บทที่ 10
หญิงสาวขับรถมาส่งอัทธวีร์ที่หน้าบ้าน เขาเอ่ยชักชวนเธอให้เข้าไปในบ้าน แต่หญิงสาวปฏิเสธ จังหวะนั้นเองที่มารดาของชายหนุ่มเดินออกมาดู ทำให้รู้ว่าศิศิราขับรถมาส่งบุตรชายของตน จึงเอ่ยชักชวนหญิงสาวเข้าไปในบ้าน
“นึกว่าใครขับรถมาส่งอัทธ์ที่แท้ก็หนูซินนี่เอง เข้ามาคุยกันในบ้านก่อนสิลูก”
ศิศิราจำใจต้องก้าวลงจากรถเมื่อได้ยินคำชวน เธอยกมือไหว้ผู้สูงวัยด้วยความอ่อนน้อม อัทธวีร์ถือโอกาสนี้จูงมือเธอให้เดินตามเขาเข้าไปด้านใน หญิงสาวพยายามสะบัดให้หลุดจากการเกาะกุมแต่ไม่สำเร็จ เขาฉุดเธอให้เดินตามเขาไปจนได้
หญิงสาวทำความเคารพคุณย่าและบิดาของอัทธวีร์
“ไปเจอกันที่ไหนถึงได้กลับมาด้วยกันได้”
“หนูซินของคุณย่าไปเที่ยวโฮสบาร์ผมก็เลยไปพาตัวกลับมา”
“ขี้ฟ้อง”
“ก็คุณทำพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม ไม่รู้หรือไงว่าไม่ควรไปเที่ยวในสถานที่แบบนั้น มีแต่สาวอารมณ์เปลี่ยวเท่านั้นแหละที่ชอบไปเที่ยวในสถานที่พวกนั้น”
“ไม่เห็นแปลกฉันแค่ไปเปิดหูเปิดตา เก็บเกี่ยวประสบการณ์ใหม่ๆ”
“แต่ผมไม่ชอบ”
“ทีคุณยังทำได้เลยแล้วทำไมฉันจะทำบ้างไม่ได้”
“สรุปว่าคุณหึงถึงได้เลียนแบบพฤติกรรมของผม”
“ฉันมั่นใจว่าไม่เคยแสดงอาการอะไรที่บ่งบอกว่าฉันหึงคุณ ฉะนั้นอย่าหลงตัวเอง จะว่าไปมีแต่คุณนั่นแหละที่คอยขัดขวางความสนุกของฉันกับเพื่อนๆ”
“อัทธ์หึงหนูซินเหรอลูก” ผู้เป็นย่าเอ่ยถาม
“เปล่าครับ เราไม่ได้รักกันแล้วจะหึงหวงกันได้ยังไงล่ะครับคุณย่า แต่ที่ผมไปขัดขวางความสุของเธอเพราะไม่อยากให้ใครมาพูดได้ว่า หลานสะใภ้ของคุณย่าทำตัวไม่เหมาะสม เที่ยวหว่านเสน่ห์กับผู้ชายอื่นไปทั่วทั้งที่จะเข้าพิธีแต่งงานกับผมในอีกไม่ช้านี้”
“ปากจัด” ศิศิราเอ่ยลอยลมโดยมิได้ระบุว่าหมายถึงใคร
“ว่าใคร!”
“ฉันไม่ได้ระบุชื่อใคร ถ้าคุณอยากรับก็รับไปไม่ว่ากัน”
การสนทนาของสองหนุ่มสาวเรียกรอยยิ้มบนใบหน้าของพวกผู้ใหญ่
“สรุปว่าให้ย่าหาฤกษ์แต่งงานได้แล้วใช่ไหม”
“ใช่ครับคุณย่า ยิ่งเร็วเท่าไรยิ่งดีครับ”
“ตอนแรกก็ปฏิเสธเสียงแข็งทีตอนนี้ล่ะทำมาเร่ง”
“คุณย่าอยากอุ้มเหลนไม่ใช่เหรอครับ ผมกับซินจะทำให้ความปรารถนาของคุณย่าเป็นจริง”
ปากตอบผู้เป็นย่าแต่เอื้อมไปกุมมือหญิงสาวที่นั่งอยู่ข้างตัวพร้อมกับยักคิ้วให้เธอ
“ขอให้มีน้ำยาทำได้ตามที่พูดก็แล้วกัน”
“ใครเขาใช้น้ำยากันล่ะครับคุณย่า เขาใช้น้ำเชื้อต่างหาก และผมก็จะมั่นใจว่าจะทำให้หนูซินคนดีของคุณย่าท้องได้แน่ รับรองว่าจะขยันทำการบ้านจนกว่าเหลนของคุณย่าจะมาเกิด”
