บทที่ 4
“ว่าแต่เจ้าสาวของนายเป็นใคร”
“เธอเคยเป็นเพื่อนบ้านในวัยเด็กของฉันก่อนที่เราจะย้ายมาอยู่ที่นี่ ยายของเธอเป็นเพื่อนสนิทของคุณย่า ยัยเด็กแสบนั่นชอบหาเรื่องแกล้งฉันได้ทุกครั้งที่เจอหน้ากัน”
“นายก็เลยไม่ชอบหน้าเธอ แต่คุณย่าของนายเกิดความคิดอยากสานสัมพันธ์ให้สองตระกูลเป็นทองแผ่นเดียวกัน”
“ทำนองนั้น พูดแล้วเซ็ง ดื่มกันดีกว่า”
สองหนุ่มนั่งดื่มแอลกอฮอล์ดีกรีแรงอย่างสบายอารมณ์
“รู้ไหมว่าเธอมีอาชีพอะไร”
“คุณย่าบอกเธอเป็นนักวิชาการ และเป็นอาจารย์สอนในมหาวิทยาลัย ดูท่าว่าคงจะแต่งตัวคร่ำครึ ใส่แว่นตาหนาเตอะแน่นอน”
“สมัยนี้อาจารย์หน้าตาสวยหุ่นแซ่บมีให้เห็นเยอะแยะไป ไม่จำเป็นต้องแต่งตัวเหมือนครูไหวใจร้ายอย่างที่นายบรรยายมา ว่าไม่ได้นะเธออาจจะถูกใจนายก็ได้ ไม่ได้เจอกันนานหลายอย่างอาจเปลี่ยนไป ลองไปพบเธอก่อนอย่าเพิ่งรีบตั้งป้อมต่อต้าน”
“พูดเรื่องนี้ทีไรเซ็งทุกที”
สองหนุ่มนั่งพูดคุยและดื่มร่วมกันอีกพักใหญ่ ก่อนจะแยกย้ายกันกลับ เพราะสิงหนาทมีคิวถ่ายละครในตอนเช้ามืดวันพรุ่งนี้
“นายขับรถกลับไหวแน่นะอัทธ์”
“ไหวสิ เหล้าแค่นี้ทำอะไรฉันไม่ได้หรอก”
“ระวังด่านตรวจด้วยล่ะ เขายิ่งรณรงค์เมาไม่ขับกันอยู่”
“รู้แล้ว...นายเองก็ขับรถกลับดีดี”
“นายก็เหมือนกันนะ ไว้เราค่อยนัดมาดื่มสังสรรค์กันอีก”
จากนั้นก็แยกย้ายต่างฝ่ายต่างขับรถกลับบ้านของตนเอง แม้จะมีอาการมึนเมาแต่ทั้งคู่ก็ขับรถกลับบ้านได้อย่างปลอดภัย
วันต่อมา...
