เล่ห์รักนายซาตาน
1/
เล่ห์รักนายซาตาน
รักไม่มีวันลืม
(
)
已经是第一章了
เล่ห์รักนายซาตาน
พรุ่งนี้เป็นวันเกิดของมาร์วินแฟนหนุ่มของเธอ เธอข้ามน้ำข้ามทะเลมาเพื่อฉลองวันเกิดให้กับเขา หญิงสาวที่ในตอนแรกอยากจะมาเซอร์ไพรส์แฟนหนุ่ม แต่สุดท้ายกลับเป็นตัวเธอเองที่ต้องเจอเรื่องเซอร์ไพรส์กว่า หลังจากลงจากเครื่อง เธอเรียกรถแท็กซี่เพื่อจะไปหาคนรัก แต่เคราะห์ซ้ำกรรมซัด รถยนต์คันที่เธอนั่งกลับพลิกคว่ำ โชคดีที่เธอไม่ได้รับบาดเจ็บสาหัสมีเพียงแผลถลอกที่แขนเล็กน้อยเท่านั้น เธอถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล หลังจากที่ตื่นขึ้นมาเธอก็รีบกดโทรหามาร์วิน แต่ยังไม่ทันได้กดโทรออก ก็มีชายคนหนึ่งเดินมาพร้อมกับผู้หญิงที่กำลังตั้งท้อง ท้องของผู้หญิงคนนั้นโตมาก มองจากสายตาอย่างน้อยเธอคงอายุครรภ์ห้าเดือนกว่าแล้ว แต่สิ่งที่เธอสนใจในตอนนี้ไม่ใช่ผู้หญิงคนที่ตั้งท้อง แต่คือชายหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างๆเธอ ผู้ชายคนนั้นไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นแฟนหนุ่มของเธอมาร์วิน แววตาห่วงใยของมาร์วินที่มองไปยังผู้หญิงข้างๆ ด้วยเซนส์ของผู้หญิงมันบอกกับเธอว่ามาร์วินและผู้หญิงคนนั้น มีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้ง เธอเดินไปตรงหน้าของมาร์วิน พยายามควบคุมสติของตนเอง น้ำเสียงที่กลั่นออกมายังคงดูเป็นปกติ:“คุณกำลังทำอะไร!” แต่สีหน้าของมาร์วินดูตกใจมาก เขาตกใจในการปรากฎตัวของเธอ เขาตกใจจนทำตัวไม่ถูก แล้วมองยังผู้หญิงที่อยู่ข้างๆตนเอง จากนั้นหันไปมองเธอ ตอนนั้นเธอก็เข้าใจทุกอย่างทันที "มาร์วิน ฉันถามว่าคุณทำอะไร?" น้ำเสียงที่เธอถามนั้นเห็นได้ชัดว่าต้องการคำตอบ มาร์วันไม่ได้ตอบคำถาม เขาหันไปมองผู้หญิงที่ยืนอยู่ข้างๆ จากนั้นคว้าไปที่มือของหญิงตรงหน้า พาเธอเดินออกไปไกลราวสิบเมตร หญิงสาวรีบสะบัดมือของเขาทิ้ง ตอนนี้เธอถามเขาอย่างคนบ้าคลั่ง :“ผู้หญิงคนนั้นเป็นอะไรกับคุณคะ เด็กในท้องคือลูกของคุณหรอ?" เขาขมวดคิ้ว แววตาที่มองมานั้นเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด เธอรู้จักกับเขามาสิบแปดปี แค่มองตาคู่นั้นของเขา เธอก็อ่านใจเขาออกทันที "ญาดา ผมขอโทษ!” มาร์วินพูดสั้นๆ แต่คำพูดสี่พยางค์นี้กลับทำให้เธอรู้สึกเหมือนฟ้ากำลังผ่าลงมา เขาคิดว่าฉันยังเสียใจไม่มากพออีกหรอ หญิงสาวเงียบอยู่หลายวินาทีแล้วพูดขึ้น "มาร์วิน เราเลิกกันเถอะ!” เธอก้าวถอยหลังหลายก้าว ไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ตนเองได้ยิน "เพี๊ยะ!” เธอตบหน้าของเขาอย่างแรง เขาเองก็ยืนนิ่งๆปล่อยให้เธอทำร้าย โดยไม่คิดจะหลบ "คุณ......