บทที่ 6
ตอนแรกอัทธวีร์คิดแค่จะจูบสั่งสอนเธอเท่านั้น แต่เมื่อได้สัมผัสกับริมฝีปากที่อ่อนนุ่มและเย้ายวน กลับทำให้เขากระหายอยากจูบเธอมากขึ้นกว่าเดิม
จากการลงทัณฑ์กลายเป็นความหฤหรรษ์จนเขาไม่อยากที่จะหยุดมัน
นอกจากไม่หยุดการกระทำนั้นแล้วเขายังบังคับให้เธอเผยอริมฝีปาก เพื่อเปิดทางให้เขาแทรกลิ้นอุ่นเข้าไปลิ้มรสความหวานจากร่างบางตรงหน้า เขาทำให้เธอเข่าอ่อนแทบทรุดลงกับพื้น เพราะความเร่าร้อนจากจุมพิตลงทัณฑ์ที่เขามอบให้
ศิศิราหายใจหอบถี่ทั้งโกรธทั้งอาย เธอผลักอกเขาเต็มแรงก่อนที่จะวิ่งออกไปจากที่นั่น อัทธวีร์เซไปเล็กน้อยจากแรงผลักนั้น เขาลูบไล้ริมฝีปากของตัวเองก่อนจะยิ้มออกมาด้วยความพึงพอใจ จากนั้นก็เดินกลับไปที่โต๊ะ พร้อมกับนั่งดื่มแอลกอฮอล์ดีกรีแรงอย่างคนอารมณ์ดี ไม่หลงเหลืออารมณ์ขุ่นมัวที่เคยเกิดขึ้นมาก่อนหน้านี้
“อัทธ์หายไปไหนมาคะปล่อยให้แองจี้นั่งเหงาอยู่ตั้งนาน” คู่ควงคนใหม่เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงตัดพ้อ
เธอนั่งเบียดกระแซะเขาซะจนเกือบจะเกยขึ้นไปนั่งบนตักโดยไม่แคร์สายตาใคร ทั้งที่เพื่อนรักของเขาก็นั่งดื่มอยู่ตรงนั้นด้วย แต่สิงหนาทไม่ได้คิดอะไร เพราะเคยเห็นภาพแบบนี้ของเพื่อนจนชินตา
“พอดีผมเจอคนรู้จักก็เลยแวะไปทักทาย”
“ใครเหรอคะ!”
“อย่าสนใจเลย เพราะถึงผมบอกไปคุณก็ไม่รู้จักอยู่ดี เรามาดื่มกันดีกว่า”
อัทธวีร์นั่งดื่มเหล้าเคล้านารีต่อกันอีกพักใหญ่สิงหนาทก็หันไปบอกกับเพื่อนรัก
“เรากลับกันเถอะ พรุ่งนี้ฉันมีคิวถ่ายละครตอนเช้า”
“ก็ดีเหมือนกัน”
จากนั้นเขาหันไปชักชวนหญิงสาวที่นั่งอยู่ข้างกาย
“เรากลับไปหาความสุขร่วมกันต่อที่คอนโดของผมกันดีกว่านะที่รัก”
“ตกลงค่ะ”
อัทธวีร์จงใจโอบกอดคู่เดทเดินผ่านศิศิรา ซึ่งเป็นช่วงจังหวะที่เธอหันกลับมามอง ทั้งคู่จึงสบตากันเข้าอย่างจัง อัทธวีร์ยักคิ้วให้เธอก่อนจะเดินจากไป
“ไม่สบายหรือเปล่าซิน”
“ทำไมคิมถึงถามซินแบบนั้น”
“ก็หน้าของซินแดงก่ำหรือว่าจะเป็นไข้” คิมหันต์เอ่ยพร้อมกับวางมือที่หน้าผากของเพื่อนเพื่อวัดไข้
“ซินไม่ได้เป็นอะไร ปกติดีทุกอย่าง”
“แน่ใจนะ”
“แน่ใจสิ”
“เขาทำอะไรซินหรือเปล่า”
“คิมหมายถึงใคร!”
