บทที่ 9 ถูกบังคับให้กลับบ้าน   1/    
已经是第一章了
บทที่ 9 ถูกบังคับให้กลับบ้าน
บทที่ 9 ถูกบังคับให้กลับบ้าน “แก!!!” จิ่งหนิงทำให้จิ่งเซี่ยวเต๋อโมโหมาก “ฉันถามว่าจะกลับหรือไม่กลับ?” “ไม่กลับ!” “ดี!ดีมาก!แกพูดเองนะ ถ้าคุณย่าลงมือขึ้นมาคงไม่มีใครช่วยได้” จิ่งเซี่ยวเต๋อรู้สึกว่าเขาไม่สามารถต่อปากต่อคำกับท่าทีของลูกสาวที่เย็นชาแบบนั้นได้จึงได้วางสายลง จิ่งหนิงหัวเราะและไม่อยากไปใส่ใจอีก จึงได้เก็บมือถือลงและกินข้าวต่อ อีกด้านหนึ่ง หวังเสว่เหมยนั่งอยู่ในห้องอาหาร เมื่อมองเห็นจิ่งเซี่ยวเต๋อโมโหเดินฟึดฟัดกลับมาก็ขมวดคิ้วถามว่า “เป็นอะไรไปเหรอ?บอกเธอหรือยัง?เธอจะกลับมาไหม?” จิ่งเซี่ยวเต๋อพูดออกมาว่า “ผมจะมีปัญญาไปบังคับเธอได้อย่างไรครับ ดูจากสถานการณ์ตอนนี้เธอปีกกล้าขาแข็ง ถ้าไม่ส่งคนไปเชิญกลับมาก็คงไม่มาหรอก” หวังเสว่เหมยสีหน้าเปลี่ยนไปทันที เธอวางตะเกียบและตบมือลงไปบนโต๊ะ “ไร้สาระสิ้นดี!” คนที่นั่งอยู่ในห้องอาหารก็พากันตกอกตกใจ นับจากที่นายท่านได้จากไปแล้วหวังเสว่เหมยก็เป็นคนจัดการทุกอย่างในตระกูลจิ่ง จากหลายปีที่ผ่านมา บารมีที่สะสมไว้ทุกคนล้วนเกรงกลัวเธอ หยูซิ่วเหลียนรีบส่งสายตาให้จิ่งเสี่ยวหย่าที่นั่งอยู่ตรงข้าม จิ่งเสี่ยวหย่าลุกขึ้นเดินไปที่หญิงชราแล้วพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “คุณย่าคะ อย่าอารมณ์เสียเลยค่ะ สุขภาพร่างกายเป็นสิ่งสำคัญ” หยูซิ่วเหลียนก็พูดเสริมท้ายว่า “นั่นสิคะ ในเมื่อจิ่งหนิงไม่อยากกลับมาก็อย่าไปบังคับเธอเลย เรื่องนี้พวกเราค่อยหาวิธีต่อไป ท่านอย่าได้โมโหไปเลย” หวังเสว่เหมยยิ้มเยาะออกมาแล้วพูดว่า “นี่มันตลกชัดๆ นังเด็กนั่นบอกว่าไม่กลับก็คือไม่กลับเหรอ?วันนี้ฉันจะต้องลากตัวกลับมาให้ได้ อยากจะรู้จริงๆว่าจะปีกกล้าขาแข็งไปถึงไหน!” พูดจบก็กวักมือให้พ่อบ้านหวังเดินมา “พ่อฝูไปสืบมาว่าตอนนี้เธออยู่ที่ไหน จากนั้นส่งคนไปบอกเธอว่าภายในวันนี้ถ้าเธอไม่กลับมา ของทุกอย่างที่แม่ของเธอเหลือไว้ในบ้านนี้ฉันจะเผาทิ้งให้หมด อย่าหวังว่าจะได้ไปแม้แต่ชิ้นเดียว!” พ่อฝูหน้าก้มตาแล้วรีบตอบกลับว่า “ครับนายหญิง” ...... ในตอนเย็น เมื่อจิ่งหนิงจัดการกับออเดอร์สุดท้ายได้แล้ว เธอก็เตรียมตัวปิดร้านเลิกงาน คาดไม่ถึงว่าเมื่อเธอเพิ่งเดินออกจากร้านก็เจอพ่อฝูยืนอยู่ที่นั่น เขาเป็นพ่อบ้านให้ตระกูลจิ่งมานับสิบปี จิ่งหนิงจึงรู้จักเขาอย่างดี ก่อนหน้าที่หยูซิ่วเหลียนและจิ่งเสี่ยวหย่ายังไม่ได้เหยียบเข้ามาในบ้านนี้ เธอกับพ่อบ้านหวังสนิทสนมกันมากทีเดียว แม้ตอนนี้จะไม่ได้สนิทกันมากนักแต่ก็ยังให้ความเคารพนับถือ “คุณหนูใหญ่เลิกงานแล้วเหรอครับ?” พ่อฝูเดินเข้ามา จิ่งหนิงหยิบกุญแจไว้ในมือและมองไปที่เขา “พ่อบ้านหวังไม่เจอกันตั้งนานนะคะ” “ครับ ไม่เจอกันตั้งนาน คุณหนูโตเป็นสาวสวยมากเลยทีเดียว ถ้าคุณนายยังอยู่ก็คงจะดีใจมาก” จิ่งหนิงยิ้มขึ้นแล้วพูดว่า “ถ้าแม่ฉันยังอยู่ คุณจะเข้าข้างแม่ฉันไหมหรือจะเข้าข้างหยูซิ่วเหลียนกัน?” พ่อฝูไม่คิดว่าเธอจะถามคำถามนี้ออกมา เขานิ่งเงียบไปชั่วๆ จิ่งหนิงรู้สึกได้ว่ากำลังทำให้เขาอึดอัดจึงได้ยิ้มและพูดต่อไปว่า “ล้อเล่นค่ะ อย่าจริงจัง” พ่อฝูยิ้มแห้งๆ “พ่อบ้านหวังมีธุระอะไรกับฉันเหรอคะ?” พ่อฝูรีบพูดขึ้นว่า “นายหญิง ให้ผมมารับคุณกลับบ้าน” จิ่งหนิงมองไปด้วยสายตาเยือกเย็นแล้วพูดว่า “จิ่งเซี่ยวเต๋อไม่ได้ก็บอกกับพวกคุณหรือว่าฉันไม่กลับ?” “บอกแล้วครับ เพียงแต่นายหญิงบอกว่าถ้าคุณหนูไม่กลับไป จะจัดการกับของที่คุณแม่คุณหนูทิ้งไว้ให้หมด” พ่อฝูพูดออกมา จิ่งหนิงได้ยินดังนั้นก็เข้าใจว่าเขาหมายถึงอะไร สีหน้าเธอเคร่งขรึมลงแล้วถามว่า “เธอจะทำอะไรเหรอคะ?” พ่อฝูท่าทางอึดอัดใจ เมื่อคิดอยู่ชั่วครู่เขาก็เอ่ยปากพูดไปอย่างขมขื่นว่า “คุณหนูใหญ่ครับ ช่วงหลายปีที่ผ่านมาคุณหนูถูกเขาข่มเหงไม่น้อย เพียงแค่อาหารมื้อเดียว ของที่คุณนายเหลือไว้ก็มีไม่มาก อย่ารอให้สูญเสียไปแล้วจะเสียใจทีหลังนะครับ” สีหน้าของจิ่งหนิงตึงเครียด เธอนิ่งไปเนิ่นนาน สุดท้ายกำมือแน่นแล้วพูดว่า “ฉันเข้าใจแล้วค่ะ” เมื่อพ่อฝูเห็นว่าเธอตอบตกลงก็ถอนหายใจออกมา เขาโค้งตัวแล้วเปิดประตูรถพูดว่า “เชิญคุณหนูขึ้นรถครับ” จิ่งหนิงไม่ได้พูดอะไร เธอเดินขึ้นรถไป ผ่านไป 20 นาทีรถคันหนึ่งก็ขับเข้ามาในคฤหาสน์ตระกูลจิ่ง คฤหาสน์ตั้งอยู่ในพื้นที่ อันมีชื่อเสียงของเมืองจิ้น ล้อมรอบไปด้วยภูเขาและแม่น้ำเป็นทิวทัศน์ที่สวยงาม เธอลงจากรถและเดินเข้าไปด้านในด้วยสีหน้าเย็นชา ภายในห้องรับแขกหยูซิ่วเหลียนกำลังเลือกชุดที่จะใส่ไปในงานวันเกิดให้กับจิ่งเสี่ยวหย่า สำหรับจิ่งเสี่ยวหย่าที่จะเป็นตัวเอกในงานวันเกิดและงานประกาศความสัมพันธ์นั้น นี่เป็นอีกหนึ่งวันที่สำคัญที่สุดของเธอ ไม่เพียงเป็นแค่เพียงงานเลี้ยงวันเกิดอีกทั้งยังเป็นวันหมั้นของเธอและมู่ยั่นเจ๋อด้วย หลังจากการประชุมเมื่อตอนกลางวัน หวังเสว่เหมยก็รีบให้พวกเขาซักเสื้อผ้าและจองสถานที่ เนื่องจากในตอนนี้เหลือเวลาเพียงแค่สองวัน หากจะสั่งตัดใหม่คงไม่ทัน