก็บความสงสัยไว้ไม่อยู่จนต้องเอ่ยปากถาม
“พี่หัวเราะแบบนี้ต้องมีอะไรดีดีเกิดขึ้นแน่นอนเลยใช่ไหม พี่ยองซูเล่าให้ผมฟังหน่อยสิว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น” เขาหันไปเซ้าซี้ยองซู
“นายก็ลองถามจองมินดูเอาเองสิว่าเขาไปเจอใครมา” ซูฮยอนเอามือตบโต๊ะเสียงดัง
“นึกอยู่แล้วเชียว...ปกตินายเป็นคนชอบพูดมาก แต่ทำไมคราวนี้ตอบแบบขอไปที ที่แท้ก็มีอะไรดีดีแล้วไม่ยอมเล่าให้ฟังนี่เอง เล่ามาเลยนายเล่ามาเดี๋ยวนี้เลยนะว่านายไปเจอกับใครมา” แต่ก่อนที่จะมีใครพูดอะไรเสียงของนายองก็ดังขึ้นมา
“พวกนายคุยอะไรกันเสียงดังออกไปจนถึงข้างนอก” เสียงของอึนนายองมาก่อนตัวซะอีก นายองปรากฎตัวพร้อมกับฟานี่ผู้จัดการส่วนตัวอีกคนของบริษัท
“เปล่าคร๊าบบ” ซูฮยอนตอบ
“โอเคถ้าไม่มีอะไรก็มาพูดถึงเรื่องตารางงานที่พวกนายจะต้องทำ ฟานี่แจกเอกสารให้พวกเขา”
ในช่วงที่ฟานี่กำลังแจกเอกสารอยู่นั้น นายองก็หันไปถามจองมินว่างานถ่ายโฆษณาที่ไปถ่ายทำที่เมืองไทยเป็นอย่างไรบ้าง ไม่มีปัญหาอะไรใช่ไหม ที่เธอต้องถามเช่นนี้เพราะรู้จักนิสัยของจองมินเป็นอย่างดี ชายหนุ่มตอบเพียงสั้น ๆ อีกเช่นเคย
“ก็ดีครับไม่มีปัญหาอะไร”
“ตอบแค่นี้เองเหรอ” แล้วเธอก็หันไปมองยองซู เพื่อที่จะรอฟังคำตอบจากเขาแทน
“ก็ดีครับทุกอย่างผ่านไปด้วยดีไม่มีปัญหาอะไร คุณวีเธอเป็นคนทำงานเก่งสมกับที่เป็นครีเอทีฟที่มีชื่อเสียงติดอยู่ในอันดับต้น ๆ ของวงการโฆษณาเมืองไทย จากการร่วมงานในครั้งนี้เธอยังได้พิสูจน์ฝีมือให้พวกเราได้เห็นถึงศักยภาพในการทำงานของเธออีกด้วยครับ ที่สำคัญเธอเป็นคนสวยมาก ผลงานที่สร้างชื่อเสียงของเธอก็มีไม่น้อย เรียกได้ว่าคุณวีเป็นผู้หญิงที่ทั้งสวยทั้งเก่งจริงสมคำล่ำลือ”
“หมายความว่าครีเอทีฟของงานโฆษณาชิ้นนี้เป็นผู้หญิงแถมยังสวยอีกด้วยใช่ไหม นี่เองเหรอที่นายไม่ยอมเล่าให้ฉันฟัง” ซูฮยอนพูดโพล่งถามจองมินขึ้นมากลางวงสนทนา นายองหันไปตำหนิเขาด้วยสายตาพิฆาต ซูฮยอนจึงหุบปากลงได้
“ฉันก็พอที่จะได้ยินกิตติศัพท์ของเธอมาบ้างว่า เป็นผู้หญิงที่สวยหาตัวจับยากคนหนึ่ง ที่สำคัญเธอมีสมองและก็ประสบความสำเร็จในอาชีพนี้ตั้งแต่เธออายุยังน้อยนับว่าไม่ธรรมดา พวกนายคงจะยังไม่รู้กันละสิว่าในเร็ว ๆ นี้จะมีการเปิดตัวบริษัทโฆษณายักษ์ใหญ่ ซึ่งเป็นการร่วมทุนระหว่างเกาหลีและไทยภายใต้ชื่อบริษัท “วิชชั่นแอ็ดเวอร์ไทซิ่ง” และพวกนายสองคนก็จะต้องได้รับเชิญไปในงานนี้ด้วย ในฐานะที่เป็นพรีเซ็นเตอร์โฆษณาชิ้นแรกของบริษัท