บทที่ 8   1/    
已经是第一章了
บทที่ 8
ทันทีที่คู่นอนของหลานชายเดินออกจากห้องพักไปนั้น อัมพกาก็หันไปพูดกับศิศิรา “ซินอย่าคิดมากนะลูก ผู้หญิงพวกนั้นเป็นได้แค่ของเล่นชั่วคราวของนายอัทธ์เท่านั้น และก็ไม่ต้องห่วงนะ เดี๋ยวย่าจะจัดการเรื่องนี้กับนายอัทธ์แทนหนูเอง” ถามว่าเธอคิดมากไหมกับภาพที่เห็น ตอบเลยว่าไม่!! แค่รู้สึกรังเกียจและขยะแขยงผู้ชายเจ้าชู้ที่มักมากในกามารมณ์อย่างเขามากกว่า จังหวะนั้นเองอัทธวีร์ก็เดินออกมาจากห้องนอน เขาเดินมานั่งลงตรงข้ามสองสาวต่างวัย “ว่าไงพ่อตัวดี ใช้ชีวิตเสเพลบ้านช่องไม่รู้จักกลับ ที่แท้ก็มามั่วอยู่กับผู้หญิงที่นี่ คอนโดนี้ไม่ใช่โรงแรมม่านรูดที่อัทธ์จะพาใครเข้ามาทำอะไรก็ได้ตามใจชอบนะ” อัทธวีร์ไม่คิดว่าสิ่งที่เขาทำลงไปนั้นถือเป็นความผิด จึงได้โต้ตอบกลับไปอย่างไม่สะทกสะท้าน “มันไม่ผิดไม่ใช่เหรอครับคุณย่าที่ผมจะใช้ชีวิตโสดอย่างคุ้มค่า ในเมื่อผมเองก็ยังไม่ได้แต่งงานมีครอบครัว ฉะนั้นจะมีเซ็กส์กับใครก็ไม่ถือเป็นการนอกใจไม่ใช่เหรอครับ” “ทำผิดแล้วยังไม่รู้ตัว แถมยังจะปากดีอีก” “ผมทำอะไรผิดครับ...แค่นอนกับผู้หญิง เรื่องเซ็กส์เป็นเรื่องธรรมชาติที่ใครๆ เขาก็ทำกัน จริงไหมซิน” ประโยคสุดท้ายเขาหันไปถามความเห็นของว่าที่เจ้าสาวในอนาคตของตัวเอง ศิศิราไม่ได้ตอบอะไรกลับไป เธอรู้สึกเอือมระอากับพฤติกรรมของเขา จนแม้แต่หน้าก็ยังไม่อยากมอง “ถึงอัทธ์กับหนูซินจะยังไม่ได้แต่งงานกัน แต่อัทธ์ก็ไม่ควรที่จะนอนกับผู้หญิงไม่เลือกหน้าแบบนี้” “ใครว่าไม่เลือกกันล่ะครับคุณย่า ผู้หญิงที่ผมมีความสัมพันธ์ด้วยผมเลือกมาอย่างดีแล้วครับ” “จะทำอะไรก็ควรรักษาหน้าของหนูซินไว้บ้าง” “เรายังไม่ได้แต่งงานกันนะครับคุณย่า ฉะนั้นผมจึงมีอิสระที่จะทำอะไรก็ได้จริงไหมครับ” “ถ้าอย่างนั้นย่าจะรีบหาฤกษ์ให้อัทธ์กับหนูซินแต่งงานกันโดยเร็วที่สุด” “คุณย่า” สองหนุ่มสาวต่างก็ประสานเสียงออกมาพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย “ยังไม่ครบกำหนดสามเดือนตามที่เราเคยตกลงกันไว้เลยนะครับ คุณย่าไม่ต้องรีบร้อนหาฤกษ์แต่งงานหรอกครับ ยังไงซะผมกับซินก็ต้องแต่งงานกันอยู่ดี” “ไม่ต้องรีบร้อนขนาดนั้นก็ได้มั้งคะคุณย่า” ที่ช่วยพูดคัดค้าน เพราะศิศิราเองก็ยังไม่อยากที่จะแต่งงานกับเขาเร็วนัก “ถ้าอัทธ์ยังทำตัวเหลวไหล สำมะเลเทเมาอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันแบบนี้ แล้วผู้หญิงดีดีที่ไหนเขาจะอยากแต่งงานด้วย” “ก็หนูซินคนดีของคุณย่าไงครับ” “ขืนทำพฤติกรรมแบบนี้บ่อยๆ ใครเขาจะทนไหว” “ถ้าทนไม่ไหวก็ไม่จำเป็นต้องแต่งงานกับผมก็ได้นี่ครับ ผมเองก็ไม่อยากบังคับจิตใจใครเหมือนกัน” “ย่าขอยื่นคำขาด ต่อไปนี้ไม่ว่าอัทธ์จะทำอะไรก็ขอให้คำนึงถึงหนูซินให้มากๆ เพราะอีกไม่นานก็จะต้องแต่งงานกัน ถ้าไม่แต่งรู้ใช่ไหมว่าจะเป็นยังไง” “คุณย่าขู่ผมเหรอครับ” “ย่าไม่เคยพูดขู่ใคร และเป็นคนที่พูดจริงทำจริงเสมอ ทำตัวให้ดี อย่าให้ย่ารู้นะว่าอัทธ์ทำให้หนูซินเสียใจ ไม่อย่างนั้นจะหาว่าย่าไม่เตือน” อัทธวีร์ตวัดสายตาไปมองว่าที่เจ้าสาวในอนาคตของตนเองด้วยความไม่พอใจ ราวกับว่าเธอเป็นชนวนที่ทำให้เขากับคุณย่าต้องทะเลาะเบาะแว้งกัน แถมยังทำให้เขาโดนคุณย่าตำหนิที่ทำตัวไม่เหมาะสม คนอย่างอัทธวีร์ไม่ชอบให้ใครมาบีบบังคับซะด้วยสิ ยิ่งห้ามก็เหมือนยิ่งยุให้เขาทำ คิดจะยืมมือคุณย่ามาบีบบังคับกันอย่างนั้นเหรอ ฝันไปเถอะ เกือบสามเดือนที่ผ่านมาอัทธวีร์เลือกใช้ชีวิตเสเพลตามแบบที่เขาชอบมาโดยตลอด และดูเหมือนว่าจะหนักขึ้นเรื่อยๆ เขาทำเช่นนั้นโดยไม่สนใจความรู้สึกของศิศิราเลยสักนิด ว่าเธอจะรู้สึกเช่นไรกับการกระทำของเขา แม้ว่าคุณย่าจะเคยเอ่ยปากเตือนเขามาแล้วก็ตาม และไม่ว่าเขาจะไปเที่ยวที่ไหนก็มักจะได้พบศิศิราควงคู่มากับผู้ชายทุกครั้ง แถมยังมีพฤติกรรมชอบหว่านเสน่ห์ผู้ชาย โดยเฉพาะผู้ชายที่มีอายุน้อยกว่า ฮึ!! เพิ่งจะรู้ว่าหนูซินคนดีของคุณย่าชอบกินเด็ก เมื่อพบกันหลายครั้งเข้าก็ทำให้อัทธวีร์รู้สึกทนไม่ได้ ที่ศิศิราเลือกใช้วิธีหนามยอกเอาหนามบ่ง สุดท้ายจึงตัดสินใจเฝ้าตามดูพฤติกรรมว่าที่เจ้าสาวของตัวเองว่าวันๆ หนึ่งเธอไปทำอะไรที่ไหนบ้าง เขาพบว่าตอนกลางวันเธอจะไปสอนหนังสือที่มหาวิทยาลัยตามปกติ และจะกลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อไปล่าเหยื่อตามผับตามบาร์ในช่วงค่ำ ในค่ำคืนนี้ก็เช่นกันเขาเฝ้าติดตามเธอไปจนรู้ว่าเธอมาเที่ยวโฮสบาร์ที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่ง “อารมณ์เปลี่ยวถึงขนาดมาเที่ยวโฮสบาร์เลยเหรอ” อัทธวีร์รู้สึกโกรธเมื่อเห็นชายหนุ่มหน้าตาดีคนหนึ่งเดินออกมารับศิศิรา เขาโอบไหล่เธอพร้อมกับพากันเดินเข้าไปในสถานเริงรมย์แห่งนั้น ซึ่งเป็นคลับสำหรับผู้หญิงที่มาหาความสุขกับพวกโฮสหนุ่มๆ หน้าตาดี “ชักจะหนักข้อขึ้นทุกวัน เห็นทีจะปล่อยไว้ไม่ได้แล้ว คงต้องจัดการอะไรบางอย่าง” เท้าไวเท่าความคิด เขาเดินเข้าไปในคลับแห่งนั้นโดยไม่ลังเลด้วยใบหน้าบึ้งตึง