บทที่ 9
เมื่อออกมาอยู่ด้วยกันตามลำพังศิศิราก็หันไปเปิดฉากต่อว่าอัทธวีร์ทันที
“ทำไมคุณต้องมายุ่งเรื่องส่วนตัวของฉันด้วย ฉันจะไปทำอะไร ที่ไหน มันก็เป็นเรื่องของฉัน ไม่ใช่ธุระอะไรของคุณ”
“ต่อไปนี้เรื่องของคุณก็คือเรื่องของผม เพราะผมตัดสินใจที่จะแต่งงานกับคุณ ตามที่ผู้ใหญ่ของเราได้เคยตกลงกันไว้”
“ล้อเล่นใช่ไหม”
“ใครว่า...เรื่องจริงล้วนๆ ผมไม่เอาเรื่องแบบนี้มาล้อเล่นกับคุณหรอกนะซิน”
“จะเป็นไปได้ยังไงก็ในเมื่อคุณแอนตี้เรื่องการแต่งงานของเรามาโดยตลอด”
“เอาเป็นว่าผมเปลี่ยนใจ กลับถึงบ้านเมื่อไรจะรีบบอกให้คุณย่าหาฤกษ์แต่งงานให้เราทันที แต่ตอนนี้ขับรถไปส่งผมทีสิ”
“แล้วรถคุณไปไหน”
“ผมไม่ได้เอารถมาถึงได้ขอให้คุณขับไปส่งผมที่บ้านยังไงล่ะ”
“คุณรู้ได้ยังไงว่าฉันมาที่นี่ อย่าบอกนะว่าคุณสะกดรอยตามฉัน”
ความเงียบคือคำตอบที่เธอได้รับ ทำให้ศิศิรายิ่งมั่นใจว่าความคิดของเธอนั้นถูกต้อง
“นี่คุณสะกดรอยตามฉันมาจริงๆ เหรอ ว่าไง ถามทำไมไม่ตอบ”
“เราไปคุยกันต่อในรถดีไหมหรือจะยืนต่อว่ากันตรงนี้ให้เป็นจุดสนใจ”
คำตอบของอัทธวีร์ทำให้ศิศิราเดินนำเขาไปที่รถของตนเอง เธอจำใจต้องขับรถไปส่งเขาที่บ้าน เพราะต้องการที่จะคาดคั้นคำตอบบางอย่างจากเขา
“คุณยังไม่ได้ตอบฉันเลยว่าสะกดรอยตามฉันทำไม”
“ที่ผมต้องทำเช่นนี้ก็เพราะเกรงว่าภรรยาในอนาคตของผมจะทำเรื่องเสื่อมเสีย”
“ฉันมีขอบเขตของฉัน และไม่เคยคิดที่จะทำอะไรให้เสื่อมเสียชื่อเสียง อย่าใช้ตัวเองเป็นบรรทัดฐานมาวัดว่าคนอื่นจะต้องเป็นเช่นเดียวกับคุณ”
“แต่พฤติกรรมของคุณมันใช่หรือจะเถียง”
“ฉันไม่เคยสำส่อนนอนกับใครไม่เลือกอย่างคุณ”
“ผมเลือกนะ ผู้หญิงที่ผมมีความสัมพันธ์ด้วยล้วนผ่านการคัดเลือกจากผมมาแล้วทั้งนั้น และผมก็เป็นผู้ชายทำอะไรลงไปก็ไม่เสียหาย แต่คุณเป็นผู้หญิงริอาจจะเลียนแบบพฤติกรรมของผม ต้องการเรียกร้องความสนใจจากผมล่ะสิ บอกเลยว่าคุณทำสำเร็จ ผมจะกลับไปบอกทุกคนว่าผมยินดีและเต็มใจที่จะแต่งงานกับคุณ ส่วนคุณเองก็อยากจะแต่งงานกับผมใจจะขาดอยู่แล้วนี่ใช่ไหม ไม่อย่างนั้นคงไม่รับปากคุณย่าว่าจะแต่งงานกับผมหรอกจริงไหม”
“ฉันไม่ได้อยากแต่งงานกับคุณนักหรอก ผู้ชายอย่างคุณนอกจากหน้าตาแล้วก็ไม่เห็นจะมีอะไรดี”
“ใครว่าผมมีดีแค่หน้าตา รูปร่างของผมเวลาเปลือยเร้าใจมาก”
ศิศิราปรายตามองเขาด้วยสายตาเยาะหยัน เรื่องแบบนี้ก็ยังกล้าเอามาพูดอวดกันได้อีก มันน่าภาคภูมิใจตรงไหน
