2
คำสั่ง
สาลี่ชิ้นแรกที่ทอฟ้าปอกถูกวางในจานสีขาว เฟอร์ทรีซหยิบมาใส่ปาก สีหน้าเบิกบานจนทารีฟที่เฝ้าสังเกตเห็นกลั้นยิ้มกับท่าทางราวเด็กได้
ของเล่นถูกใจ อีกทั้งดวงตาสีอินทผลัมไม่ละจากดวงหน้าหวานของทอฟ้า พี่ชายของเขาไม่เคยเป็นแบบนี้กับผู้หญิงคนใดมาก่อน
ชักอย่างไร ๆ เฟอร์ทรีซ คาลิฟา อัจมาน กำลังคิดอะไรกับพยาบาลทอฟ้าใช่ไหม
“คุณทานสิ” เฟอร์ทรีซชวนพยาบาลสาวหน้าหวานที่ตั้งหน้าตั้งตาปอกสาลี่จนไม่กล้าเงยหน้ามองมหาเศรษฐีดูไบที่อารมณ์กำลังดีเกินไป
“ขอบคุณค่ะ คุณทานเถอะ” เธอตอบเสียงนุ่มนวลตามนิสัย ช้อนตาขึ้นเป็นเชิงถามว่าเขาจะกินอีกไหม
“ปอกอีกลูก หวานดีพอเป็นคุณปอก” เฟอร์ทรีซบอกน้ำเสียงกรุ้มกริ่ม แววตาพราวแพรว
ทารีฟอมยิ้ม ไม่อยากเชื่อว่า พี่ชายต่างมารดามีมุมนี้ด้วย
นัยน์ตาคมกริบสีอินทผลัมละจากดวงหน้าหวานที่ก้มหน้าปอกสาลี่ มาสนใจทรวงอกกลมกลึงที่กะขนาดน่าจะคัพดี เอวคอดกิ่วที่เขาโอบกอดจนแนบแน่น อีกทั้งเนื้อตัวของเธอหอมจรุงใจ
ทำไงดี! ร่างกายส่วนล่างของเขาตื่นตัว มือหนาที่มีเฝือกเลื่อนมาวางบนตักตัวเองเพื่อกำราบบางอย่างที่ไม่เชื่อฟังให้คลายความตึงตั้งลง พร้อมความคิดหวามไหวของเฟอร์ทรีซที่อยากเอาหน้าหล่อ ๆ ซุกไซ้อกอวบ พร้อมกดร่างของทอฟ้าลงบนโซฟาเดี๋ยวนี้เลย!
พลันนิ้วมือของทอฟ้าและเฟอร์ทรีซสัมผัสกันขณะที่กำลังหยิบสาลี่จนเกิดไฟฟ้าสถิต! ทำให้สาลี่ในมือทอฟ้าร่วงลงพื้น อารามตกใจทอฟ้าขอโทษขอโพยน้ำเสียงตะกุกตะกัก
“ขอโทษค่ะ เดี๋ยวดิฉันปอกให้ใหม่ค่ะ” เธอรีบปอกชิ้นใหม่ มือไม้สั่นนิด ๆ จึงไม่เห็นรอยยิ้มพึงใจของเฟอร์ทรีซกับท่าทางขี้กังวลของทอฟ้า
คนไข้เจ้าเล่ห์เคี้ยวสาลี่พลางสำรวจร่างกายพยาบาลสาวหน้าหวานไม่วางตา
ครั้นทานสาลี่ลูกที่สองหมดลง ทอฟ้าก็ตั้งใจว่าจะขอตัวกลับไปทำงาน เพราะหายมานาน เกรงพยาบาลคนอื่นคิดว่าเธอหลบมาอู้
“พาผมไปสูดอากาศตรงระเบียงที” คำสั่งของคนตัวโต เอาแต่ใจ พร้อมลุกขึ้นยืนเต็มความสูงทำให้ทอฟ้ากลืนคำพูดที่ตั้งใจลงไป
“เดี๋ยวผมพาพี่ไปเองครับ” ทารีฟอาสา เพราะอยากดูแลพี่ชายต่างมารดาบ้าง
