บทที่ 2 จู่ๆก็เห็นความสำคัญ   1/    
已经是第一章了
บทที่ 2 จู่ๆก็เห็นความสำคัญ
บทที่ 2 จู่ๆก็เห็นความสำคัญ จริงๆไม่ได้อยากจะใส่ใจอะไรเท่าไร แต่ฝีมือของคนคนนั้นเขารู้ดี ทำได้แค่ตอบข้อความกลับไป “ห้าปีก่อนหน้านี้ ใครเป็นคนที่ทิ้งฉันไว้ข้างนอกเหมือนกับหมา ถ้าไม่ใช่เพราะโชคช่วยป่านนี้ฉันคงอดตายไปแล้ว” “ที่นั่นไม่ใช่บ้านของฉัน ฉันไม่มีทางกลับไปแน่นอน!” “ไม่ต้องมาหาฉันอีก ฉันไม่มีความสนใจในทายาทเลยแม้แต่นิดเดียว ทำเหมือนฉันตายไปเลยก็ได้!” พอส่งข้อความเสร็จ ก็รับสายของหลินเสี่ยวเข่อ ให้เขา ไปหาเธอที่ห้องไพรเวทในร้านกาแฟชั้นสองของวั่นเสิ้ง พลาซ่า จูหมิงนึกว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับเธอ จึงรีบไปทันที ใครจะไปรู้พอเข้ามาข้างใน ก็ถูกเพื่อนของเธอหย่วนเซอหวู่มองเขาด้วยสายตาเหมือนกับกำลังมองหัวขโมย พร้อมกับยิ้มๆอย่างดูถูก“จูหมิงเสื้อตัวนี้นายเลือกมาจากแผงลอยข้างถนนใช่ไหม ทั้งตัวตั้งแต่หัวจรดเท้าแค่สามร้อยสินะ” จูหมิงเห็นหลินเสี่ยวเข่อที่นั่งอยู่ข้างๆ ก็ยิ้มนิ่งๆ ไม่ได้ถือสาอะไร เดินตรงไปนั่งลงข้างๆกับหลินเสี่ยวเข่อ ไม่สนใจสายตาดูแคลนของซูหมี่และหย่วนเซอหวู่แม้แต่น้อย หย่วนเซอหวู่เห็นเขาไม่ได้มอง ในใจก็ยิ่งทวีความโกรธขึ้น จึงพูดออกมาตรงๆ “จูหมิง ในฐานะที่เป็นเพื่อนสนิทที่สุดของเสี่ยวเข่อ วันนี้ฉันก็ขอพูดตรงๆเลยแล้วกัน แต่งงานมา2ปี ยังมาทำตัวน่าเอือมระอาแบบนี้อยู่อีกเหรอ วันๆไม่ทำอะไรเอาแต่เล่นเกมเกาะเสี่ยวเข่อกินอย่างสบายจิตสบายใจ เกิดมาเป็นผู้ชายทั้งที ไม่สนหน้าตาเลยหรือไง? ถ้าเกิดใส่ใจเสี่ยวเข่อจริงๆ ก็หย่ากับเธอซะ!” “ใช่ ดูจากสถานะของเสี่ยวเข่อแล้ว ต่อให้หลับตาหาก็ได้แต่งกับตระกูลที่ร่ำรวยได้อย่างง่ายๆเลย ทำไมต้องให้เธอมาทนทุกข์ทนลำบากกับนายด้วย?”ซูหมี่พูดเสริม จูหมิงหัวเราะแห้งๆ ไม่รู้ว่าจะตอบยังไงดี แต่หลินเสี่ยวเข่อไม่ยอม เข้ามาปกป้องด้านหน้าของเขา “พวกเธอสองคนพอได้แล้ว อย่าพูดคำพูดพวกนี้อีก ไม่อย่างนั้นฉันจะโกรธจริงๆแล้ว” พอพูดจบ หย่วนเซอหวู่ก็ลุกขึ้นไปทันที พร้อมกับพูดขึ้นด้วยความโกรธ“หลินเสี่ยวเข่อ เพื่อนแบบพวกเราหวังดีกับเธอ ต่อให้เขาจะเคยช่วยชีวิตเธอสมัยเด็กก็ตาม แล้วมันจะยังไง? หรือว่าเธอกะที่จะมอบหัวใจให้กับเขางั้นเหรอ? การชดใช้ด้วยตัวเองแบบนี้ จะช้าจะเร็วยังไงก็ต้องเสียใจอยู่ดี” จูหมิงนึกว่าหลินเสี่ยวเข่อจะโกรธ คิดไม่ถึงว่าเธอกลับมองตนเองด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม แววตาที่สวยงามเต็มเปี่ยมไปด้วยความอ่อนโยน แววตาที่เอ่อล้นไปด้วยความรักมันทำให้ใจของเขาละลาย ตอนที่จูหมิงยังเด็ก เนื่องจากเหตุผลทางตระกูลจึงมาแอบอาศัยอยู่ที่นี่อย่างสันโดษระยะหนึ่ง มีอยู่ครั้งหนึ่งหลินเสี่ยวเข่อไม่ทันได้ระวังตกลงไปในแม่น้ำ และเป็นเขาที่กระโดดลงไปช่วยเธอขึ้นมา ต่อมาในตระกูลจะเกิดเรื่องขึ้น ทำให้เขามาเจอกับเธอที่ริมแม่น้ำอีกครั้ง คิดไม่ถึงว่าหลินเสี่ยวเข่อยังจำเขาได้ แถมไม่รังเกียจที่เขาไม่มีเงินติดตัวซักบาทเดียว ไม่สนคำคัดค้านของทุกคน อยู่ด้วยกันกับเขาอย่างไร้ซึ่งความลังเลใดๆ “ไม่ใช่เหตุผลนั้นสักหน่อย ที่ฉันแต่งงานกับเขา ก็เพราะว่าฉันรักเขา เขาก็รักฉัน”สีหน้าอารมณ์ของหลินเสี่ยวเข่อดูอบอุ่นแบบผิดปกติ ประโยคนี้แทบจะทำให้ซูหมี่กับหย่วนเซอหวู่ ผู้หญิงทั้งสองหัวเราะออกมา ทั้งสองคนขำจนปวดท้องไปหมด “เสี่ยวเข่อเธอเลิกเสแสร้งได้แล้ว เพื่อนสาวที่สนิทที่สุดของเธอพูดอย่างจริงใจเลยนะ แม้ว่าตระกูลหลินจะไม่ได้สิ้นตระกูลแล้ว แต่เธอจะดูถูกตัวเองไม่ได้ ดูเธอสิ จบมาจากสถาบันที่มีชื่อเสียง ผิวพรรณขาวสวย รูปร่างหน้าตาก็ดี ต่อให้หลับตาเลือกก็ได้ตระกูลร่ำรวยอยู่ดี มีคนไหนที่ด้อยกว่าจูหมิงอีก?” “ใช่ๆ เธอเลี้ยงดูพ่อแม่ก็ลำบากอยู่แล้ว ยังต้องหาเงินมาเลี้ยงไอ้คนไร้ประโยชน์นี่อีก เธอคิดอะไรอยู่? หย่าให้จบๆไป ความรู้สึกมันกินแทนข้าวไม่ได้หรอกนะ” “แถมเธอดูเขาสิ ถูกด่าแล้วยังโกรธไม่เป็นเลยสักนิด ไร้น้ำยากว่านี้ไม่มีอีกแล้ว มีความเป็นผู้ชายสักนิดบ้างไหม? ทำไมเธอถึงหัวรั้นได้ขนาดนี้?” “พอได้แล้ว!”หลินเสี่ยวเข่อโมโหจริงๆแล้ว ที่เธอรับไม่ได้ที่สุดก็คือมีคนมาต่อว่าจูหมิง “จูหมิงดีกับฉันมาก ฉันพอใจมากแล้ว ถ้าพวกเธอยังกล้าพูดจาให้เขาไม่ดีแบบนี้อีกล่ะก็ อย่ามาโทษฉันแล้วกันถ้าฉันจะตัดความสัมพันธ์กับพวกเธอ เพื่อนสิบกว่าปีของเราให้มันจบกันไปเลย” ปกติแล้วหลินเสี่ยวเข่อจะดูอ่อนโยนน่ารักแบบผู้หญิงที่มีเสน่ห์เป็นธรรมชาติ แต่ถ้าโกรธขึ้นมา ก็เป็นผู้หญิงที่แสนเยือกเย็นคนหนึ่งเหมือนกัน