บทที่ 3
อัทธวีร์โทรศัพท์ไปหาศิศิราตามเบอร์ที่ปรากฏอยู่ในนามบัตร ทันทีที่ปลายทางรับเขาก็ได้ยินเสียงหวานกังวานใสดังมาตามสาย
“สวัสดีค่ะ”
“ผมเองนะซิน”
คิ้วเรียวสวยขมวดมุ่นกับเสียงที่ได้ยิน เพราะเป็นเสียงที่เธอไม่คุ้นเคย
“คุณเป็นใคร!”
“ไม่ได้เจอกันนานหลายปีถึงกับจำไม่ได้เลยเหรอว่าผมเป็นใคร”
“ถ้าจะโทรมากวนประสาทกันล่ะก็ฉันจะวางสาย” พูดจบก็ตัดสายทันที
การกระทำของหญิงสาวสร้างความไม่พอใจให้อัทธวีร์เป็นอย่างมาก
“ยัยตัวแสบถึงกับกล้าตัดสายทิ้งเลยเหรอ แล้วเราจะได้เห็นดีกัน”
อัทธวีร์โทรกลับไปอีกครั้ง รออยู่นานกว่าอีกฝ่ายจะยอมรับสาย
“ผมเอง...อย่าเพิ่งวางสายนะ”
“ผมเองน่ะใคร!! ถ้าไม่บอกแล้วฉันจะรู้ได้ยังไงว่าคุณเป็นใคร”
“อัทธวีร์ นิธิพัฒน์โภคิน ทีนี้จำได้หรือยัง”
“โทรมามีธุระอะไรคะ”
“ผมอยากพบคุณ พรุ่งนี้คุณว่างไหม ถ้าว่างก็ออกมาเจอกันหน่อย”
“ที่ไหน!”
อัทธวีร์บอกเวลาและสถานที่ เขาเลือกร้านอาหารศิรินทรา ซึ่งเป็นกิจการของว่าที่แม่ยายเป็นสถานที่นัดพบ
“ได้ค่ะ ฉันจะไปพบคุณตามเวลานัด”
“พรุ่งนี้พบกัน” เขาตอบกลับไปก่อนจะวางสาย
“ใครโทรมา” ศิรินทราเอ่ยถามเมื่อเดินนำโกโก้ร้อนเข้ามาในห้องนอนของบุตรสาว
“คุณอัทธวีร์ค่ะแม่”
“นี่จ้ะโกโก้ร้อนของลูก”
ศิศิรารับเครื่องดื่มแก้วนั้นจากมารดาพร้อมกับเอ่ยคำขอบคุณ
“ดูเหมือนแม่ไม่แปลกใจเลยนะคะที่เขาโทรหาซิน”
“น้าพกาโทรมาเล่าให้แม่ฟังเมื่อสักครู่นี้เองว่าเธอได้พูดเรื่องแต่งงานกับคุณอัทธ์แล้ว”
“แล้วเขาว่ายังไงคะ”
“ตอนแรกเขาก็ปฏิเสธ”
“ไม่แปลกหรอกค่ะแม่ คุณอัทธ์ไม่ชอบให้ใครบังคับ ยิ่งถูกบังคับก็ยิ่งต่อต้าน”
“เขาไม่เต็มใจที่จะแต่งงานกับซิน แล้วซินล่ะคิดอย่างไรกับเรื่องนี้”
“ที่จริงซินก็ไม่ได้อยากจะแต่งงานกับเขานะคะแม่ แต่เป็นเพราะคุณย่าขอร้องซินจึงปฏิเสธไม่ได้ทั้งที่ใจอยากทำ”
“ดีแล้วที่ซินตัดสินใจแบบนั้น เพราะคุณย่ามีบุญคุณกับเราสองคนแม่ลูกมาก ถ้าคุณย่าไม่ยื่นมือเข้ามาช่วยเราในวันนั้น แม่กับซินก็คงไม่มีวันนี้ วันที่เรายืนได้อย่างแข็งแรงด้วยขาของตัวเอง และแม่ได้เห็นซินเป็นด็อกเตอร์อย่างที่หวังไว้ ฉะนั้นเมื่อมีโอกาสที่จะตอบแทนบุญคุณท่านก็ควรจะที่จะทำโดยไม่ลังเล”