ศิศิราทำหน้าไม่ถูกเมื่อได้ยินการสนทนาของสองย่าหลาน ใบหน้าของเธอร้อนผ่าวจนรู้สึกได้ สุดท้ายจึงขอตัวกลับเพื่อหลีกเลี่ยงบรรยากาศที่น่าอึดอัด ซึ่งเธอรู้ดีว่าอัทธวีร์จงใจที่จะพูดเช่นนั้น เพื่อยั่วยุให้เธอโกรธจนเผลอแสดงอะไรที่ไม่เหมาะสมต่อหน้าผู้ใหญ่
“นี่ก็ดึกแล้วซินขอตัวกลับก่อนนะคะคุณย่า”
“ย่าก็มัวแต่คุยเพลินจนไม่ได้ดูเวลา”
ทุกคนเดินออกมาส่งศิศิราที่หน้าบ้าน พร้อมบอกให้เธอขับรถดีดี อัทธวีร์โชว์ความหวานด้วยการโน้มใบหน้าเข้าไปจูบแก้มนวลของหญิงสาวต่อหน้าทุกคน พร้อมกับกระซิบว่า
“ขับรถกลับบ้านดีดีนะที่รัก ถึงบ้านแล้วโทรมาบอกผมด้วยนะครับ”
ศิศิราอยากจะชกหน้าหล่อๆ ของเขาสักทีสองที โทษฐานที่เขาบังอาจมาจูบเธอ แต่เป็นเพราะอยู่ต่อหน้าผู้ใหญ่ทำให้ไม่สามารถทำได้อย่างใจนึก
อัทธวีร์มองเห็นประกายไฟแห่งความไม่พอใจจากแววตาเธอ ทำให้เขารู้แล้วว่าจะแก้เผ็ดเธอยังไง
ในเมื่อเธอไม่ชอบให้เขาถูกเนื้อต้องตัวหรือมีอะไรด้วย ก็เลยตั้งใจว่าจะทำทุกอย่างตรงข้ามกับความต้องการของเธอเพื่อเป็นการแก้แค้น
และวิธีที่เขาใช้แก้แค้นเธอก็เป็นสิ่งที่เขาชอบซะด้วยสิ
หญิงสาวหันไปไหว้ลาบุพการีและคุณย่าของเขา ก่อนจะเดินไปขึ้นรถและขับออกไปทันที อัทธวีร์ขอตัวกลับขึ้นไปพัก
“ไม่น่าเชื่อว่าผู้หญิงที่เรียบร้อยอย่างหนูซิน จะชอบการท่องเที่ยวยามราตรีกับเขาเหมือนกัน อัทธ์มักจะกลับมาเล่าให้ณิฟังเสมอว่าเจอหนูซินไปเที่ยวผับเดียวกับเขาอยู่บ่อยครั้ง ปล่อยไว้แบบนี้จะดีเหรอคะคุณแม่” อณิมาเอ่ยขึ้น
“ณิอย่ามองคนที่เปลือกนอกและรีบตัดสินตัวตนของเขา บางทีสิ่งที่เห็นก็อาจจะไม่ได้เป็นอย่างที่เราคิด”
แต่เมื่ออัมพกามองเห็นความกังวลใจ ฉายชัดในแววตาของอณิมาก็เลยพูดให้อีกฝ่ายคลายความวิตกกังวล
“ไม่ต้องกังวลมากไปนักหรอก ณิก็รู้นี่ว่าอัทธ์เป็นหลานที่แม่รักมาก แน่นอนว่าแม่จะต้องเลือกสิ่งที่ดีที่สุดเพื่อเขา และแม่ก็มั่นใจว่าหนูซินคือผู้หญิงที่เหมาะสมกับนายอัทธ์ของเรา การที่ซินไปเที่ยวผับบ่อยๆ แม่ก็ไม่เห็นว่ามันจะเสียหายตรงไหน ตราบใดที่ซินยังไม่ได้ทำอะไรที่เป็นการเสื่อมเสียชื่อเสียง ก็ไม่มีอะไรที่ต้องเป็นห่วงจริงไหม บางทีหนูซินอาจจะมีเหตุผลที่ทำให้ต้องไปในสถานที่แบบนั้น”
“เหตุผลอะไรคะคุณแม่”
“อาจจะอยากแก้เผ็ดพ่อตัวดีของเราก็ได้ ณิไม่เชื่อสายตาและการตัดสินใจของแม่เหรอ”
แม้อัมพกาจะยังไม่รู้ถึงเหตุผลที่แน่ชัด ที่ทำให้ศิศิราไปเที่ยวในสถานเริงรมย์ยามค่ำคืนอยู่บ่อยครั้ง แต่ก็ยังมั่นใจว่าหญิงสาวต้องมีเหตุผลที่ทำเช่นนั้น เพราะเท่าที่รู้มาโดยปกติแล้วศิศิราเป็นคนไม่ชอบเที่ยวกลางคืน
“ไม่ใช่อย่างนั้นค่ะ ใครจะไม่เชื่อมั่นในการตัดสินใจของคุณแม่ล่ะคะ”