“ก็ว่าที่เจ้าบ่าวของซินไง”
“ไม่มีอะไรหรอก อย่าใส่ใจเลยนะคิม เรารีบทำงานต่อให้เสร็จเร็วๆ กันดีกว่าจะได้กลับกันซะที ซินอยากกลับบ้านเต็มทีละ”
แม้เพื่อนจะบอกว่าไม่มีอะไร
แต่คิมหันต์มั่นใจว่าจะต้องมีเรื่องบางอย่างเกิดขึ้น ระหว่างศิศิราและว่าที่เจ้าบ่าวของเธอแน่นอน เพราะปฏิกิริยาของหญิงสาวเปลี่ยนไป เพียงแต่เธอไม่อยากเล่าให้เขาฟัง ซึ่งเขาเองก็ไม่ได้เซ้าซี้ถาม
เช้าวันต่อมา...
“อรุณสวัสดิ์ครับพ่อ”
อนวัชยิ้มรับคำทักทายของบุตรชาย
“เช้านี้มีอะไรกินบ้างครับแม่”
เขาสวมกอดมารดาไว้ในอ้อมแขนจากทางด้านหลัง
“ข้าวต้มทะเล...อัทธ์จะเอาด้วยไหมลูกหรือจะเอาอาหารเช้าแบบฝรั่ง แม่จะได้สั่งให้เขาทำให้”
“ข้าวต้มก็ได้ครับ คุณย่าล่ะครับ”
“เดี๋ยวก็คงจะลงมา” พูดไม่ทันขาดคำอัมพกาก็เดินเข้ามาในห้องอาหาร
“ว่าไงพ่อตัวดี ทำไมวันนี้ถึงได้ลงมากินมื้อเช้าพร้อมกันได้”
“เพราะผมรู้ว่าคุณย่าคิดถึงผมไงครับ”
“มาก็ดีละย่ามีเรื่องจะคุยด้วย”
“เรื่องอะไรครับ”
“ย่าจะปลูกเรือนหอให้อัทธ์กับหนูซิน ก็เลยอยากให้อัทธ์เป็นคนเลือกแบบบ้าน”
“ทำไมต้องเสียเงินเสียทองสร้างบ้านหลังใหม่ด้วยล่ะครับคุณย่า ใช้ห้องของผมเป็นเรือนหอก็ได้นี่ครับ”
”ย่าเคยตั้งใจไว้แล้วว่าอัทธ์แต่งงานมีครอบครัวเมื่อไรย่าจะปลูกเรือนหอให้”
“แต่ผมว่า...”
“ไม่มีคำว่าแต่” อัมพกาตอบหลานชายด้วยเสียงทรงอำนาจ
น้ำเสียงแบบนี้ใครเลยจะกล้าขัด
“แล้วไหนล่ะครับแบบบ้านที่จะให้ผมเลือก”
เด็กรับใช้นำแฟ้มงานที่ประมุขของบ้านได้จัดเตรียมไว้มามอบให้ชายหนุ่ม เขารับมาเปิดดู
“ชอบแบบไหนก็บอกมาพ่อจะได้ดำเนินการให้”
“นี่เป็นแบบบ้านใหม่ของเราเหรอครับ สวยดีนะครับผมไม่เคยเห็นมาก่อน ผมเลือกอันนี้ครับ”
อัทธวีร์ตอบพร้อมกับยื่นแบบบ้านที่เขาต้องการให้คุณย่าดู
“วัชช่วยไปจัดการเรื่องนี้แทนแม่ทีนะ ติดขัดอะไรตรงไหนก็ค่อยมาคุยกัน”
“ครับคุณแม่”
“เรื่องของเราไปถึงไหนแล้วตาอัทธ์”
“หมายถึงเรื่องอะไรครับคุณย่า”
“ก็เรื่องของอัทธ์กับหนูซินน่ะสิ ย่าหาฤกษ์แต่งงานให้เลยดีไหม”
“ใจเย็นๆ ก่อนสิครับคุณย่า ผมกับหนูซินของคุณย่ากำลังสานสัมพันธ์กันอยู่ครับ”
“สานสัมพันธ์หรือตัดสัมพันธ์กันแน่”
โดนผู้เป็นย่าพูดดักคอไว้แบบนี้อัทธวีร์ก็รู้สึกร้อนตัวขึ้นมาทันที
“ทำไมคุณย่าถึงพูดแบบนั้นล่ะครับ”