“ซินถึงได้ยอมทำตามคำขอของคุณย่ากับแม่ไงคะ”
“ขอบใจนะลูกที่ยอมทำตามคำขอของแม่” ศิรินทราเอ่ยพร้อมกับโอบกอดบุตรสาว ที่เป็นเสมือนแก้วตาดวงใจของตนเอง
“ในเมื่อคุณอัทธ์ปฏิเสธ การแต่งงานของเขากับซินจะยังมีขึ้นอีกไหมคะ”
“น้าพกามีวิธีที่ทำให้เขารับปากว่าจะยอมแต่งงานกับซิน แต่เขาขอเวลาสามเดือนเพื่อคบหาดูใจ และทำความคุ้นเคยกับซินก่อน ว่าแต่คุณอัทธ์โทรหาซินทำไม”
“เขาอยากเจอซินค่ะ เราก็เลยนัดเจอกันวันพรุ่งนี้ที่ร้านอาหารของแม่”
“ใครเป็นคนเลือกสถานที่”
“คุณอัทธ์”
“ลูกจะไปตามนัดใช่ไหม”
“ใช่ค่ะ เพราะซินอยากรู้ว่าเขานัดเจอซินทำไม”
“ก็อาจจะอยากพูดคุยและสานสัมพันธ์กับซิน”
“สานสัมพันธ์หรือตัดสัมพันธ์กันแน่คะแม่”
“พรุ่งนี้ซินก็คงจะได้รับคำตอบเองล่ะว่าคุณอัทธ์มาพบซินทำไม คืนนี้ต้องออกไปเก็บข้อมูลทำวิจัยอีกหรือเปล่าลูก”
“พักหนึ่งวันค่ะแม่เพราะคิมเขาไม่ว่าง”
“แม่ไม่กวนเวลาทำงานของซินแล้ว อย่านอนให้ดึกมากนักนะ”
“ราตรีสวัสดิ์ค่ะแม่”
“ฝันดีลูก”
เมื่อศิรินทราคล้อยหลังเดินจากไป ศิศิราก็หวนนึกถึงเรื่องราวในวัยเด็กของเธอและอัทธวีร์ การพบกันของเธอและเขาแต่ละครั้งเขาจะถูกเธอกลั่นแกล้งเสมอ เหตุเพราะเธอไม่ชอบท่าทางขี้เก๊กของเขา แรกๆ ก็ทำไปเพราะเกิดความหมั่นไส้แต่นานไปก็รู้สึกสนุกที่ได้แกล้งให้เขาโกรธจนหัวฟัดหัวเหวี่ยง
เขาจะยังจดจำเหตุการณ์เหล่านั้นได้หรือไม่
และยังแค้นเคืองเธออยู่อีกหรือเปล่า
หรือว่าลืมเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไปจนหมดสิ้น
ในเวลาเดียวกันนั้นเองอัทธวีร์ได้โทรศัพท์ไปชวนสิงหนาทออกมาดื่มด้วยกันที่ผับแห่งหนึ่ง เมื่อไปถึงเขาพบเพื่อนรักนั่งดื่มอยู่ก่อนแล้วจึงเดินตรงเข้าไปทักทาย
“มานานหรือยัง” อัทธวีร์เอ่ยถาม
“สักพักแล้ว นายกลับมาเมืองไทยตั้งแต่เมื่อไร”
“มาถึงวันนี้เอง รู้สึกเบื่อๆ ก็เลยชวนนายออกมาดื่ม”
“เบื่อเรื่องอะไร!”