อัทธวีร์ไปตามนัดและไปถึงก่อนเวลา เขาตรงเข้าไปทักทายมารดาของศิศิรา แม้จะไม่ได้พบกันนานหลายปีแต่เขายังคงจดจำเธอได้เป็นอย่างดี
“สวัสดีครับ...จำผมได้ไหมครับน้าศิ”
“คุณอัทธ์”
“ใช่ครับ”
“เราไม่ได้เจอกันนานมากน้าจำเกือบไม่ได้เลย”
“น้าศิสบายดีนะครับ”
“สบายดีค่ะ นัดกับซินไว้ใช่ไหมคะ ซินยังมาไม่ถึงเลยค่ะ เชิญคุณอัทธ์นั่งรอตรงนี้สักครู่นะคะ”
ศิรินทราเดินนำอัทธวีร์มาที่โต๊ะในมุมที่เงียบสงบ
“เชิญนั่งก่อนค่ะ กินอะไรดีคะ เดี๋ยวน้าจะไปจัดเตรียมให้”
“อะไรก็ได้ครับ ผมกินได้หมดไม่เรื่องมากหรอกครับ”
“น้าจะรีบไปจัดเตรียมให้นะคะ”
“ไม่ต้องรีบหรอกครับผมยังไม่หิว รอให้ซินมาก่อนก็ได้ครับ น้าศินั่งคุยกับผมสักครู่ได้ไหมครับ”
“ได้สิคะ คุณอัทธ์มีอะไรจะคุยกับน้าเหรอคะ”
“น้าศิคงทราบว่าคุณย่าจะให้ผมแต่งงานกับซิน”
ศิรินทราพยักหน้า “และก็ทราบดีว่าคุณอัทธ์ไม่อยากแต่งงานกับลูกสาวของน้า คุณอัทธ์รังเกียจซินเหรอคะ หรือเป็นเพราะว่าเราจนกว่า”
“ไม่ใช่เรื่องนั้นครับเพียงแต่ผมไม่ชอบการถูกบังคับ”
“แล้วทำไมถึงเปลี่ยนใจรับปากแต่งงานกับซินคะ”
“เพราะความจำเป็นบางอย่างที่ทำให้ผมไม่สามารถปฏิเสธการแต่งงานในครั้งนี้ได้”
“คุณอัทธ์ก็เลยจะพูดโน้มน้าวให้ซินเป็นฝ่ายยกเลิกการแต่งงานใช่ไหมคะ”
“ใช่ครับ น้าศิว่าเธอจะยอมไหมครับ”
“ไม่ทราบเหมือนกันค่ะ เรื่องนี้คุณอัทธ์คงต้องคุยกับซินเอง คุณอัทธ์มีเหตุผลของคุณอัทธ์ ซินก็อาจจะมีเหตุผลของซินเหมือนกัน น้าว่าคุยกันเองดีกว่านะคะ น้าขอตัวไปดูในครัวก่อนเชิญคุณอัทธ์ตามสบายค่ะ”
เมื่อศิศิราเดินทางมาถึงที่นัดหมายเธอได้โทรเข้ามือถือของเขา เขากดรับสายและส่งสัญญาณว่าเขานั่งรอเธออยู่ตรงนี้
ไม่น่าเชื่อว่าลิงทโมนในอดีตโตมาแล้วจะเป็นสาวสะพรั่ง สวยเปล่งปลั่ง แถมยังหุ่นแซ่บน่ากินขนาดนี้
นี่ถ้าไม่ต้องถูกจับคลุมถุงชนกับเธอเขาก็อาจจะสานสัมพันธ์ด้วย
แต่เมื่อเธอจะมาเป็นเจ้าสาวของเขา เห็นทีต้องรีบกำจัดออกไปจากชีวิตเขาโดยเร็วที่สุด
เมื่อทั้งคู่เผชิญหน้ากันอัทธวีร์ได้เอ่ยถาม “กินอะไรดีครับ”
“ฉันยังไม่หิว คุณมีธุระอะไรกับฉันเหรอคะถึงได้โทรนัดฉันออกมา”
เมื่ออีกฝ่ายเอ่ยถามเขาก็ไม่รอช้ารีบพูดเข้าประเด็นทันที
“รู้เรื่องที่เราจะต้องแต่งงานกันแล้วใช่ไหม”
หญิงสาวพยักหน้าแทนคำตอบ