คุณ......ใจร้ายที่สุด!” น้ำตาของเธอไหลลงมาไม่หยุด ระหว่างเราพึ่งคบกันอย่างเป็นทางการเมื่อสามเดือนที่แล้ว แต่ผู้หญิงคนนั้นกลับท้องห้าเดือนแล้ว ซึ่งก็หมายความว่าเขามีผู้หญิงคนอื่น ก่อนที่จะมาขอเธอเป็นแฟน ขอให้เธอคบกับเขา ญาดาพึ่งรู้ตัวว่าตนเองเป็นแค่ผู้หญิงโง่ๆคนหนึ่ง ที่ถูกเขาหลอกมาโดยตลอด เขาคือผู้ชายที่เธอรักที่สุด ตลอดเวลาสิบแปดปีที่ผ่านมา เขาคือคนที่ดีกับเธอที่สุด แต่วันนี้เขากลับหลอกเธอ เล่นกับความรู้สึกของเธอ ตอนนี้เธอไม่สามารถอธิบายได้แล้ว ว่าความเจ็บปวดในหัวใจนั้นเป็นยังไง เธอยกมือที่สั่นเทาขึ้นมาตบหน้าเขาอีกครั้ง และเขา ก็ยังคงยืนนิ่งไม่หลบหรือป้องตัวเหมือนเดิม แต่กลับเป็นผู้หญิงคนนั้น เธอเดินเข้ามาแล้วตบหน้าของญาดา "ฉันคบกับมาร์วินก่อนคุณ คุณมีสิทธิอะไรมาทำร้ายเขา คนที่เป็นมือที่สามคือคุณต่างหาก" ผู้หญิงคนนั้นบอกว่าเธอเป็นมือที่สามระหว่างเธอกับมาร์วินงั้นหรอ? ญาดาจับหน้าของตนเองเอาไว้ มาร์วินเองก็ตกใจที่ผู้หญิงคนนั้นตบหน้าเธอ "พิม คุณทำอะไรของคุณ เรื่องระหว่างเราคุณไม่ต้องมายุ่ง คุณกลับไปก่อนเถอะ" เขาบอกกับหญิงสาวอย่างหงุดหงิด ผู้หญิงที่ชื่อพิมเมื่อเห็นว่ามาร์วินหงุดหงิดใส่เธอ เธอจึงไม่ได้พูดอะไรแล้วเดินออกไป แต่แน่นอนว่าฉันไม่มีวันปล่อยให้เธอเดินหนีไปง่ายๆแบบนี้ "ทุกอย่างยังเคลียร์ไม่จบ ไม่ว่าใครก็ห้ามไปไหนทั้งนั้น" "ได้ค่ะ!ฉันเองก็ยินดีเคลียร์ทุกอย่างให้ชัดเจน คุณจะได้รู้ว่าใครกันแน่ที่เป็นมือที่สาม" พิมเองก็ไม่ได้เป็นผู้หญิงที่ยอมคน "พอได้แล้ว พิมผมบอกให้คุณเงียบไง" มาร์วินหันไปตวาดใส่เธออีกครั้ง "ญาดา ผมขอโทษ เรื่องที่เกิดขึ้นผมจะอธิบายให้คุณฟังเอง ตอนนี้คุณพักอยู่ที่โรงแรมไหน เดี๋ยวผมไปส่ง" สีหน้าของมาร์วินดูเหนื่อย เขาคงเหนื่อยแล้ว เพราะผู้หญิงสองคนกำลังทำให้เขาเหนื่อยใจ "ฉันต้องคำอธิบายของคุณ ตอนนี้!" เวลานี้ เธอแทบไม่สามารถควบคุมอารมณ์ของตนเองได้ เธอสบัดมือของพิมทิ้ง แล้วง้างมือขึ้นเพื่อที่จะตบมาร์วิน เขายังคงไม่หลบ แต่ผู้หญิงคนนั้นกลับเข้ามาขวาง แต่เพราะความขาดสติ เธอจึงผลักเธอทิ้งไป "อ๊า!" เสียงของเธอร้องดังขึ้น "พิมๆ คุณเป็นอะไรไหม?" "มาร์วิน ฉันเจ็บๆ ท้องของฉัน ฉันอาจจะแท้งลูกก็ได้ เรากำลังจะเสียลูกค่ะมาร์วิน" เขาผลักเธอล้มลงบนพื้น เธอมองแววตาเป็นห่วงของเขาที่มีต่อผู้หญิงคนนั้น มาร์วินอุ้มผู้หญิงคนนั้นเอาไว้ ในมือของเขาเปื้อนเลือด แล้วรีบวิ่งไปหาหมอ ความเจ็บปวดของร่างกาย ไม่สามารถเทียบกับความเจ็บช้ำของหัวใจได้ พื้นที่ผู้หญิงคนนั้นล้มลงเต็มไปด้วยเลือด