5
รับข้อเสนอเพื่อลูก
“คุณทารีฟมาทำอะไรชั้นนี้คะ”
ทอฟ้าตกใจที่เห็นทารีฟเดินเข้ามาในห้อง ลูกชายนั้นหลับสนิทเพราะฤทธิ์ยาที่หมอให้ เธอได้ขออนุญาตศศิวัฒน์ย้ายมาดูแลคนไข้ชั้นธรรมดา และเหมือนเป็นโชคที่ได้ประจำห้องที่ลูกชายอยู่ ทำให้ไม่ต้องวิ่งไปวิ่งมาชั้นโน้นชั้นนี้ให้เหนื่อย เมื่อลูกชายหลับ เธอจึงอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่
“คุณเฟอร์ทรีซต้องการพบคุณทอฟ้า ท่านให้ผมมาเชิญคุณไปพบครับ”
“เอ่อ...” ทอฟ้าอิดออด เธอไม่อยากเจอหน้าคนฉวยโอกาส เจ้าเล่ห์ที่กล้าล่วงเกินเธออย่างไม่น่าอภัย แม้จะยังไม่มีอะไรลึกซึ้งก็ตามเถอะ
ทอฟ้าคิดว่าการพาตัวเองไปใกล้ชิดเฟอร์ทรีซ ทำให้เธอหวาดกลัว อับอายและสับสนต่อความรู้สึกตัวเองถึงขั้นหวั่นไหว
“ดิฉันฝากคุณทารีฟไปเรียนคุณเฟอร์ทรีซด้วยว่า ดิฉันไม่สะดวกไปพบ แล้วดิฉันก็ไม่มีหน้าที่ดูแลเขาแล้ว อีกอย่างไม่กล้าปล่อยลูกชายไว้คนเดียว ถ้าเขาตื่นมาไม่พบดิฉันจะงอแงค่ะ” ทอฟ้าปฏิเสธอย่างสุภาพด้วยเหตุผล เพื่อหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากับเฟอร์ทรีซ ผู้ชายฉวยโอกาส!
“ทำไมทอฟ้าไม่มา!?” ถามเสียงเกรี้ยวกราด เฟอร์ทรีซไม่พอใจมากที่รู้ว่าทอฟ้าปฏิเสธมาพบเขา
“พอดีลูกเธอตื่น เธอเลยไม่สะดวกครับ” ทารีฟช่วยแก้ตัวแทนทอฟ้า เขาสังเกตแววตาของพยาบาลสาวหน้าหวานครั้นเอ่ยถึงพี่ชาย สีหน้าทอฟ้าหวาดหวั่นชอบกล หรือพี่ชายเขาทำอะไรเธอวันที่มานอนเฝ้า
“พี่จะไปไหนครับ” ทารีฟถามลิ้นพัน เมื่อเห็นเฟอร์ทรีซก้าวพรวดลงจากเตียงไม่บอกกล่าว
“ไปหาทอฟ้า!”
เมื่อบอกจุดประสงค์จบบุรุษร่างสูงสง่าหายวับออกจากห้อง ทารีฟเร่งฝีเท้าตามออกไป
บรรดาพยาบาลตรงเคาน์เตอร์พากันแตกตื่น มองตามร่างสูงสง่าของเฟอร์ทรีซและทารีฟที่จ้ำพรวด ๆ ไม่ทักทายจนเหลียวหลัง แม้พวกเธอพยายามฉีกยิ้มหวาน ๆ ให้ ก็เหมือนเป็นสิ่งที่ไม่อยู่ในสายตาหนุ่มหล่อทั้งสอง ความหล่อของพวกเขาพาหัวใจของพยาบาลชั้นนั้นแกว่ง ทั้งปลื้ม หลงเพ้อ บางคนเก็บเอาไปฝันก็มี
“พอทอฟ้าไม่อยู่ คุณเฟอร์ทรีซก็ไม่เคยกดออดเรียกพวกเราเลย แถมหน้าบึ้งตลอด ต่างจากคุณทารีฟไม่ยิ้มแต่ไม่ดูหล่อร้ายเหมือนพี่ชาย เธอว่างั้นไหม” พยาบาลสาวที่อดเช็ดตัวเฟอร์ทรีซบ่นเสียงอ่อย หันไปขอความเห็นเพื่อนพยาบาลที่ยืนข้าง ๆ
“ก่อนทอฟ้าจะมาคุณเฟอร์ทรีซเขาก็ไม่ได้สนใจพวกเราอยู่แล้ว อย่าเอาทอฟ้ามาเกี่ยวสิ” พยาบาลอีกคนออกความเห็น ทุกคนต่างเห็นด้วย
พยักหน้าเออออ แล้วหันไปทำงานของตัวเองต่อ หยุดคิดถึงท่าทางเฉยเมยของเฟอร์ทรีซ
“ทอฟ้า! ผมมีเรื่องจะคุยกับคุณ!”