“แล้วคุณเห็นด้วยกับการแต่งงานในครั้งนี้ของเราไหม”
ด้วยนิสัยของศิศิราเป็นคนตรงไปตรงมา เธอจึงตอบคำถามของเขาตามความรู้สึกที่แท้จริง
“แม้ว่าใจจริงฉันจะไม่อยากแต่งงานกับคุณ แต่ก็ไม่มีปัญหาอะไรถ้าจะต้องแต่งงานกันจริงๆ ฉันแค่ทำตามความต้องการของผู้ใหญ่ หรือคุณมีปัญหา”
“ผมจะไม่พูดอ้อมค้อม ที่จริงแล้วผมไม่เต็มใจที่จะแต่งงานกับคุณ แต่เพราะความจำเป็นบางอย่างทำให้ผมไม่สามารถปฏิเสธการแต่งงานในครั้งนี้ได้”
“คุณก็เลยจะให้ฉันเป็นฝ่ายคัดค้าน ขอยกเลิกการแต่งงานของเรา”
“หัวไวดีนี่ สมแล้วที่เป็นด็อกเตอร์”
ศิศิราปฏิเสธคำขอนั้นอย่างไร้เยื่อใยว่าเธอจะไม่ทำตามที่เขาต้องการ ถ้าเขาอยากจะล้มเลิกการแต่งงานในครั้งนี้เขาจะต้องเป็นฝ่ายบอกกับผู้ใหญ่เอง
อัทธวีร์รู้สึกขุ่นเคืองที่การเจรจาในครั้งนี้ไม่ราบรื่นอย่างที่คิด ความโมโหทำให้เขาพูดจาไม่น่าฟัง
“คุณอยากได้ผมเป็นผัวจนตัวสั่นมากขนาดนี้เลยเหรอ รอเวลานี้มานานแล้วล่ะสิ แต่โทษทีนะผมไม่อยากได้คุณเป็นเมีย”
“ฉันก็ไม่เคยพูดว่าอยากได้คุณเป็นสามี”
“แล้วเราจะแต่งงานกันเพื่อ...” เขาย้อนถามด้วยน้ำเสียงที่แสดงถึงความหงุดหงิด
“เพราะว่ามันเป็นความต้องการของผู้ใหญ่ จะบอกอะไรให้นะฉันเองก็ไม่ได้พิศวาสอยากได้ผู้ชายอย่างคุณเป็นสามีนักหรอก”
“ถ้าเป็นเช่นนั้นก็ยกเลิกการแต่งงานของเราสิจะรออะไร”
“คุณก็ทำสิ เราจะได้หลุดพ้นไปจากพันธนาการนี้”
“ถ้าผมทำได้คงไม่ต้องเสียเวลามานั่งเจรจากับคุณแบบนี้หรอก”
“ในเมื่อคุณทำไม่ได้ก็ยอมรับมันซะ”
อัทธวีร์ยื่นหน้าไปกระซิบข้างหูคู่ปรับเก่าอย่างเธอ
“แล้วจะรู้ว่านรกมีจริง มาดูกันซิว่าคุณจะทนพฤติกรรมเจ้าชู้เพลย์บอยของผมได้อีกนานแค่ไหน”
เขายิ้มมุมปาก ยักคิ้ว และมองเธอด้วยสายตาท้าทาย
ศิศิรายิ้มให้เขาพร้อมตอบกลับไปอย่างไม่สะทกสะท้าน
“ฉันรับมือกับเหตุการณ์เหล่านั้นได้แน่”
อัทธวีร์หัวเสียเมื่อการเจรจาที่เคยวาดหวังไว้ว่าจะสำเร็จ แต่มันกลับล้มเหลวไม่เป็นท่า
เห็นทีคงต้องทำให้เธอเอือมระอากับนิสัยเจ้าชู้ในคราบของเพลย์บอยรักสนุกที่ควงผู้หญิงไม่ซ้ำหน้า
อยากรู้เหมือนกันว่าเธอจะทนพฤติกรรมนี้ของเขาได้นานสักแค่ไหน
และจะใช้วิธีไหนรับมือเขา
เมื่อตกลงกันไม่ได้ก็ถือว่ายุติการเจรจา
“ถ้าคุณยังยืนยันที่จะแต่งงานกับผมก็เตรียมทำใจไว้ได้เลย” อัทธวีร์พูดทิ้งท้ายไว้ก่อนจะเดินจากไป