วินาทีนั้นเอง เธอพึ่งได้สติและพึ่งรู้ตัวว่าตนเองทำอะไรลงไป บริเวณทางเดินของโรงพยาบาล มาร์วินนั่งพิงกำแพงเอาไว้ เขาหยิบบุหรี่ออกมาสูบ เพื่อคลายความเครียด เขาเรียนต่อต่างประเทศมานานหลายปี และเธอเองก็มักจะมาเยี่ยมเขาปีละหลายครั้ง แต่เธอกลับไม่เคยรู้เลยว่าเขาสูบบุหรี่ หลังจากที่เข้าไปคุยกับมาร์วิน ญาดาก็เข้าใจแล้วว่าเกิดอะไรขึ้น มาร์วินกับพิมเจอกันที่งานเลี้ยง และด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์ทำให้เขากับพิมมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกันในคืนนั้น ไม่นานพิมก็พึ่งรู้ตัวว่าตนเองท้อง เธอไม่กล้าบอกเขา แต่สุดท้ายเธอก็ตัดสินใจบอกตอนที่ท้องได้สามเดือน ซึ่งก็หมายความว่า ตอนที่เขาสารภาพรักกับญาดานั้น เขาไม่รู้ว่าพิมท้อง เขาไม่ได้หลอกเธอ และไม่ได้เล่นกับความรู้สึกของเธอ "ญาดา คุณกลับไปเถอะ!ผมเป็นคนผิดเอง" เขาหยิบบุหรี่มาสูบอีกหนึ่งมวน เขายังคงอยากจะเลิกกับเธอ แต่เธอไม่ยอม จะยอมได้อย่างไรละในเมื่อเธอรักเขามาก! ญาดารักมาร์วินหมดทั้งหัวใจ เธออยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีเขา ญาดาพูดด้วยเสียงสั่นเทา "คุณ......คุณสามารถบอกให้พิมคลอดเด็กคนนี้ออกมา และก็สามารถเลี้ยงลูกไปพร้อมกับเธอ ญารับได้ค่ะ และญาก็จะช่วยคุณดูแลลูกด้วย ญายอมไม่มีลูกเป็นของตนเองก็ได้ ขอแค่วินแต่งงานกับญาและไม่แต่งงานกับผู้หญิงคนนั้น!ได้ไหมคะ?" เธอย่อตัวลงนั่งตรงหน้าเขา เธอไม่เคยทำเรื่องแบบนี้มาก่อน เขารู้ ว่าเธอเป็นคนยังไง เธอไม่เคยยอมลดตัวมาทำอะไรแบบนี้แน่นอน มาร์วินเอื้อมมือเช็ดน้ำตาของเธอ "ญาดา ผมขอโทษ คุณอย่าทำแบบนี้เพื่อผมเลย อย่าเสียเวลากับคนอย่างผม!” "ไม่ค่ะ ญารักวินมากแค่ไหนวินรู้ดีที่สุด ญารอวินมาตั้งหลายปี ในที่สุดวินก็มาสารภาพรักกับญา ญาจะไม่ยอมแพ้ ขอร้องนะวิน อย่าทิ้งญาไป!” เธอไม่เกรี้ยวกราดเหมือนตอนแรกอีกแล้ว ตอนนี้เธอกลายเป็นหญิงสาวที่อ่อนแอและต้องการความรัก เธอกลัวว่าผู้ชายคนนี้จะทิ้งเธอไป เขาผลักเธอออกมาเบาๆ แต่เธอไม่ยอม เธอโผลเข้ากอดเอวของเขาจากด้านหลัง ซบหน้าเอาไว้ตรงแผ่นหลังที่กว้างนั้น "ญาไม่เป็นไร ไม่เป็นไรจริงๆค่ะ!” แต่เขาก็ยังแกะมือของเธอออก "ต่อให้ไม่มีเด็กในท้องของพิม เราก็ไม่มีวันรักกันได้ อย่าลืมสิว่าเราเป็นพี่น้องกัน!” หนึ่งเดือนผ่านไป แม่ของฉันโทรมาขณะที่ฉันพึ่งนอนตื่น แม่บอกกับฉันว่า เดือนหน้าวันที่สามพี่่ชายของฉันจะกลับมาจากต่างประเทศเพื่อจัดงานแต่ง เธอบอกให้ฉันลางาน แล้วมาช่วยเตรียมงานที่บ้าน เขาแต่งงานแล้วให้ฉันที่เป็นแฟนเก่าช่วยเตรียมงาน? มีอะไรที่มันจะแย่กว่านี้อีกไหม? ฉันตอบแม่ด้วยเสียงที่ยังแหบเพราะพึ่งตื่นนอน "หนูไม่กลับไปค่ะ ช่วงนี้ยุ่งๆ" เมื่อคนเป็นแม่ได้ยินก็พูดเสียงสูงทันที "แกจะไม่กลับมาได้ยังไง ถ้าแกทำแบบนั้นคุณลุงสุชาติคงจะเสียใจมาก อีกอย่างมาร์วินก็ดีกับแกมาก ถ้าแกไม่มาร่วมงานแต่งของเขา เขาคงเสียใจมาก" ตอนที่แม่บอกว่าถ้าฉันไม่กลับไป จะทำให้มาร์วินเสียใจ ฉันอยากจะตอกกลับไปจริงๆ ว่าถ้าฉันกลับไปร่วมงาน ทั้งฉันและพี่คงอึดอัดกันแน่ ตอนกลางคืนหลังจากเลิกงานแล้วนั้น เพื่อนๆชวนกันไปเที่ยวพักผ่อนเชียงรายสองสามวัน ฉันที่ตอนนี้ไม่มีอะไรทำ ก็เลยไปกับพวกเขา ขณะที่กำลังเก็บกระเป๋าอยู่นั้น คุณลุงสุชาติก็โทรมา เขาคือพ่อใหม่ของฉันเอง "ญาดา พี่ใหญ่ไปดูงานที่เชียงใหม่ เราก็บินกลับมาพร้อมกับพี่ใหญ่เลยสิ!” แต่เธอเกลียดผู้ชายคนนี้มาก สายตาของเขาที่มองมาทุกครั้งเต็มไปด้วยการดูถูก ดูถูกทั้งฉันและแม่ของฉัน ความสัมพันธ์ของฉันกับพ่อใหม่ก็ธรรมดา ฉันเคารพและให้เกียรติเขา ครั้งนี้พ่อเลี้ยงเป็นคนโทรหาฉันด้วยตนเอง ฉันก็ไม่สามารถปฏิเสธได้ "ได้ค่ะ" เช้าวันที่สอง คนขับรถของคีรินก็มารับฉันไปที่ห้องรับรองพิเศษในสนามบิน เมื่อไปถึงทุกคนในห้องยืนขึ้นกันหมด มีแต่คีรินที่นั่งเอาไว้ เขาสวมชุดสูทสั่งตัดสีดำ ในมือของเขาถือนิตยสารธุรกิจเอาไว้ ถึงแม้ว่าฉันจะเกลียดเขามาก แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้จริงๆ ว่าเขาเป็นผู้ชายที่หน้าตาดีและหุ่นก็ดีมากด้วย ตอนนี้ฉันรู้สึกว่าตัวเองคือคนที่ซวยที่สุดแห่งปี ทั้งที่เป็นวันหยุดยาวแต่กลับถูกแม่บังคับให้ไปงานแต่งผู้ชายที่ฉันรัก แค่นั้นยังไม่พอ ฉันยังต้องนั่งเครื่องกลับไปพร้อมกับคีริน และไม่ได้นั่งเครื่องบินธรรมดาทั่วไปแต่กลับนั่งเครื่องบินส่วนตัวของเขากลับไป ฉันกับเขาเราไม่เคยญาติดีกันมาก่อน เราเจอกันล่าสุดตอนวันปีใหม่ ถ้าเป็นเมื่อก่อน ฉันอาจจะยอมเรียกเขาว่าพี่ใหญ่ แต่ตอนนี้เรียกออกไปแบบนั้นไม่ได้จริงๆ เพราะฉันคงอ้วกแน่ๆถ้าต้องเรียกแบบนั้น อีกอย่างคีรินเองก็คงไม่อยากให้ฉันเรียกเขาแบบนั้นเหมือนกัน เพราะเขาเกลียดฉัน และฉันเองก็เกลียดเขามาก ในเมื่อต่างก็เกลียดกัน ก็เลยไม่ต้องแสร้งมาทำดีต่อกัน คีรินเงยหน้าขึ้นมองฉันโดยไม่พูดอะไร แววตาของเขาเต็มไปด้วยความรังเกียจ จากนั้นก็ก้มหน้าอ่านนิตยสารธุรกิจของตนเองต่อ ฉันที่กำลังมองหาที่นั่ง แต่ไม่มีใครสนใจ และบังเอิญตอนที่ฉันหันกลับไปดันชนเข้ากับเลขาของคีรินซึ่งกำลังยกกาแฟมาเสริฟ กาแฟในมือเลขาจึงหก เคราะห์ซ้ำกรรมซัดจริงๆ กาแฟนั่นดันหกใส่กางเกงของคีริน ฉันอยากจะประสาทกับเรื่องที่เกิดขึ้นจริงๆ ฉันทำได้แค่บอกขอโทษเขาโดยไม่เต็มใจ "ขอโทษ" หันไปหยิบทิชชู่เพื่อที่จะเช็ดให้เขา แต่เขากลับผลักฉันออก แล้วพูดสั้นๆด้วยน้ำเสียงเย็นชา "อย่าแตะต้องตัวฉัน!” " "อย่าแตะต้องตัวฉัน!" นี่คือคำเดียวที่เขาพูดกับฉันตลอดสิบปีที่ผ่าน ฉันจึงรีบชักมือกลับเดินไปนั่งด้านหลัง ปล่อยให้เลขาของเขาจัดการ ไม่นานเครื่องบินก็เคลื่อนตัวออกไป สองคนแรกที่ฉันเห็น ทำให้ฉันหัวเสียมาก มาร์วินผู้ชายที่ฉันรักมากที่สุด กำลังประคองภรรยาของเขาอยู่ ตอนที่เห็นภาพนั้น น้ำตาของฉันก็ไหลลงมาอย่างไม่รู้ตัว ฉันรีบเช็ดน้ำตาของตัวเอง เพราะไม่อยากให้เใครเห็น "คุณญาดา!บังเอิญจังเลยนะคะ!" พิมพิชาตั้งใจพูดเสียงดัง ฉันไม่ได้เงยหน้าขึ้นตอบเธอ แต่ยังคงเล่นโทรศัพท์ของตนเองต่อไป เพราะไม่อยากให้ใครเห็นว่าตอนนี้ตาของฉันกำลังแดง ส่วนคีรินนั้นดูหัวเสียที่ฉันเสียมารยาทกับน้องสะใภ้ของเขา ประโยคที่สองที่เขาพูดกับฉันกลับเป็นคำว่า "ไปนั่งด้านหลัง!อยู่นี่เกะกะ!" ฉันยังคงก้มหน้าดูโทรศัพท์ แล้วเดินไปด้านหลังสุด แต่น้ำตากลับไม่ยอมหยุดไหล หึ!ทำไมฉันถึงอ่อนแอแบบนี้ ฉันไม่กล้าแม้แต่จะมองหน้ามาร์วิน เพราะกลัวว่าคนอื่นจะเห็นความอ่อนแอของฉัน คีรินมองหน้าน้องชายคนเดียวของตนเองที่ตอนนี้ดูอารมณ์ดี เขาจึงยิ้มแล้วหันไปพูดกับมาร์วิน "นายนี่มันเก่งจริงๆ!กล้าแต่งงานมีลูกก่อนพี่ พี่ดีใจกับนายด้วยนะ" แต่น้ำเสียงที่ตอบกลับของมาร์วินดูเศร้าๆ "พี่ใหญ่ครับ งานแต่งของผมเอาเรียบๆธรรมดาๆก็พอแล้ว ผมไม่ชอบอะไรที่วุ่นวาย!" "งานแต่งของน้องชายคนเดียวจะธรรมดาได้ยังไง อีกอย่างถ้าเราจัดงานแต่งเล็กๆ คนที่บ้านของพิมคงไม่พอใจ นายกับพิมเหมาะสมกันมาก และโชคดีที่คนที่แกรักกับครอบครัวเราฐานะเหมาะสมกัน คุณย่ากับคุณพ่อเลยไม่ว่าอะไร" เสียงของคีรินไม่ดังมาก แต่ฉันรู้สึกว่าเขาจงใจพูดให้ฉันได้ยิน แต่เรื่องระหว่างฉันกับมาร์วิน ไม่มีใครรู้ ฉันคิดว่าคีรินก็คงไม่รู้เหมือนกัน ที่ฉันรู้สึกแบบนี้คงเพราะคิดไปเอง แต่คำพูดของคีรินย้ำเตือนให้เธอรู้ มาร์วินพูดถูก ต่อให้พิมพิชาไม่ท้อง เรื่องระหว่างเราก็เป็นไปไม่ได้ ฉันเป็นแค่คนธรรมดาที่ฐานะยากจน แตกต่างกับเขาที่เป็นลูกของคนในตระกูลใหญ่ และแม่ของฉันก็เป็นคนรักของพ่อเขา แม่ของฉันรักและอยู่กับพ่อเขามาสิบแปดปีแล้ว แต่พวกเขาก็ยังไม่เคยจดทะเบียนสมรสกัน เวลานั้น ตอนที่คุณหญิงย่าอนุญาตให้ฉันกับเข้ามาอยู่ในบ้านได้ แต่มีเงื่อนไขอยู่อย่างหนึ่ง ซึ่งก็คือแม่กับคุณลุงสุชาติห้ามจดทะเบียนสมรสกัน และฉันกับแม่ก็เข้ามาในฐานะคนรับใช้ของครอบครัวนี้ ฉันไม่ควรคิดอะไรกับมาร์วินตั้งแต่แรก ฉันรนหาที่เอง