“มองแบบนี้ไม่เชื่อล่ะสิ ไว้ผมจะพิสูจน์ให้คุณเห็นด้วยตาของตัวเอง รับรองว่าคุณต้องหลงใหลในตัวผมแน่ และที่ดีกว่ารูปร่างหน้าตาก็คือลีลารักบนเตียงของผม นี่แหละที่จัดว่าเด็ด ผู้หญิงร้อยทั้งร้อยที่เคยนอนกับผมติดใจทุกราย อยากลองไหม ถ้าได้ลองสักครั้งรับรองว่าคุณจะต้องติดใจ”
อัทธวีร์เอ่ยพร้อมกับยักคิ้วให้เธอ ศิศิราตวัดตาคมค้อนใส่เขา
“บอกไว้ก่อนเลยว่าถึงผมจะแต่งงานกับคุณ แต่ก็ไม่เคยมีความคิดที่จะปรับเปลี่ยนนิสัยอะไรเพื่อใครทั้งนั้น อย่าคาดหวังว่าผมจะมีพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปหลังจากแต่งงานกับคุณ และอย่าให้ผมรู้นะว่าคุณคิดที่จะทำเช่นเดียวกับผม ผมไม่ปล่อยคุณไว้แน่”
“คุณทำได้แต่คนอื่นทำไม่ได้สินะ”
“ใช่”
“พูดเรื่องแต่งงานขึ้นมาก็ดีแล้ว ฉันมีเรื่องที่จะตกลงกับคุณ”
“เรื่องอะไร!”
“เราจะแต่งงานกันแต่เพียงในนามเท่านั้น”
“มันจะเป็นไปได้ยังไง ในเมื่อครอบครัวผมอยากให้ผมแต่งงานกับคุณ เพราะพวกเขาอยากจะได้ทายาทมาสืบสกุล ถ้าเราไม่มีเซ็กส์กันแล้วคุณจะท้องได้ยังไงจริงไหม”
“แต่นี่มันไม่ได้อยู่ในเงื่อนไขที่ผู้ใหญ่ขอไว้”
“ไม่รู้หรือไงว่าผัวเมียกันย่อมต้องมีความสัมพันธ์ทางกาย มันเป็นเรื่องปกติของสามีภรรยา ไม่อย่างนั้นเราจะแต่งงานกันทำไม”
“เราแต่งงานกันเพราะเหตุผลบางอย่าง ไม่ได้แต่งเพราะรักกันปานจะกลืนกิน ฉะนั้นก็ไม่แปลกที่เราจะเป็นสามีภรรยากันแต่เพียงในนาม โดยที่ไม่จำเป็นต้องบอกให้คนอื่นรู้เรื่องนี้”
“ผมจะไม่ทำเช่นนั้นแน่ ถ้าคุณไม่อยากมีเซ็กส์กับผมก็ไปยกเลิกการแต่งงานสิ”
“เราจะฝืนใจมีอะไรกันทำไมทั้งที่เราไม่ได้รักกัน”
“คุณนี่ไร้เดียงสาจริงๆ จะบอกอะไรให้นะ เราสามารถมีเซ็กส์กันได้โดยไม่จำเป็นต้องรักกัน และมันก็ไม่ได้เป็นการฝืนใจถ้าผมจะมีอะไรกับคุณ มั่นใจได้เลยว่าผมจะเรียกร้องสิทธิของความเป็นสามีโดยที่คุณไม่สามารถปฏิเสธได้”
ศิศิราหันมาจ้องมองเขาด้วยแววตาที่บ่งบอกถึงความไม่พอใจ ปากของเธอเม้มสนิท
อัทธวีร์เริ่มจับจุดอีกฝ่ายได้ทำให้เขาสนุกที่จะได้แกล้งเธอ
สิ่งไหนที่เธอไม่อยากให้เขาทำ...เขาจะทำ
ยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุให้เขาทำในสิ่งที่ตรงข้ามกับความต้องการของเธอ
“สนใจจะขึ้นเตียงกับผมไหม...ซ้อมไว้ก่อนไงจะได้มีประสบการณ์ คุณจะได้รู้ว่าเวลาอยู่บนเตียง สิ่งที่ทำให้คุณมีความสุขได้ไม่ใช่ความรักที่คุณเอ่ยถึง แต่เป็นเซ็กส์ที่เร่าร้อนต่างหากที่จะทำให้คุณร้องครวญครางออกมาอย่างมีความสุขยามเมื่ออยู่ใต้ร่างผม”
“คุณอัทธวีร์”