“นายไม่ต้อง มันเป็นหน้าที่ของพยาบาลทอฟ้า” น้ำเสียงและแววตาตำหนิทารีฟที่เสนอหน้าไม่ดูเวลา
เวลานี้เขาอยากใกล้ชิดทอฟ้า
คนเป็นน้องจำต้องสงบปากสงบคำ เพราะมั่นใจแล้วว่า เฟอร์ทรีซสนใจทอฟ้า
ด้านคนถูกสนใจกลับยืนนิ่งไม่ขยับมองเฟอร์ทรีซที่ข้อมือขวาถูกใส่เฝือก แขนอีกข้างมีสายน้ำเกลือห้อยอยู่ ทอฟ้าถอนใจเบา ๆ อย่างควบคุมอารมณ์ ที่ผ่านมาเธอเจอคนป่วยเอาแต่ใจมาก็เยอะ แต่ไม่เคยเจอคนป่วยเอาแต่ใจ เผด็จการ ชอบออกคำสั่งให้เธอทำโน้นนี่แบบเขาคนนี้
“งั้นดิฉันจะไปเอารถเข็นค่ะ”
ขณะที่ทอฟ้ากำลังจะหมุนตัวออกไป เสียงทุ้มทรงอำนาจก็เอ่ยทักท้วง
“ไม่ต้อง คุณคอยประคองก็พอ”
‘ประคองหรือ? แขนเขาเจ็บไม่ได้ขาหักซะหน่อย’ คำพูดที่ติดอยู่ในใจ ทว่าคนป่วยกลับหยั่งรู้
“ผมรู้คุณเห็นผมแขนเจ็บ แต่ผมไม่ได้ลุกเดินไกล ๆ มาหลายวัน เผื่อขาผมหมดแรงคุณจะได้ประคองทัน” อธิบายอย่างมีเหตุผล
“งั้นยิ่งควรไปเอารถเข็นค่ะ เพราะถ้าคุณล้ม ดิฉันจะถูกตำหนิได้ค่ะ” ทอฟ้าแย้งน้ำเสียงสุภาพ
“มีคุณข้าง ๆ ก็เหมือนผมนั่งรถเข็นนั่นแหละ” คำพูดกวนประสาทของเฟอร์ทรีซ ทำทอฟ้าเม้มปากแน่น ดูเขาเปรียบเทียบเข้า พยาบาลสาวข่มอารมณ์นับหนึ่งถึงร้อยในใจ พยายามมองข้ามความเอาแต่ใจและชอบบังคับของคนป่วยหล่อเหลารายนี้
“แต่...”
“เลิกเถียง แล้วมาประคองผม” คนเอาแต่ใจตีหน้าขรึม ไม่พอใจ
ทอฟ้าที่เถียงเขาไม่เลิก
ทารีฟมองพี่ชายต่างมารดาที่กลายเป็นคนไม่มีเหตุผลตั้งแต่มีทอฟ้ามาดูแลแล้วรู้สึกขำนิด ๆ
ด้านคนรักในอาชีพจำต้องเงียบเฉย ทอฟ้าตรงเข้าไปจับเสาน้ำเกลือแทนที่จะประคองเฟอร์ทรีซตามคำสั่ง
“มาประคองผม เสาน้ำเกลือมันไม่ได้เจ็บ” เสียงติติงของเฟอร์ทรีซทำทอฟ้าลอบค้อนนิด ๆ ก่อนเดินเข้าไปประคองเฟอร์ทรีซที่แอบยิ้มพอใจที่ทอฟ้ายอมทำตามที่ตนบอก
ระหว่างทางเดินไประเบียงสำหรับผู้ป่วยวีไอพีและพรีเมี่ยมที่อยู่คนละส่วนได้นั่งสูดอากาศเมื่อร่างกายสามารถเคลื่อนไหวได้ เฟอร์ทรีซถูกบรรดาพยาบาลสาว ๆ รวมทั้งคนไข้และญาติคนไข้มองจนเหลียวหลัง คงสะดุดความหล่อเหลา คมเข้ม และรูปร่างสูงสง่าของเขา ที่ถึงแม้จะอยู่ในชุดคนป่วยก็ไม่ได้ลดทอนความสง่างามลงเลย