“ก็ดูความประพฤติตัวของเราสิ วันๆ ไม่ทำอะไร เอาแต่เที่ยวเมาหัวราน้ำ กลับบ้านดึกๆ ดื่นๆ แทบทุกคืน เสเพลแบบนี้ผู้หญิงที่ไหนเขาจะชอบ”
“ว่าแต่ผม หนูซินของคุณย่าก็ใช่ย่อยอยู่นะครับ พฤติกรรมของเธอยามอยู่ลับหลังผู้ใหญ่ก็ไม่ต่างจากผมนักหรอก”
“หมายความว่ายังไง พูดให้ชัดเจนหน่อยซิ”
“คุณย่าคงจะยังไม่รู้ว่าซินก็ชอบเที่ยวกลางคืนเหมือนผม”
“แล้วเรารู้ได้ยังไง”
“ผมเคยเจอซินไปเที่ยวสถานเริงรมย์ที่เดียวกับผมอยู่บ่อยครั้ง และในแต่ละครั้งก็มักจะมีผู้ชายไม่ซ้ำหน้าล้อมรอบตัวเธอเสมอ”
“จริงเหรอลูก”
“จริงสิครับแม่ ผมมีหลักฐานด้วยนะ”
“หลักฐานอะไร! เอามาให้ย่าดูหน่อยซิ”
อัทธวีร์เปิดภาพและคลิปที่เขาถ่ายเก็บไว้เมื่อคืนให้ทุกคนดู
“หนูซินก็แค่ไปเที่ยวผับกับเพื่อนๆ บ้างเป็นบางครั้งแล้วมันแปลกตรงไหน”
“ก็แปลกตรงที่ผู้หญิงไม่ควรทำตัวแบบนี้ไงล่ะครับคุณย่า”
แต่เขากลับถูกอัมพกาพูดตอกหน้ากลับไปว่าตัวเขาเองก็มีพฤติกรรมที่ไม่แตกต่าง
“มันเหมือนกันที่ไหนล่ะครับ”
“ในเมื่ออัทธ์ยังทำได้ก็ไม่ควรไปกล่าวตำหนิคนอื่น”
“ผมเป็นผู้ชายเที่ยวหัวราน้ำแค่ไหนก็ไม่เสียหาย แต่ซินเป็นผู้หญิงนะครับ ไม่มีผู้หญิงดีดีที่ไหนเขาเที่ยวผับทุกคืนแบบนี้กันหรอกครับ”
“ย่าว่าการที่หนูซินไปเที่ยวผับก็ไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไร ตราบใดที่เธอยังไม่ได้ทำตัวเสื่อมเสียชื่อเสียงจริงไหม”
“คุณย่าพูดเหมือนเห็นดีเห็นงามกับพฤติกรรมของซินที่สนิทสนมกับผู้ชายจนเกินงาม”
“ดูจากคลิปที่ถ่ายมาพ่อก็ไม่เห็นว่าหนูซินจะทำอะไรที่เกินงามเลยนะอัทธ์”
“นั่นสิ...แม่เห็นด้วยกับวัช” อัมพกาเอ่ย
อัทธวีร์หันไปสบตามารดา อณิมายิ้มให้บุตรชายก่อนที่จะเอ่ยออกมาตามความคิดของตนเอง
“แม่ว่าอัทธ์คิดมากเกินไปนะ หนูซินก็แค่ไปเที่ยวผับซึ่งใครๆ ก็ทำกัน”
อัทธวีร์รู้สึกผิดหวังอย่างรุนแรงกับความคิดเห็นของทุกคน
ตอนแรกเขาคิดว่าเมื่อคุณย่าเห็นพฤติกรรมหนูซินคนดีของคุณย่าแล้วจะโกรธจนยกเลิกการแต่งงาน แต่ทุกอย่างไม่เป็นไปตามที่คิด ทำให้ชายหนุ่มยิ่งมีอคติกับว่าที่เจ้าสาวของตัวเองมากขึ้นกว่าเดิม
เธอมีดีอะไรถึงได้รับคะแนนนิยมจากคุณย่าและพ่อแม่ของเขามากถึงเพียงนี้
“ย่าว่าอัทธ์ควรพาหนูซินไปดูหนัง ฟังเพลง หรือไม่ก็ไปเที่ยวด้วยกันบ้าง จะได้สนิทสนมกันมากขึ้น”
“ผมกำลังคิดจะไปรับซินและพาไปกินมื้อค่ำสุดโรแมนติกด้วยกันอยู่เลยครับ”