“คุณ...”
ยังไม่ทันที่ทอฟ้าจะพูดอะไร ก็ต้องตกใจเมื่อเฟอร์ทรีซโผล่มารวบมือเธอแล้วพาออกจากห้องไปแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย ไม่สนคนป่วยหรือญาติคนป่วยในห้องที่มองเขาอย่างตกตะลึงกับความหล่อคมเข้มปนดุร้ายของเฟอร์ทรีซจน
อ้าปากค้างไปตาม ๆ กัน
ครั้นออกจากห้องก็ตรงไปสั่งพยาบาลหน้าเคาน์เตอร์ชั้นนั้นด้วยน้ำเสียงทรงอำนาจราวเป็นผู้อำนวยการโรงพยาบาลนี้
“ผมมีเรื่องต้องคุยกับทอฟ้า ช่วยให้พยาบาลเข้าไปอยู่เป็นเพื่อน
ลูกชายเธอด้วย”
พยาบาลคนที่ประจันหน้ากับเฟอร์ทรีซ เหมือนนั่งรอคำสั่งโดยตรงถึงกับนิ่งอึ้ง ตะลึงกับใบหน้าเข้มคมของเขาจนพูดไม่ออก
จากเสียงเล่าลือว่าชั้นพรีเมี่ยมมีคนป่วยที่หล่อเหลาราวพระเอกบอลลีวูดชื่อดังอย่าง ‘ชารุค ข่าน’ มารักษาตัว เธอเองเพิ่งเห็นตัวเป็น ๆ ใกล้ ๆ วันนี้ จึงพยักหน้าราวคนละเมอ
เฟอร์ทรีซสั่งจบก็ผละไปพร้อมลากทอฟ้าไปด้วย
“กรี๊ด!” พยาบาลคนเดิมรีบเอามืออุดปากที่เผลอกรีดร้องออกมากับความหล่อของเฟอร์ทรีซจนลืมไปว่าทำกริยาไม่เหมาะสม
“ถ้ากรี๊ดเสร็จแล้ว ก็ไปอยู่เป็นเพื่อนลูกทอฟ้าสิ” หัวหน้าพยาบาลกำชับ เพราะรู้ฐานะเฟอร์ทรีซว่าเป็นพี่ภรรยาของผู้อำนวยการ คำสั่งเขาก็ไม่ควรละเลย ไม่งั้นจะเดือดร้อนทั้งชั้นแน่
เฟอร์ทรีซกึ่งลากกึ่งจูงทอฟ้ามาคุยในร้านกาแฟเล็ก ๆ แต่เรียบหรูที่ตั้งอยู่ในโรงพยาบาล ทารีฟจัดการซื้อเครื่องดื่มมาให้คนทั้งสองจะได้สดชื่นและใจเย็นลง ทว่าใจของเฟอร์ทรีซก็มีอันร้อนรุ่มเพิ่มขึ้นไปอีกเมื่อทอฟ้าทำท่าจะลุกหนีทั้งที่ยังไม่ได้คุยอะไรกัน
“ห้ามลุก! จนกว่าผมจะพูดจบ!” เสียงสั่งเด็ดขาดและทรงอำนาจกำลังข่มทอฟ้าจำต้องลงนั่งตามเดิมด้วยหน้าจ๋อยเจื่อนสนิท
ทารีฟเห็นพี่ชายต่างมารดาจ้องทอฟ้าอย่างเอาเรื่อง
ทอฟ้าเม้มริมฝีปากสีชมพูเป็นเส้นตรง สบตาคนตัวโตเอาแต่ใจอย่างกริ่งเกรง ทารีฟลงนั่งโต๊ะถัดไปไม่ห่างนักสามารถได้ยินการสนทนาได้อย่างชัดเจน
เมื่อเฟอร์ทรีซที่ทั้งโกรธและเสียหน้าที่ถูกทอฟ้าปฏิเสธไม่ยอมพบ พยายามข่มโทสะร้อน เคืองพยาบาลสาวสวยหน้าหวานจนเย็นลงนั่นแหละ จึงเปิดปากสนทนาด้วยน้ำเสียงแฝงอำนาจมากล้น