“จะเสียงดังทำไม นั่งกันอยู่ใกล้แค่นี้เองแค่พูดเบาๆ ก็ได้ยิน ถ้าคุณอยากลองบอกผมได้นะ ผมยินดีให้บริการคุณเต็มที่ รับรองว่าคุณจะต้องติดใจ ความสามารถเรื่องบนเตียงของผมทำให้ผู้หญิงติดใจมานักต่อนักแล้ว และผมก็มั่นใจว่าผมจะทำให้คุณหลงใหลในลีลารักของผมได้ไม่ยาก ชักอยากจะได้ยินเสียงคุณครวญครางเวลาที่เราร่วมรักกันอย่างเร่าร้อนซะแล้วสิ”
“รู้ตัวไหมว่านอกจากคุณจะสำส่อนแล้วคุณก็ยังมักมากในกามารมณ์”
ชายหนุ่มไหวไหล่ “ผมเป็นผู้ชายจะสำส่อนยังไงก็ไม่เสียหาย แต่คุณห้ามเลียนแบบผมเด็ดขาด ถ้าอยากได้ขอให้บอก ผมจะจัดให้คุณทุกที่ทุกเวลาจนกว่าคุณจะพอใจ และอย่าคาดหวังให้ผมรักคุณ ผมให้คุณได้แค่เรื่องเซ็กส์เท่านั้น เริ่มเลยดีไหม มีเซ็กส์กันในรถแม้จะไม่สะดวกสบาย แต่รับรองว่าสนุกและตื่นเต้นเร้าใจแน่นอน”
อัทธวีร์จ้องมองเธอด้วยสายตาท้าทาย เขายื่นหน้าเข้าไปใกล้เธอ พร้อมกับปลดกระดุมเสื้อที่ตนเองสวมใส่อยู่อย่างช้าๆ
ศิศิราพยายามที่จะข่มอารมณ์โกรธที่กำลังพุ่งพล่าน เพราะรู้ดีว่าเขาตั้งใจที่จะยั่วโมโหเธอ ถ้าเธอเผลอแสดงความโกรธก็จะเข้าทางเขาทันที และเขาก็จะเอาเรื่องนี้มากวนประสาทเธอไม่เลิก ฉะนั้นจึงต้องแสร้งทำเป็นไม่สะทกสะท้านกับคำพูดและการกระทำของเขา
ทั้งที่ความจริงมันไม่ใช่!!
“ใจจริงฉันก็อยากจะร่วมสนุกกับคุณอยู่หรอกนะ แต่ว่ามันยังไม่ถึงเวลา”
“แล้วทำไมต้องหน้าแดงด้วยหรือว่าคุณอาย”
เขายังคงเล่นไม่เลิก เพราะจับจุดได้ว่าหญิงสาวอ่อนด้อยประสบการณ์ในเรื่องอย่างว่า แต่ทำเป็นปากเก่งไปอย่างนั้นเอง
“ถามจริงๆ คุณเสียจูบแรกให้ผู้ชายตอนอายุเท่าไร”
ท่าทีอึกอักของหญิงสาวทำให้อัทธวีร์ได้รับคำตอบ เขาหัวเราะออกมาด้วยความขบขัน
“อย่าบอกนะว่าคุณยังไม่เคยจูบกับผู้ชายมาก่อนจนกระทั่งเราจูบกันคืนนั้น”
“ฉันไม่เคยจูบกับผู้ชายแล้วมันแปลกตรงไหน”
“แปลกสิทำไมจะไม่แปลก อายุเท่าไรแล้วยังไม่เคยจูบกับใครสักคนอีก แบบนี้ไม่เรียกแปลกแล้วจะให้เรียกว่าอะไร เด็กสมัยนี้อายุสิบกว่าเขาก็มีประสบการณ์ด้านนี้กันแล้ว มีแต่คุณนี่ล่ะที่ไม่เคย ผมสอนให้เอาไหม”
อัทธวีร์เสนอตัวพร้อมกับยื่นหน้าเข้าไปใกล้ใบหน้าสวยคมของหญิงสาว จนแทบจะสัมผัสได้ถึงลมหายใจของกันและกัน
“ไม่จำเป็น” เธอปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใย
“กลัวอะไรล่ะคุณ ช้าหรือเร็วคุณก็ต้องเป็นของผมอยู่ดี คุณไม่มีทางรอดพ้นมือผมไปได้หรอก”
ดูเหมือนว่าศิศิราจะต้องเผชิญกับปัญหาใหญ่เข้าแล้ว
ตอนแรกคิดว่าเขาคงจะรังเกียจจนไม่อยากที่จะแตะต้องตัวเธอ แต่กลับกลายเป็นว่าเขาต้องการใช้สิทธิของความเป็นสามีซะงั้น แล้วจะทำอย่างไรให้รอดพ้นจากเงื้อมือของเขา ดูท่าว่ามันจะไม่ใช่เรื่องง่ายเลย