ฉันหยิบกระดาษทิชชู่ออกมาซับน้ำตา ร้องไห้แล้วจะทำให้อะไรดีขึ้น? มาร์วินก็ไม่มีวันกลับมาจริงไหม? ตอนที่ฉันอยู่ในภวังค์ของตนเองนั้น พิมพิชชาก็เรียกชื่อฉัน ฉันไม่ได้ตอบ เธอจึงเรียกีกครั้ง "ญาดา มานั่งข้างหน้าสิ มาคุยกับทุกคน นั่งข้างหลังคนเดียวไม่เหงาหรอ!” ฉันเงยหน้าขึ้นมองเธอ แล้วตอบกลับไป "ไม่เป็นไรค่ะ ฉันเหนื่อย อยากนั่งพักข้างหลัง" สายตาที่คีรินมองมานั้นเต็มไปด้วยความสะใจ แต่มาร์วินจนถึงตอนนี้เขาก็ยังไม่แม้แต่จะหันมามองหน้าฉัน คีรินพูดขึ้น "น้องพิม เจ้านายกับคนรับใช้ต่างกัน ใครนั่งที่ไหน เราต้องแบ่งแยกให้ชัดเจน" พิมพิชาแกล้งทำใสซื่อ แล้วถามคีริน "ญาดา คือลูกเลี้ยงของคุณพ่อไม่ใช่หรอคะ เป็นน้องสาวของพี่คีรินกับมาร์วิน แล้วจะเป็นคนรับใช้ได้ยังไงคะ?" คีรินมองมาที่ฉันแล้วส่งสายตาเหยียดมาให้ "เราไม่เคยรับเด็กผู้หญิงมาเลี้ยง น้องพิมคงเข้าใจผิดแล้วครับ" คีรินตอบ "จริงหรอคะ?" "พอได้แล้ว หยุดพูดเถอะครับ" มาร์วินพูดขึ้น น้ำเสียงของเขาดูโมโหเล็กน้อย ฉันที่ได้ยินสิ่งที่พวกเขาพูดกันนั้น ก็ทำหน้านิ่งแล้วหลับตาลง หลังจากที่เครื่องบินจอดลง คีรินกับมาร์วินและพิมนั่งรถคันหน้า ส่วนฉันกับพนักงานคนอื่นๆนั่งคันหลัง เมื่อไปถึงบ้านของตระกูลสุขสำราญ คุณลุงสุชาติกับคุณหญิงศิรินดาพาแม่ของฉันและสาวรับใช้ในบ้านมายืนต้อนรับลูกสะใภ้อยู่หน้าบ้าน ฉันอยากจะหายไปจากที่นี่จริงๆ อยากจะตรงไปที่ห้องของตัวเอง แต่สถานการ์ตอนนี้ฉันทำแบบนั้นไม่ได้ มิหนำซ้ำฉันร้องไห้ตอนอยู่บนเครื่อง ตอนนี้ตาของฉันคงจะแดงมาก แล้วแม่ของฉันก็ยังมาดึงตัวฉัน ไปสวัสดีคุณลุงสุชาติกับคุณหญิงศิรินดาอีก ฉันได้แต่ยอมทำตามแต่โดยดี "คุณลุงสุชาติ คุณหญิงศิรินดา สวัสดีค่ะ" ฉันไม่สามารถเรียกคุณหญิงว่าคุณย่าเหมือนคีรินกับมาร์วินได้ เพราะท่านไม่อนุญาติ ฉันเองก็ยินดี เพราะฉันก็ไม่ได้อยากจะเรียกเท่าไหร่ คุณลุงสุชาติยิ้มอย่างอบอุ่นให้กับฉัน "กลับมาแล้วหรอหนูญาดา เข้าไปพักด้านในก่อนสิ!” ฉันเดินตามแม่เข้าไปในห้องเล็กๆที่ฉันอยู่ แม่จับหน้าของฉันแล้วพูดขึ้นด้วยความเป็นห่วง "เป็นอะไรไปลูก ทำไมผอมแบบนี้ แล้วทำไมตาของลูกถึงแดง ลูกร้องไห้หรอ?" ฉันรีบคิดหาข้ออ้างอื่น "ไม่ได้ร้องค่ะ ช่วงนี้หนูทำงานหนักไปหน่อยค่ะ ตาก็เลยอักแสบ เดี๋ยวไม่นานก็หายค่ะ แม่รีบออกไปเถอะ!