“พรุ่งนี้ณิไปกราบพระอาจารย์กับแม่นะ จะได้ขอให้ท่านดูฤกษ์แต่งงานให้นายอัทธ์กับหนูซิน และอย่าลืมจัดเตรียมอาหารที่จะไปถวายเพลด้วย”
“ค่ะคุณแม่”
“ดึกแล้วแม่ว่าเราแยกย้ายไปพักผ่อนกันดีกว่า”
“ก็ดีเหมือนครับ พรุ่งนี้ผมมีประชุมแต่เช้า”
ฤกษ์แต่งงานมาไวกว่าที่คาด อัทธวีร์และศิศิราจะต้องแต่งงานกันในอีกสองเดือนข้างหน้า ทุกอย่างถูกจัดเตรียมอย่างฉุกละหุก เพราะระยะเวลาในการเตรียมงานมันกระชั้นชิด แต่นั่นก็ไม่ใช่ปัญหาเพราะฝ่ายชายยินดีและเต็มใจที่จะจัดเตรียมงานทุกอย่างเพื่อให้ออกมาอย่างสมบูรณ์แบบที่สุด
เสียเงินเท่าไรไม่ว่า...แต่เสียหน้าไม่ได้เด็ดขาด
งานแต่งงานของหลานชายเพียงคนเดียวของตระกูลนิธิพัฒน์โภคิน เจ้าของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ยักษ์ใหญ่ของประเทศ จะจัดให้น้อยหน้าคนอื่นได้อย่างไร ข่าวการแต่งงานของอัทธวีร์และศิศิราถูกเผยแพร่ออกไปในวงสังคม และเป็นที่กล่าวถึงกันอย่างต่อเนื่อง นับเป็นทอล์กออฟเดอะทาวน์ที่คนส่วนใหญ่ต่างก็จับตามอง เพราะฝ่ายชายเป็นนักฟุตบอลมืออาชีพที่มีชื่อเสียงโด่งดัง ส่วนฝ่ายหญิงก็เป็นหญิงสาวมากความสามารถที่มีดีกรีด็อกเตอร์มาการันตี เรียกได้ว่าเหมาะสมกันราวกับกิ่งทองใบหยก จึงไม่แปลกที่จะมีคนจับตามอง
ทั้งคู่ต้องออกงานร่วมกันบ่อยขึ้น แต่ในขณะเดียวกันต่างฝ่ายต่างก็ยังใช้ชีวิตในแบบเดิมๆ
อัทธวีร์ยังคงใช้ชีวิตหนุ่มเจ้าสำราญไม่เปลี่ยน รอบกายเขามีแต่เพื่อน เหล้า และผู้หญิง ในขณะที่ศิศิราเองก็ยังคงเข้าไปในที่อโคจรเพื่อเก็บข้อมูลมาใช้ในงานวิจัย คนอื่นอาจจะมองว่าเธอเป็นผีเสื้อราตรี ที่มีพฤติกรรมไม่แตกต่างไปจากว่าที่เจ้าบ่าว แต่ศิศิราและทีมงานรู้ดีว่ากำลังทำอะไรอยู่
จึงหาได้สนใจกับเสียงวิพากษ์วิจารณ์ที่ดังมากระทบหู
ไม่ว่าเธอจะไปที่ผับไหนหรือบาร์ไหน จะต้องมีคนเห็นเธอควงคู่หนุ่มหล่อโพรไฟล์ดีอย่างคิมหันต์เสมอ
คิมหันต์เป็นที่หมายปองของสาวๆ แต่เขากลับชื่นชอบเพศเดียวกัน เพียงแต่ไม่แสดงออกอย่างโจ่งแจ้ง หลายคนเข้าใจผิดจนเกิดเสียงซุบซิบนินทา ว่าศิศิราควงผู้ชายอื่นยามอยู่ลับหลังว่าที่เจ้าบ่าว
น้อยคนนักจะรู้ว่าแท้จริงแล้วคิมหันต์เป็นเพื่อนสนิทที่หญิงสาวขอให้มาช่วยงานวิจัยของเธอ เพราะเขาเป็นนักท่องราตรีตัวฉกาจ เขาจึงทำหน้าที่พาศิศิราและทีมวิจัยไปตามสถานที่ที่พวกเธอจะได้รับข้อมูลที่ต้องการ ซึ่งส่วนใหญ่แล้วก็หนีไม่พ้นพวกผับและบาร์ และนั่นคือเหตุผลว่าทำไมเธอจึงเลือกผู้ชายเข้ามาร่วมทีมวิจัยเดียวกับเธอ เพราะเธอคำนึงถึงความปลอดภัยเป็นอันดับแรก