“ก็คุณย่าจะจับฉันคลุมถุงชนกับแม่ตัวแสบคู่ปรับเก่าในวัยเด็กของฉันน่ะสิ”
“สมัยนี้ยังมีการจับคลุมถุงชนกันหลงเหลืออยู่อีกเหรอ”
“ก็คุณย่าของฉันนี่ไง”
“แล้วนายตอบท่านไปว่ายังไง”
“ฉันก็ปฏิเสธ คุณย่าถึงขั้นจะตัดขาดความสัมพันธ์ และขู่ว่าจะตัดฉันออกจากกองมรดก พร้อมกับยกทรัพย์สมบัติทั้งหมดให้กับองค์กรการกุศล”
สิงหนาทหัวเราะเมื่อเห็นสีหน้าที่บ่งบอกถึงความเซ็งสุดขีดของเพื่อน
“นายหัวเราะอะไร มันตลกตรงไหน ฉันกำลังพูดเรื่องซีเรียสกับนายอยู่นะ”
“โอเค ขอโทษก็ได้ นึกแล้วก็อดขำไม่ได้ ใครจะคาดคิดว่าคาสโนว่าตัวพ่ออย่างนาย สุดท้ายจะต้องมาเจอกับสถานการณ์เช่นนี้”
“ถ้านายเป็นฉันนายจะทำยังไงกับเรื่องนี้”
สิงหนาทไม่ตอบแต่เลือกที่จะย้อนถามกลับไป
“แล้วนายมีวิธีรับมือกับเรื่องนี้ยังไง”
“ฉันจะเกลี้ยกล่อมให้ศิศิราเป็นฝ่ายยกเลิกการแต่งงานในครั้งนี้ด้วยตัวเอง”
“มันจะสำเร็จเหรอ คงไม่ง่ายขนาดนั้นหรอกมั้ง”
“ถึงจะไม่ง่ายแต่ก็ต้องทำ เพราะฉันไม่มีทางเลือกอื่น ฉันมีเวลาสามเดือนในการที่จะเปลี่ยนใจเธอ ให้ยกเลิกการแต่งงานในครั้งนี้ซะ นั่นเป็นทางออกที่ดีที่สุดสำหรับฉัน”
แต่สิงหนาทกลับเห็นต่างและบอกให้อัทธวีร์ยอมแต่งงานกับคู่ปรับเก่าอย่างเธอ
“ทำไมนายถึงแนะนำแบบนี้”
“ก็ถ้าฉันเป็นนายฉันจะยอมแต่งงานกับคนที่ผู้ใหญ่เลือกให้ เพื่อความชอบธรรมในการเป็นผู้รับมรดกมหาศาลของครอบครัว หลังจากนั้นจะเลิกกันก็ว่ากันไป”
“ฉันไม่แต่ง...ไม่ว่ายังไงฉันก็จะไม่ยอมแต่งงานกับเธอเด็ดขาด”
“แล้วนายจะทำยังไง จะยอมให้ทรัพย์สมบัติมหาศาลของตระกูลนาย ตกไปอยู่กับองค์กรการกุศลอย่างนั้นเหรอ”
“ไม่มีทาง”
“ดื้อแพ่งไปก็เท่านั้น นายไม่มีวันเอาชนะคุณย่าของนายได้หรอก”
“ฉันถึงได้จำใจรับปากว่าจะแต่งงานกับศิศิรา และขอเวลาสามเดือนเพื่อสานสัมพันธ์”
“แต่นายจะเอาเวลาสามเดือนนั้นเพื่อทำให้เธอตัดสัมพันธ์นาย”
“ใช่ ฉันจะทำทุกวิถีทางเพื่อให้เธอเป็นฝ่ายยกเลิกการแต่งงาน โดยจะเริ่มจากการเจรจาก่อน”
“และถ้ามันไม่ได้ผลล่ะ”
“ฉันก็ต้องหาวิธีอื่น อาจจะทำตัวเสเพล ควงผู้หญิงไม่ซ้ำหน้า ผู้หญิงดีดีที่ไหนจะทนพฤติกรรมเจ้าชู้เพลย์บอยแบบนี้ได้ นายว่าจริงไหม”
“เวลาพูดมันง่าย แต่ตอนลงมือทำให้มันได้ผลตามที่หวังไว้บอกเลยว่ายาก แต่ก็ขออวยพรให้นายโชคดี ทำให้สำเร็จละกัน”
“แน่นอน ฉันไม่ชอบการถูกบังคับ โดยเฉพาะเรื่องแต่งงานยิ่งแล้วใหญ่”