เย็นชาและโหดร้าย ทำเอาเพื่อนสาวทั้งสองตะลึงไป หย่วนเซอหวู่จ้องจูหมิงตาเขม็ง พร้อมกับพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงต่ำ“เสี่ยวเข่อเธอต้องคิดให้ดีๆ ว่าไม่ใช่พวกเราที่ดูถูกดูแคลนมัน เธอดูมันสิ ต่อให้ไม่มีเงินไม่มีความสามารถ จะดีร้ายยังไงก็ควรจะหางานทำสักงานได้แล้ว วันๆเล่นเกมเกาะเธอกินอย่างสบายใจ มันจะไปมีอนาคตได้ยังไง มันสนใจใยดีเธอจริงๆเหรอ?” “ฉันไม่ได้ต้องการให้เขามีอนาคต ฉันชอบที่เขาไม่มีอนาคต เพียงแค่อยู่ข้างกายฉันก็พอแล้ว” คำพูดของหลินเสี่ยวเข่อ ทำให้เพื่อนสาวทั้งสองพูดอะไรไม่ออกอย่างสิ้นเชิง แล้วก็ทำให้จูหมิงเริ่มร้อนผ่าวที่ดวงตาเหมือนกับจะร้องไห้ ในห้องไพรเวทเงียบสนิททันที ในขณะนี้เอง มือถือของหลินเสี่ยวเข่อก็ดังขึ้น เป็นสายของหลินเจี้ยนไห่ บอกว่าคุณนายใหญ่หลินเรียกให้พวกเรากลับไป แถมยังสั่งอีกว่าต้องให้จูหมิงตามมาด้วย ทุกคนในตระกูลหลินมองจูหมิงเป็นคนไร้น้ำยา แล้วทำไมจู่ๆเห็นความสำคัญของเขาขึ้นมา? จูหมิงไม่เข้าใจ แต่ก็ทำได้แค่ตามหลินเสี่ยวเข่อไปเท่านั้น โบกแท็กซี่กลับไปยังบ้านของตระกูลหลิน บนรถแท็กซี่ จู่ๆจูหมิงถามขึ้นกับเธอด้วยเสียงเบาๆ“เสี่ยวเข่อคุณชอบที่ผมไม่มีอนาคตจริงๆเหรอ?” หลินเสี่ยวเข่อยิ้มอย่างอ่อนโยน คว้ามือเขาไว้แน่น“ใช่น่ะสิ คุณไม่เชื่อเหรอ? แค่คุณมีสักหน่อยก็ได้แล้ว ถึงแม้ว่าจะนิดเดียว แต่คนอื่นจะได้ไม่มองคุณแบบนี้ยังไงล่ะ” “คุณสนใจไหมว่าคนอื่นจะมองมายังไง?”จูหมิงรู้สึกเจ็บปวดในใจเล็กน้อย หลินเสี่ยวเข่ออึ้งไปสักพัก ก่อนจะส่ายหัว“ฉันไม่ใช่เด็กผู้หญิงที่ไม่รู้จักโตเหมือนเมื่อก่อนคนนั้นอีกแล้ว” จูหมิงเอาเธอเข้ามากอดในอ้อมแขน สัมผัสความอุ่นจากร่างกายของเธอ จู่ๆกลับรู้สึกขมขื่นขึ้นมา ความหมายของเธอชัดเจนแล้วว่า เธอในตอนนี้เพียงแค่เรียนรู้ที่จะรับความจริงเท่านั้น บางทีอาจเพียงแค่ไม่มีหนทางอื่นแล้วก็ได้ ตอนที่ทั้งสองกลับมายังบ้านของตระกูลหลินอีกครั้ง งานเลี้ยงก็เสร็จสิ้นไปเรียบร้อยแล้ว เหลือเพียงแค่คนในตระกูลที่กำลังประชุมอยู่ในห้องโถง ทั้งสองคนรู้แล้ว ว่าทำไมคุณนายใหญ่หลินถึงกำชับให้จูหมิงมาด้วย ที่แท้ตระกูลฉู่ตระกูลที่สูงศักดิ์แห่งเมืองไห่เทียนก็ชอบพอหลินหวั่นฉิงลูกสาวของคนที่สามแห่งตระกูลหลิน