ว่าแล้วเขาก็โทรเข้ามือถือของศิศิรา เพื่อบอกว่าเขาจะขับรถไปรับเธอไปดินเนอร์ด้วยกัน แต่หญิงสาวปฏิเสธ โดยให้เหตุผลว่ามีงานต้องทำ
“ถึงจะมีงานที่ต้องทำแต่ก็ควรมีเวลาพักบ้าง เอาเป็นว่าคุณเตรียมตัวไว้นะเย็นนี้ผมจะไปรับ ผมจะพาคุณย่าไปกินมื้อค่ำกับเราด้วย”
เพราะเขาเอาย่ามาอ้างทำให้ศิศิราไม่กล้าปฏิเสธ และจำใจต้องทำตามความต้องการของเขา
“ย่าไม่ได้บอกว่าจะไปด้วยนะ”
“ผมแค่อ้างชื่อคุณย่าเพื่อไม่ให้เธอปฏิเสธนัดของผมต่างหากครับ ไม่ได้จะขอให้คุณย่าไปจริงๆ”
“ดูแลหนูซินให้ดีล่ะตาอัทธ์ ห้ามทำรุ่มร่ามเด็ดขาดเข้าใจไหม”
“ทราบแล้วครับ รับรองว่าผมจะดูแลหนูซินคนดีของคุณย่าเป็นอย่างดี ทั้งกอดทั้งจูบวนๆ ไปเลยดีไหมครับ”
“ยิ่งว่าเหมือนยิ่งยุ”
“ผมล้อเล่นครับ ซินเขาไม่ยอมให้ผมทำแบบนั้นหรอกครับ แม้ว่าผมจะอยากทำก็ตาม หลานสะใภ้ที่คุณย่าหามาให้ผม ทั้งสวยและหุ่นแซ่บน่ากินซะขนาดนั้น ผมแทบจะอดใจไม่ไหวรวบรัดกินหัวกินหาง กินกลางตลอดตัววันละหลายๆ รอบ”
“ไม่ได้เด็ดขาด!”
“ประสานเสียงกันอย่างพร้อมเพรียงแบบนี้แล้วใครจะกล้าล่ะครับ”
“ก็เราไงล่ะตาอัทธ์ ไม่รู้ว่าไปเอานิสัยเจ้าชู้เพลย์บอยนี้มาจากใคร”
“เฮ้อ! ผมกลายเป็นคนแย่ๆ ในสายตาของคุณแม่ไปซะแล้ว นี่ขนาดยังไม่ได้แต่งงานกับซินผมยังตกกระป๋อง แล้วถ้าแต่งงานกันจริงๆ ผมไม่กลายเป็นหมาหัวเน่าเลยเหรอครับ ในเมื่อทุกคนพร้อมใจที่จะอยู่ข้างเดียวกับหนูซินคนดีของคุณย่า”
“ปากดีนักนะเรา”
อัทธวีร์เดินเข้าไปกอดอัมพกา
“ผมรักคุณย่ามากนะครับ”
“ไม่ต้องมาพูดจาหวานหูกับย่าเลย ย่ารู้ทันหรอกน่ะ”
“รู้ทันเรื่องอะไรครับ”
“ก็เรื่องที่อัทธ์กำลังหาวิธีที่จะล้มเลิกการแต่งงานกับหนูซินน่ะสิ”
“คุณย่าไปฟังเรื่องนี้มาจากไหน ใครมาฟ้องคุณย่าครับ”
“ไม่ต้องให้ใครมาฟ้องย่าหรอก ย่ารู้จักนิสัยของอัทธ์ดีกว่าใคร”
“ถึงยังไงผมก็ต้องแต่งงานกับซินตามความต้องการของผู้ใหญ่อยู่ดี แต่ขอเวลาให้เราทำความรู้จักกันให้มากกว่านี้หน่อยนะครับคุณย่า ผมขอตัวก่อนนะครับ”
“จะรีบไปไหน”
“ผมมีนัดกับสาวครับ”
“สาวที่ไหน!”
“ก็นัดกับหนูซินคนดีของคุณย่าไงครับ ไปก่อนนะครับ”
“อัทธ์นัดจะไปรับหนูซินตอนเย็นไม่ใช่เหรอคะ” อณิมาเอ่ยขึ้น
“คงนัดกับสาวอื่นเพื่อเป็นการฆ่าเวลาน่ะสิ กะล่อนนักนะ” อัมพกาตอบ
“แบบนี้นี่เอง แปลกนะคะคุณวัช คุณเองก็ไม่เคยมีนิสัยเจ้าชู้ ไม่รู้ว่าลูกของเราไปเอานิสัยนี้มาจากใคร”
“หล่อเลือกได้ก็แบบนี้ล่ะ”