ทันทีที่เขาปรากฏตัวก็ตกเป็นเป้าสายตาทันที พวกสาวๆ ต่างก็หันมาจ้องมองเขาด้วยความสนใจ แต่อัทธวีร์ไม่ใส่ใจเขากวาดสายตามองหาเป้าหมายที่ต้องการ เมื่อหันไปพบก็รีบเดินตรงไปที่นั่นด้วยใบหน้าบอกบุญไม่รับ เขาฉุดมือศิศิราที่นั่งอยู่ในวงล้อมของพวกหนุ่มๆ ให้ลุกตามเขาออกไปด้านนอก “ตามผมมานี่” “ฉันไม่ไป ปล่อยฉัน ฉันบอกให้ปล่อย คุณไม่มีสิทธิมาทำแบบนี้กับฉันนะ” “ใครว่าไม่มีสิทธิ ผมมีสิทธิมากกว่าใครทั้งนั้น เพราะอีกไม่นานเราสองคนก็จะต้องแต่งงานกัน” หนุ่มๆ วัยละอ่อนที่นั่งอยู่ด้วยต่างก็พูดออกมาพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย “แต่งงาน!” “ใช่ มีปัญหาอะไร” ทุกคนต่างพากันนิ่งเงียบมีเพียงคิมหันต์เท่านั้นที่พูดโพล่งขึ้นมา “ในเมื่อผู้หญิงเขาไม่เต็มใจที่จะไปกับคุณ คุณก็ไม่ควรที่จะไปบังคับเขานะครับ” “มันเป็นเรื่องของเราสองคน คุณไม่เกี่ยว ฉะนั้นอย่ามายุ่งเรื่องนี้ดีกว่า” เขาประกาศเสียงกร้าวกลับไปพร้อมกับตวัดสายตาคมกล้าจ้องมองไปที่ศิศิรา ถ้าสายตาของเขาฆ่าคนได้เธอคงมอดไหม้เป็นจุล “ส่วนคุณก็มากับผม” “ฉันจะไม่ไปไหนทั้งนั้น ปล่อยนะ มาจับฉันไว้ทำไม ฉันบอกให้ปล่อย” ศิศิราพยายามดิ้นรนขัดขืนให้หลุดจากการเกาะกุม แต่ไม่ว่าจะสลัดอย่างไรก็ไม่มีทางหลุดพ้น เขาออกแรงฉุดเธอให้ก้าวเดินออกมาจากตรงนั้นแต่ไม่ง่ายอย่างที่คิด “ปล่อยเธอ!” คิมหันต์เอ่ยพร้อมกับฉุดมืออีกข้างของหญิงสาวเอาไว้ “แส่ไม่เข้าเรื่อง อยากเจ็บตัวนักใช่ไหม” อัทธวีร์เอ่ยพร้อมกับตรงเข้าไปกระชากคอเสื้อของอีกฝ่าย “เปล่าเลย แต่ผมทำเพื่อปกป้องซิน” ศิศิราเห็นท่าไม่ดี เกรงว่าทั้งคู่จะเปิดศึกใส่กันโดยมีตนเองเป็นต้นเหตุ เธอจึงตรงเข้าไปขวางทั้งคู่เอาไว้ “อย่ามีเรื่องกันเลยนะคิมเดี๋ยวมันจะเป็นเรื่องใหญ่ ซินจะไปกับเขาเองฝากทางนี้ด้วยนะ” “ร่ำลากันจบหรือยังจะได้ไปกันซะที” “ก็ไปสิ” หญิงสาวกระชากเสียงตอบพร้อมกับเดินนำเขาออกไปนอกผับ อัทธวีร์เดินตามไปติดๆ โดยมีสายตาทีมงานวิจัยของศิศิราและคิมหันต์มองตามไปด้วย “พี่คิมดูจะไม่แปลกใจเรื่องที่ด็อกเตอร์ซินกำลังจะแต่งงาน พี่ทราบมาก่อนหน้านี้แล้วใช่ไหมครับ” หนึ่งในทีมวิจัยของหญิงสาวเอ่ยถาม คิมหันต์พยักหน้าแทนคำตอบ “แฟนด็อกเตอร์ขี้หึงเหมือนกันนะครับ” “หวงก้างมากกว่า” “ทำไมพี่คิมถึงพูดแบบนั้นล่ะครับ” คิมหันต์มิได้ตอบเขาเพียงแต่ยิ้มก่อนจะเปลี่ยนหัวข้อในการสนทนา “เรามาเริ่มลงมือทำงานกันดีกว่าเสร็จแล้วจะได้รีบกลับ”
已经是最新一章了
加载中