จะเอาสินสอดทองหมั้นมาหมั้นไว้ แต่มีข้อเสนอหนึ่งข้อ เพื่อที่จะแสดงถึงความจริงใจของตระกูลหลิน จะต้องมีผู้ชายหนึ่งคนของตระกูลหลินมาเปิดประตูรถให้ คุกเข่าก้มกราบเพื่อความเป็นมงคล “จูหมิงตระกูลของพวกเราเลี้ยงดูให้แกกินดื่มอย่างดี ตอนนี้ถึงเวลาที่แกควรจะตอบแทนพวกเราแล้ว เรื่องนี้จะต้องทำออกมาให้ดี เข้าใจไหม?”คุณนายใหญ่หลินมองเขาเป็นคนนอกสายตา จูหมิงยิ้มเย้ยหยัน คิดในใจว่าแล้วทำไมถึงปล้ำจะให้เขากลับมาให้ได้ ที่แท้ก็คิดจะให้เขามาเป็นตัวตลกนี่เอง “ทำไม? ไม่เต็มใจ? คนไร้น้ำยาแบบแก การที่ให้นายเป็นคนของตระกูลหลินนายก็ควรจะยิ้มดีใจนะ ให้หน้านายมากจริงๆนายก็แทบจะลอยขึ้นฟ้าแล้ว”หลินเฉิงเจี๋ยสบถหึออกมา เขาเป็นหลานชายของคุณนายใหญ่หลิน แล้วก็เป็นทายาทผู้สืบทอดต่อที่คุณนายใหญ่หลินเล็งไว้ด้วย สถานะในตระกูลหลินของเขาไม่บอกก็รู้ “ใช่ๆ เป็นคนไร้น้ำยาแท้ๆ ยังจะมาทำเก๊กอีก” “รู้ไว้นะว่าตระกูลฉู่มีความสำคัญกับตระกูลหลินขนาดไหน เรื่องสำคัญขนาดนี้ให้คนไร้น้ำยาแบบมันทำก็มากพอแล้ว ดูท่าแล้วเป็นพวกไร้น้ำยาจริงๆซะด้วยสิ ไร้สมองสิ้นดี” บรรดาคนของตระกูลหลินพากันพูดจาดุด่าว่ากล่าวจูหมิง “พอได้แล้ว!”หลินเสี่ยวเข่อพูดต่อว่าขึ้น เข้ามายืนปกป้องด้านหน้าจูหมิง “ย่า ก่อนหน้านี้พวกท่านเคยเห็นเขาเป็นตระกูลหลินด้วยเหรอ? แล้วพอจะทำเรื่องแบบในตอนนี้กลับมองเขาเป็นคนในครอบครัวขึ้นมาซะอย่างนั้น มันน่าขำไหมคะ? ในเมื่อตระกูลฉู่สำคัญกับตระกูลหลินขนาดนั้น ทำไมถึงไม่ให้หลินเฉิงเจี๋ยไปทำล่ะ? แบบนี้มันจะคุ้มค่ากับความจริงใจมากกว่าไหม?” ทุกคนต่างพากันช็อก หลินเสี่ยวเข่อก็กล้าเหลือเกิน คิดไม่ถึงว่าจะพูดโต้แย้งคุณนายใหญ่หลินต่อหน้าเหล่าบรรดาผู้คนมากมายขนาดนี้เพียงเพราะไอ้คนไร้ประโยชน์นี่แค่คนเดียวแท้ๆ เป็นอย่างที่คิดไว้ คุณนายใหญ่หลินพูดด่าขึ้นด้วยความโกรธ“เสี่ยวเข่ออย่าคิดว่ามีปู่คอยหนุนหลังแล้วจะทำอะไรตามใจชอบไม่สนกฎเกณฑ์ได้นะ ในตระกูลหลินตอนนี้ฉันพูดคำไหนคำนั้น ใครหน้าไหนกล้าไม่ฟังคำสั่งฉัน ก็เชิญย้ายออกไปจากตระกูลหลินได้เลย!” “ไอ้คนไร้ประโยชน์ แกจะไปไม่ไป?”ไม้เท้าชี้ไปที่ปลายจมูกของจูหมิง ย้ายออกไปจากตระกูลหลิน? จูหมิงรู้สึกช็อกในใจ ถ้าเป็นแบบนี้ ครอบครัวของหลินเสี่ยวเข่อจะใช้ชีวิตยังไง
已经是最新一章了
加载中