หนูเหนื่อยอยากนอนพักสักงีบค่ะ" "แม่คะ เดี๋ยวตอนกินข้าวไม่ต้องเรียกหนูนะคะ หนูไม่อยากกิน แม่ก็บอกพวกเขาไปว่าหนูเมาเครื่อง" ฉันไม่อยากเผชิญหน้ากับคนใสครอบครัวนี้จริงๆ "ทำแบบนั้นได้ยังไงลูก คุณลุงสุชาติจะเสียใจเอานะ เชื่อฟังแม่นะคนดี" แม่พูดจบแล้วเดินออกไป แม่สนใจความรู้สึกของคุณลุงสุชาติแค่คนเดียว แม่ไม่เคยถามว่าฉัน คนที่เป็นลูกสาวว่ารู้สึกยังไงบ้าง สุดท้าย ฉันก็ไปร่วมโต๊ะอาหารค่ำกับพวกเขา คุณลุงสุชาตินั่งอยู่หัวมุมของโต๊ะ ตอนนี้เขาดูมีความสุขมาก เพราะลูกชายคนที่สองแต่งงานกับผู้หญิงที่มาฐานะเท่าเทียมกับครอบครัว อีกทั้งยังตั้งท้องด้วย เขาหันไปบอกกับคีริน "น้องชายของแกกำลังจะแต่งงานมีลูกแล้ว แกต้องเร่งมือเข้า ตอนนี้แกก็อายุไม่ใช่น้อยๆ สามสิบเอ็ดแล้วนะ" คีรินยิ้มแล้วตอบ "ผู้หญิงที่เหมาะสมกับครอบครัวเราและเราสองคนต้องรักกัน หาไม่ได้ง่ายๆนะครับ" ฉันที่นั่งฟังอยู่อยากจะหัวเราะ แล้วกินข้าวในจานของตนเองต่อไป "มาร์วินตักกับข้าวที่พิมชอบให้เธอด้วยสิ อย่ามัวแต่นั่งเหม่อ" เสียงของคิรินดังขึ้น "มาร์วินฉันอยากดื่มน้ำซุป คุณช่วยตักให้ฉันหน่อยได้ไหมคะ" พิมพิชาทำเสียงหวาน ฉันรู้สึกเหมือนมีดกำลังกรีดหัวใจของฉันอยู่ "วรรณ ญาดาเองก็ไม่เด็กแล้วใช่ไหม!” คุณลุงสุชาติถามแม่ของฉัน ฉันรู้สึกว่ากำลังจะมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้น อย่าบอกนะว่าอยากจะหาสามีให้ฉันอีกคน "ปีนี้ญาดาอายุยี่สิบสามแล้วค่ะ เธอไม่เด็กแล้วค่ะ วรรณเองก็อยากให้คุณกับคุณหญิงท่านแนะนำคนดีๆให้เหมือนกันค่ะ" แม่ของฉันบอกกับคุณลุงสุชาติเสียงหวาน "ลูกชายของพ่อครัวที่บ้าน อายุพอๆกับลูกสาวของเธอ ฉันว่าเด็กหนุ่มคนนั้นกับลูกสาวเธอเหมาะสมกันดี เป็นผู้หญิงเป็นนาง พออายุมากแล้วมาอาศัยบ้านคนอื่นคงจะไม่ดี อีกอย่างที่บ้านยังมีผู้ชายตั้งสองคนทั้งคีรินกับมาร์วิน การที่มีผู้หญิงที่ไม่ใช่ญาติมาอยู่บ้านเดียวกัน คงไม่เหมาะเท่าไหร่" คุณหญิงหันไปบอกกับแม่ฉัน ทั้งคุณหญิงและคิรินต่างก็เหมือนกัน พวกเขาเอาแต่ดูถูกฉันกับแม่ สีหน้าของแม่ไม่ดีเท่าไหร่นัก ทั้งที่เธออยากถือโอกาสนี้ให้คุณลุงสุชาติหาผู้ชายดีๆมาให้ลูกสาว แต่กลับไม่คิดว่าคุณหญิงท่านจะให้ฉันแต่งงานกับลูกชายพ่อครัว "คุณย่าครับ น้าวรรณครับ ญาดายังเด็กอยู่เลย อีกอย่างตอนนี้ก็ยุคสมัยไหนกันแล้ว ถ้าญาดาเจอคนที่รักและชอบ เธอก็คงคบกับเขาแล้ว คุณย่ากับน้าวรรณไม่ต้องเป็นห่วงหรอกครับ" มาร์วินหันมามองฉัน แล้วพูดขึ้น แต่ฉันกลับไม่รู้สึกดีแต่อย่างใด ฉันรู้สึกว่าตนเองน่าสงสาร เขาต้องแต่งงานกับผู้หญิงมีฐานะ ส่วนฉันกลับเหมาะสมกับลูกชายพ่อครัว มาร์วินดีกับฉันมาก และนี่ทำให้คุณหญิงกับคีรินไม่ชอบใจ หลังจากกินอาหารค่ำเสร็จ ทุกคนในครอบครัวนั่งอยู่ในห้องรับแขก พวกเขานั่งล้อมกันแล้วพูดคุยกับเด็กในท้องของพิมพิชา ส่วนฉันกับแม่ ไม่ว่าเราจะอยู่ที่นี่มานานแค่ไหน ก็เป็นได้แค่คนนอก ฉันเดินขึ้นไปบนชั้นสาม