ทอฟ้าเดินคู่มากับเฟอร์ทรีซจนถึงระเบียงผู้ป่วยของชั้นพรีเมี่ยมโดยทารีฟถูกสั่งห้ามตามมา ตรงจุดนั้นมีหลังคาคลุมไว้ทั่วบริเวณ เฟอร์ทรีซกวาดตามองต้นไม้ปลูกเรียงรายล้อมเป็นกรอบสี่เหลี่ยมให้ความร่มรื่นแก่คนป่วยที่มาสูดอากาศ หญิงสาวประคองเฟอร์ทรีซลงนั่งหันหน้าออกสูดอากาศร่มรื่นช่วงบ่ายของวันที่ผู้คนไม่พลุกพล่าน
“ช่วยไปซื้อกาแฟร้อนให้หน่อย” เฟอร์ทรีซหยิบธนบัตรสีม่วงในกระเป๋าเสื้อคนป่วยที่พกติดมาส่งให้ทอฟ้าที่รับคำโดยดี
ไม่นาน กลิ่นกาแฟหอมกรุ่นยี่ห้อดังในแก้วกระดาษหนาอย่างดีถูกวางลงตรงหน้าเฟอร์ทรีซอย่างนุ่มนวล
“นั่งสิ ดื่มซะ ดูคุณล้า ๆ”
ทอฟ้าเพิ่งรู้ว่ากาแฟแก้วนี้เป็นของเธอ
“ของดิฉันหรือคะ” เธอถามอย่างไม่คาดคิด
เฟอร์ทรีซพยักหน้าน้อย ๆ
“ขอบคุณค่ะ” พยาบาลหน้าหวานยกถ้วยกาแฟขึ้นเป่าเบา ๆ ก่อนยกแก้วกาแฟในมือขึ้นดื่ม โดยมีเฟอร์ทรีซมองอยู่เงียบ ๆ
ด้านทอฟ้าคิดว่าเขารู้ได้อย่างไรว่า เธออยากดื่มกาแฟ จากที่ถูกเขาเรียกเข้าไปปอกสาลี่หลังรับประทานอาหารกลางวันเสร็จไม่นาน ทำให้เธอยังไม่ได้ดื่มกาแฟเพื่อให้ร่างกายกระปรี้กระเปร่าเลย
“คุณมีแฟนหรือยัง?”
คำถามของเฟอร์ทรีซเกือบทำทอฟ้าพ่นกาแฟใส่หน้าเขา เธอรีบล้วงหยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าเสื้อออกมาเช็ดปาก หน้าพยาบาลสาวแดงซ่านไม่รู้เพราะเกือบสำลักกาแฟหรือเพราะคำถามโต้ง ๆ ของคนตัวโตที่จ้องเธอนิ่ง
“ผมเป็นคนตรง ๆ แบบนี้” พูดเพราะเพิ่งคิดได้ว่าตัวเองลืมคิดถึงมารยาท ทว่าคนถูกถามโหนกแก้มเป็นสีชมพูราวปัดบลัดออน
“ตรงไปไหมคะ คุณถามเรื่องส่วนตัว ดิฉันไม่ขอตอบ” เธอตำหนิเสียงนุ่ม ตาหล่อนี่ไร้มารยาท อยู่ ๆ มาถามเรื่องส่วนตัว เธอเมินหน้าหนีสายตาเจ้าเล่ห์กรุ้มกริ่มของเขาอย่างขัดเขิน
“ไม่ตอบก็แสดงว่าไม่มี ดี!”
คำว่า ‘ดี’ ของเฟอร์ทรีซ ทำคิ้วของทอฟ้าขมวดด้วยความไม่เข้าใจ ขณะเดียวกันจิตใจเธอสั่นไหว
“คุณหมายถึงอะไรคะ ที่ว่าดี” เธอย้อนถามเสียงแผ่ว
“ก็ดีตรงคุณจะได้ดูแลผมเต็มที่ ไม่ต้องมีแฟนให้กังวลว่าจะไม่มีเวลาให้เขา” คำพูดของเฟอร์ทรีซบอกไม่หมด ว่าไม่อยากให้ทอฟ้าใกล้ชิดผู้ชาย
คนไหน!
แค่เพียงเฟอร์ทรีซเผลอนึกภาพทอฟ้าถูกชายอื่นกอด จูบ กรามของมหาเศรษฐีดูไบก็บดกันขึ้นสันนูน หน้าตาบึ้งตึงฉับพลัน
ทอฟ้าแปลกใจ สงสัย แต่ก็ไม่กล้าถาม นิสัยของเธอไม่ชอบยุ่งเรื่องส่วนตัวโดยเฉพาะของคนไข้ เพราะลำพังเรื่องของเธอเองก็หนักหนาสาหัสแล้ว
“ดิฉันรักงานนี้ จะมีแฟนหรือไม่มีดิฉันก็ทำเต็มที่อยู่แล้วค่ะ”
ยังไม่ทันที่เฟอร์ทรีซจะพูดอะไรต่อ เสียงหนึ่งดังขึ้นขัดการสนทนาของทั้งสอง เฟอร์ทรีซแทบอยากอัดไอ้คนที่โผล่มาไม่ดูตาม้าตาเรือ
“ออกมาสูดอากาศหรือครับ” เสียงทุ้มนุ่มใจดีของศศิวัฒน์ดังมาก่อนตัว เขามาหยุดตรงหน้าเฟอร์ทรีซที่หน้าตึงจนคนทักสังเกตเห็น รู้ทันทีว่ามาผิดเวลา “ผมมาขัดจังหวะใช่ไหมครับเนี่ย” ถามอย่างเพิ่งรู้ตัวด้วยรอยยิ้มเจื่อน
“ใช่ แต่นายมาก็ดี คืนนี้ฉันอยากให้ทอฟ้านอนเฝ้า” เฟอร์ทรีซเพิ่งคิดแผนบางอย่างออก
“อะไรนะคะ/อะไรนะครับ”
สองเสียงประสานกันอย่างต่างอารมณ์และความรู้สึก ทอฟ้าตกใจกับคำขอที่ดูอย่างไรก็เป็นคำสั่ง เธอไม่อยากอยู่ใกล้เขา จากเหตุการณ์วันนี้จิตใจเธอว้าวุ่นแปลก ๆ
ด้านผู้อำนวยการสุดหล่อทำหน้าฉงน เอ่ยถามน้ำเสียงสุภาพ
“แล้วทารีฟล่ะครับ” ที่ศศิวัฒน์เรียกทารีฟเฉย ๆ เพราะอายุเท่ากัน “ฉันใช้ทารีฟไปทำธุระ คืนนี้เลยไม่มีคนเฝ้า หรือนายจะให้เมร่าห์มาเฝ้าก็ได้” ชื่อของภรรยาคนสวยทำผู้อำนวยการหล่อรีบขัดขึ้น
“ผมไม่ยอมนอนคนเดียวแน่”
เฟอร์ทรีซยิ้มอย่างผู้มีชัย เขารู้จุดอ่อนของศศิวัฒน์ อย่างไรก็ไม่ยอมให้เมร่าห์มาเฝ้าแล้วปล่อยตัวเองนอนเหงาคนเดียวอยู่แล้ว
ศศิวัฒน์เบนสายตาไปทางพยาบาลหน้าหวานที่หน้าซีดครั้นได้ยินคำขอสายฟ้าแลบ!
“ทอฟ้า ผมคงต้องรบกวนคุณนอนเฝ้าคุณเฟอร์ทรีซคืนนี้”
คนถูกขอร้องหน้าถอดสีลง เฟอร์ทรีซยกยิ้มมุมปากพึงพอใจคำสั่งของน้องเขย
ขณะทอฟ้าอดค้านออกมาไม่ได้
“ทอฟ้ากลัวดูแลคุณเฟอร์ทรีซไม่ดี เพราะวันนี้เข้าเวรตั้งแต่เช้าแล้วน่ะค่ะ”
คนป่วยเจ้าเล่ห์หงุดหงิดที่เธอแทนตัวเองกับน้องเขยด้วยชื่อ ทีกับเขา ‘ดิฉัน’ อย่างนั้นอย่างนี้ ฟังแล้วห่างเหิน มันน่าหงุดหงิดชะมัด
“ผมไม่ได้จะกวนคุณทั้งคืน” คำพูดชวนขนลุกของเฟอร์ทรีซทำแก้มเนียนของทอฟ้าระเรื่อสีทันตา
ไม่เฉพาะทอฟ้าที่หน้าแดง ศศิวัฒน์ก็สะดุดหูคำพูดของพี่เมีย ผู้อำนวยการหล่อมองคนทั้งสองสลับกันอย่างครุ่นคิด หรือว่าพี่เมียจะสนใจทอฟ้า จะใช่หรือ เฟอร์ทรีซไม่เคยรักใคร แถมหวงความโสดสุด ๆ