ยังดีที่เป็นเพียงแค่งานวันเกิดซึ่งใช้ประกาศการหมั้นหมายระหว่างเธอและมู่ยั่นเจ๋ออย่างเป็นการส่วนตัวเท่านั้น ส่วนคนภายนอกจะเข้าใจว่าเธอและมู่ยั่นเจ๋อได้หมั้นหมายกันมานานแล้วจึงไม่จำเป็นจะต้องแต่งตัวให้หรูหราเกินเหตุ เธอเลือกชุดอยู่กว่าครึ่งวันในที่สุดก็ได้ชุดที่ถูกใจ ในวันพรุ่งนี้จะมีคนส่งชุดมาให้ลองที่บ้าน ทั้งสองคนกำลังปรึกษาหารือกันด้วยท่าทางดีใจ ทันใดนั้นเสียงประตูก็ดังขึ้น เมื่อเงยหน้าก็พบว่าจิ่งหนิงเดินเข้ามาด้านใน เธอสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวกางเกงสีดำรัดรูป เผยให้เห็นขาเรียวงาม สวมเสื้อคลุมสีเบจ ผมลอนสลวยประบ่า มองไปแล้วช่างมีเสน่ห์และเยือกเย็น จิ่งเสี่ยวหย่ามองไปที่เธอแล้วรู้สึกอิจฉา เธอไม่ชอบท่าทางโดดเด่นเช่นนี้ของจิ่งหนิงจริงๆ ก็แค่เจ้าของร้านขายของใช้ผู้ใหญ่ ใส่ชุดอย่างกับเป็นคนในวงการ ใบหน้าที่เย็นชาของเธอนั้น ทำให้คนที่พบเห็นคิดว่าเธอสูงส่งขนาดไหน แต่เมื่อนึกถึงอาชีพของเธอ จิ่งเสี่ยวหย่าก็รู้สึกสะใจ แกล้งทำเป็นประเสริฐเลิศล้นแล้วยังไงล่ะ? เอามาเทียบกันไม่ได้อยู่ดี! เธอเป็นถึงคุรหนูตระกูลจิ่งและดอกไม้แห่งวงการบันเทิง ส่วนจิ่งหนิงล่ะ? เป็นเพียงเด็กสาวที่ถูกขับไล่ออกจากตระกูล ต่อให้มีความสามารถแล้วยังไงล่ะ งานที่ทำอยู่ก็ไม่ได้มั่นคง สุดท้ายแล้วจึงต้องมาเช่าร้านขนาดเพียง 10 ตารางเมตร ขายของใช้ผู้ใหญ่ เมื่อคิดได้ดังนี้ จิ่งเสี่ยวหย่าก็สะใจเป็นที่สุด เธอยืดอกแล้วเดินตรงไปที่จิ่งหนิงพูดว่า “พี่คะ มาแล้วเหรอ?” หยูซิ่วเหลียนก็รีบเดินตามมา ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความเยอะเย้ย “จิ่งหนิงมานั่งเร็วเข้า ป้าเฉินยกน้ำมาให้คุณหนูใหญ่เร็ว” บ่าวรับใช้รีบยกน้ำออกมา เพียงแต่เมื่อเธอมองไปที่ป้าเฉินสายตานั้นแฝงไปด้วยความดูถูกเล็กน้อย จิ่งหนิงเองไม่อยากจะไปใส่ใจ จึงพูดขึ้นว่า “เรียกฉันมามีธุระอะไร?” หยูซิ่วเหลียนชะงักลงเล็กน้อย จิ่งเสี่ยวหย่าเห็นดังนั้นก็รีบเดินหน้าขึ้นไปกอดแขนเธอแล้วพูดว่า “พี่คะ จะรีบร้อนไปไหนล่ะ?กลับบ้านทั้งทีกินข้าวก่อนแล้วค่อยพูดกันสิคะ พวกเราไม่ได้นั่งคุยกันตั้งนานแล้ว นี่ก็ใกล้จะถึงเวลาอาหารเย็นแล้วค่ะ ไปที่ห้องฉันก่อนไหมพวกเราคุยกันสักพักดีไหมคะ?” จิ่งหนิงมองไปที่เธอแล้วพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “คุยเหรอ?เรามีเรื่องอะไรต้องคุยกัน เรื่องที่เธออ่อยผู้ชายอย่างนั้นเหรอ?ขอโทษนะฉันไม่สนใจเรื่องคนมารยาเหล่านั้นหรอก แล้วก็คงเรียนไม่เป็น”
已经是最新一章了
加载中