กลับไปยังห้องนอนเล็กๆของตนเอง แต่สายตาเหลือบไปเห็นโทรศัพท์สีดำเครื่องหนึ่ง ดูแล้วไม่น่าใช่ของแพงอะไร ฉันเลยคิดว่าเป็นของคนรับใช้ในบ้าน ฉันเก็บมันขึ้นมาแล้วจะเอาไปให้พ่อบ้าน เพื่อถามว่าคนรับใช้คนไหนทำตกเอาไว้ หันหลังเดินลงบันไดก็เห็นน้าแก้ว เธอทำหน้าดุแล้วมองมาที่ฉัน "โทรศัพท์ของคุณชายใหญ่มาอยู่ในมือเธอได้ยังไง" คิดไม่ถึงว่าโทรศัพท์เครื่องสีดำที่ไม่มีโลโก้นี้จะเป็นของคีริน ดูแล้วคงไม่ใช่โทรศัพท์เถื่อน แต่เป็นโทรศัพท์ที่สั่งทำพิเศษขึ้นมา "หนูเก็บได้หัวบันไดชั้นสอง ที่แท้ก็เป็นของคุณคีรินนี่เอง นี่ค่ะ เดี๋ยวน้าแก้วเอาให้คุณคีรินทีนะคะ!” ฉันบอกแล้วยื่นโทรศัพท์ให้น้าแก้ว น้าแก้วรับมันไว้ ประจวบเหมาะกับที่คีรินเดินมาพอดี เขาหันไปพูดเสียงเรียบกับน้าแก้ว "เอาซิมออกมาให้ผม ส่วนโทรศัพท์ก็โยนทิ้งไปเลย" ฉันหัวเราะในใจ ต้องทำกันถึงแบบนี้เลยหรอ ฉันก็แค่แตะต้องโทรศัพท์ของเขาก็เท่านั้น แต่เขาคิดที่จะทิ้งมันเลย หึหึ...... สำหรับเขา ฉันคงสกปรกมากสินะ ฉันนึกถึงคำพูดที่ได้ยินตอนลงจากเครื่อง เขาบอกกับเลขา "เปลี่ยนเก้าอี้ทุกตัวบนเครื่องซะ ถึงแม้เขาจะไม่ได้พูดเสียงดัง แต่ฉันก็ได้ยินชัดเจน ดังนั้นตอนที่นั่งร่วมโต๊ะอาหารกับครอบครัวเขาเมื่อตอนค่ำ ไม่ว่ากับข้าวอะไรที่เขาตัก ฉันก็จะไม่มีวันตักมากิน ไม่อย่างนั้นคุณชายคนนี้คงไม่ยอมกินอาหารที่ฉันเคยตักแน่ๆ ฉันที่กำลังจะเดินขึ้นบันได เขาก็พูดขึ้น "เธอลืมไปแล้วหรอ ว่าควรใช้บันไดตัวไหน!” บ้านหลังนี้ใหญ่มาก บันไดขึ้นไปชั้นบนจึงมีสองทาง ทั้งทางซ้ายและทางขวา บันไดทางขวา เป็นฝั่งที่เจ้านายใช้ขึ้นลง ส่วนบันไดทางซ้าย เป็นฝั่งที่คนงานใช้ ความเกลียดที่เขามีต่อฉัน นี่มันไม่แสดงออกชัดเจนไปหน่อยหรอ ฉันอยู่หอตั้งแต่มัธยมต้น และพยายามจะไม่กลับบ้าน ทุกครั้งที่กลับมาก็ไม่เจอเขา พอเวลาผ่านไปฉันจึงไม่คิดว่าตนเองคือคนรับใช้ของครอบครัวนี้ และแน่นอนฉันก็ไม่เคยคิดว่าฉันคือเจ้าของบ้านหลังนี้ วันนี้คำพูดของเขา มันย้ำเตือนให้ฉันรู้ว่า สำหรับครอบครัวนี้ พวกเขาดูถูกฉันเสียยิ่งกว่าคนรับใช้ ฉันเดินไปตรงหน้าของเขา นี่เป็นครั้งแรกในรอบสิบปี ที่ฉันกล้ามองหน้าเขาตรงๆแบบนี้ "ขอโทษด้วยนะคะ คุณชายใหญ่ ฉันลืมตัวค่ะ" นี่คือประโยคแรกที่ฉันพูดกับเขาในรอบสิบปี "แล้วตอนนี้เธอจำได้รึยังล้ะ? หึ!” เขาเดินผ่านหน้าฉันไป ฉันเดินลงบันได แล้วใช้บันไดอีกฝั่งเดินขึ้นไปบนห้อง หนังสือ“เล่ห์รักนายซาตาน”รีบอ่านเนื้อหาสนุกที่มากก
已经是最新一章了
加载中
下载 LoveNovel
海量小说享免费阅读
立即下載
需支付:
0.00
เล่ห์รักนายซาตาน
去登录
APP免费观看
自动购买下一章
余额:
0
充值
0
领星星
取消
发布
A
A
A
A
A