“งั้นเอาอย่างนี้ทอฟ้า คุณกลับไปพัก หกโมงค่อยมาเฝ้าคุณเฟอร์ทรีซ เดี๋ยวผมพาคุณเฟอร์ทรีซกลับห้องเอง” เป็นคำสั่งเด็ดขาดที่นุ่มนวลของผู้อำนวยการหล่อทำให้ทอฟ้าปฏิเสธไม่ออก
จะว่าไปเธอไม่มีธุระที่ไหนหรอก นอกจากรับอยู่เวร เฝ้าไข้ เหตุผลเพราะต้องหาเงินเก็บไว้รักษาลูกชาย เด็กชายสุดที่รัก พิริยา วัยเจ็ดขวบที่ป่วยเป็นโรคหอบหืด เข้าออกโรงพยาบาลบ่อยครั้ง เพราะเวลาอาการหนักยาพ่นช่วยไม่ได้ก็ต้องมานอนโรงพยาบาล ทำให้เธอเป็นหนี้ค่ารักษาเป็นเงินก้อนโตที่พอกพูนขึ้นจนปลดเท่าไหร่ก็ไม่หมดเสียที
คล้อยหลังทอฟ้าที่เดินไหล่ลู่กลับไปพักผ่อนที่ห้องพักไม่ห่างจากโรงพยาบาล ศศิวัฒน์หันกลับมาเห็นสายตาของเฟอร์ทรีซมองตามทอฟ้าพร้อมรอยยิ้มเย็นราวผู้ชนะเกมนี้ ผู้อำนวยการที่พ่วงตำแหน่งน้องเขยเก็บงำคำพูดไว้ ก่อนโพล่งออกมาน้ำเสียงทุ้มสุภาพเหมือนทุกครั้ง
“ผมจะพาพี่กลับห้องครับ”
ศศิวัฒน์พาเฟอร์ทรีซกลับถึงห้องพัก คนป่วยนั่งบนเตียงด้วยสีหน้าสดชื่นเบิกบานจนศศิวัฒน์ตัดสินใจพูดสิ่งที่คิดไว้ด้วยน้ำเสียงเนิบช้า
“ผมอยากให้พี่เมตตาทอฟ้า”
คิ้วดกหนาเรียงสวยของเฟอร์ทรีซขมวดเป็นปมอย่างไม่เข้าใจคำพูดของน้องเขย
“นายหมายถึงอะไร?”
“พี่ชอบทอฟ้าหรือครับ” ยังไม่ตอบคำถาม แต่ย้อนถามสิ่งที่อยากรู้
คำถามนั้นทำโหนกแก้มสากมีไรหนวดเขียวขรึมแต้มสี
ศศิวัฒน์มองอาการของเฟอร์ทรีซอย่างจับพิรุธ เห็นว่าสีหน้าท่าทางกระสับกระส่ายของคนกึ่งนั่งกึ่งนอนบนเตียงดูแปลกชอบกล
“ชอบอะไร แค่ถูกชะตา หน้าหวาน ๆ เรียบร้อยดี” คำพูดแก้ตัวของเฟอร์ทรีซ ตามด้วยสีหน้าสงบนิ่ง ซ่อนแววตาทอประกายตกใจกับคำถามของศศิวัฒน์ไว้มิดชิด ทว่าผู้ชายที่ผ่านการแต่งงานมาแล้วอย่างศศิวัฒน์มีหรือจะดูไม่ออก
ด้านคนไม่ยอมรับความจริง เผลอคิดถึงดวงหน้าหวานของทอฟ้าที่ถูกตาต้องใจตั้งแต่เห็นเธอครั้งแรกกับรอยยิ้มหวาน ๆ ที่มอบให้คนไข้ รอยยิ้มหวานนั้นตรึงใจเฟอร์ทรีซ เขาสั่งน้องเขยทำสิ่งที่ต้องการด้วยการใช้อำนาจฐานะผู้อำนวยการโรงพยาบาลย้ายทอฟ้าขึ้นมาชั้นนี้ เฟอร์ทรีซอยากใกล้ชิด อยากให้ทอฟ้าปฏิบัติกับเขาด้วยรอยยิ้มอ่อนหวานแบบนั้น
“ถ้านายคิดว่า ฉันคิดกับทอฟ้าแบบชู้สาว มันไม่ใช่ ฉันแค่ชื่นชมการทำงานของเธอที่ตั้งใจและเอาใจใส่คนไข้” เฟอร์ทรีซโป้ปดหน้านิ่งเฉย ดวงตาคมกริบไม่หลบการจับผิดของศศิวัฒน์ที่สบตาเขานิ่งฟัง
“ถ้าเป็นแบบนั้น ผมขอให้พี่เรียกทอฟ้ามาทำหน้าที่เท่านั้นครับ”
เพียงแค่ได้ยิน คนฟังที่เอาแต่ใจและมักสั่งคนอื่นตีหน้าขึงเข้มโกรธน้องเขย
“นายสั่งฉันหรือ!!”