“ผมรู้ว่าลูกของคุณป่วยเป็นโรคหอบหืด บางครั้งถึงขั้นต้องเข้าโรงพยาบาล ฉะนั้นคุณคงต้องใช้เงินเยอะ” น้ำเสียงของเฟอร์ทรีซเนิบช้า หากแฝงอำนาจการต่อรองไม่ปิดบัง
“ค่ะ” เธอไม่แปลกใจที่เฟอร์ทรีซรู้เรื่องลูกชาย ก็เขาเป็นถึงพี่เขยของผู้อำนวยการโรงพยาบาลนี่
“ยังรู้อีกว่าคุณเป็นหนี้โรงพยาบาล หนี้ที่ชาตินี้จะใช้หมดหรือเปล่า แต่ผมมีข้อเสนอ”
ดวงตาของทอฟ้าเปิดกว้างกับคำว่า ‘หนี้’ และ ‘ข้อเสนอ’ สองตาประสานกันนิ่งชั่วครู่ ทอฟ้าสงสัยเฟอร์ทรีซรู้เรื่องหนี้ของเธอได้อย่างไร แต่ไม่กล้าถามและไม่อาจต้านทานดวงตาแข็งกร้าว กับท่าทีวางอำนาจเหนือคนอื่นของเฟอร์ทรีซได้ เธอจึงทำได้แค่เพียงก้มหน้าหลบดวงตาคมกริบ
“ผมจะใช้หนี้ของโรงพยาบาลทั้งหมดแทนคุณ รวมทั้งค่ารักษา
ลูกชายคุณครั้งนี้ด้วย และให้เงินคุณเดือนละห้าหมื่น ไม่รวมค่ารักษาลูกชาย เพียงแต่...คุณต้องไปดูไบกับผม!!”
เฟอร์ทรีซพูดสิ่งที่ต้องการออกมาจนหมด เรียกดวงตากลมหวานของทอฟ้าให้เบิกโตเท่าไข่ห่านเพราะตกใจในข้อเสนอของเขา
ทอฟ้านิ่งงัน ไม่เข้าใจสิ่งที่เขาทำ
...ทำเพื่ออะไร...
ไตร่ตรองจากคำพูดของเฟอร์ทรีซ ข้อเสนอของเขานั้นเธอเองเป็นฝ่ายได้เปรียบทุกประการ
“คุณทำแบบนี้ทำไมคะ” ดวงตากลมหวานจับจ้องชายหนุ่มอย่างรอคำตอบ ขณะใจก็ดันพิเรนทร์คิดถึงเรื่องเมื่อคืนที่ถูกเฟอร์ทรีซลวนลาม พาแก้มสาวแดงเรื่อขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้
เฟอร์ทรีซสังเกตสีแก้มของทอฟ้าก็เดาได้ว่า เธอคงคิดเรื่องเมื่อคืน มุมปากสวยราวสตรียิ้มนิด ทำให้ทอฟ้าต้องเมินหน้าหนีตาคมกริบกับรอยยิ้มกรุ้มกริ่มของเขาด้วยละอายที่เผลอคิดเรื่องไม่น่าคิดและไม่น่าจดจำ
“ผมต้องกลับไปเซ็นสัญญาธุรกิจ จึงต้องการพยาบาลส่วนตัวคอยดูแลช่วงที่มือยังไม่ถอดเฝือก” คำอธิบายของเฟอร์ทรีซดูมีเหตุผล ทว่าทอฟ้าก็หาเหตุผลมาแย้งเขาด้วยเช่นกัน
“ดิฉันทราบว่าคุณก็เป็นเจ้าของโรงพยาบาลที่ดูไบ คุณจะจ้างพยาบาลดูแลกี่คนก็ได้นี่คะ”
“ก็ใช่ คุณไม่ชอบข้อเสนอของผมหรือ” คนเอาแต่ใจขี้เกียจอธิบายจึงถามออกไปตรง ๆ
ทารีฟก็คิดแบบเดียวกับทอฟ้า พี่ชายเขาเป็นเจ้าของโรงพยาบาลใหญ่ที่สุดในดูไบ ทั้งมีธุรกิจหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็น ห้างสรรพสินค้าที่ใหญ่สุดของที่นั่น บ่อน้ำมัน โรงแรมหรู เงินที่มีอยู่ใช้กี่ชาติก็ไม่หมด ไฉนเลยต้องมาจ้างทอฟ้าให้ข้ามน้ำข้ามทะเลไปดูแลถึงนั่น พี่ชายของเขาคิดอะไรอยู่ ทารีฟเก็บงำความสงสัยไว้แล้วนิ่งฟังคนทั้งสองสนทนาต่อ
“ผมคิดว่าคุณเหมาะที่สุด และสิ่งที่ผมเสนอคุณเองก็เป็นฝ่ายได้เปรียบ ทำไมยังไม่รีบรับอีก ฮะ” เสียงทุ้มห้าวติดโมโห เพราะแทนที่จะรับข้อเสนอเขา ทอฟ้ากลับอ้างโน่นอ้างนี่ทำให้เฟอร์ทรีซชักสีหน้าไม่พอใจ
“เอ่อ...ดิฉัน”
มันก็จริงตามเฟอร์ทรีซพูด เธอเป็นฝ่ายได้เปรียบ เพียงแต่ข้อเสนอนั้นต้องไปปฏิบัติหน้าที่ถึงต่างแดน ดินแดนและประเทศของเขา เธอหวั่นใจว่าจะมีเหตุการณ์มากกว่าเมื่อคืนนี้เกิดขึ้นกับเธอ ถ้าเฟอร์ทรีซไม่ทำพฤติกรรม
ไม่น่าไว้ใจอย่างเช่นหลาย ๆ คืนที่ผ่านมา ข้อเสนอนั้นเธอคงรับไว้อย่างไม่ต้องคิดมาก เพราะมันทำให้เธอไม่ต้องมีหนี้ ไม่ต้องดิ้นรนหาเงินรักษาเด็กชาย
สุดที่รักดังเช่นทุกวันนี้
“เอาอย่างนี้ ผมจะให้เวลาคุณคิดสองวัน หวังว่าคุณจะไม่ปฏิเสธข้อเสนอของผม”
คนใจร้อนรวบรัดแกมบังคับ ร่างสูงสง่าในชุดคนไข้โรงพยาบาลลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ทอฟ้าแหงนหน้ามองเฟอร์ทรีซแล้วก็ต้องหน้าแดงอีก ดูเหมือนแววตาเฟอร์ทรีซส่อแววขบขันเมื่อเห็นอาการทอฟ้า แต่เขาจำต้องผละออกจากร้าน ทั้งที่ในใจอยากรวบตัวเธอมากอดหอมให้ชื่นใจ และถามว่าเมื่อคืนมีความสุขไหม ได้แค่คิด ร่างของเฟอร์ทรีซที่มีทารีฟตามประกบติดหายจากสายตาทอฟ้าที่กำลังครุ่นคิดหนักกับข้อเสนอของเขา
ทอฟ้ากลับมาที่ห้องของลูกชายด้วยใบหน้าครุ่นคิด ไม่ลืมขอบคุณเพื่อนพยาบาลที่มาอยู่เป็นเพื่อนลูกชายที่ยังหลับสนิท ก่อนเธอจะตัดสินใจออกจากห้อง ตรงไปหาเพื่อนพยาบาลคนเดิมเพื่อฝากดูลูกชายอีกครั้ง จากนั้นทอฟ้าก็ขึ้นลิฟต์ไปชั้นการเงินทันที
“พี่ชายกลับไปต้องเชื่อฟังคุณทอฟ้านะคะ ไม่เช่นนั้นมือจะไม่หายสนิท”
เมร่าห์และศศิวัฒน์มาส่งเฟอร์ทรีซและทารีฟที่สุวรรณภูมิเพื่อขึ้นเครื่องกลับดูไบ หลังจากผ่านไปสองสัปดาห์ที่เฟอร์ทรีซอยู่โรงพยาบาล
เมร่าห์ก็อนุญาตให้พี่ชายออกจากโรงพยาบาลและกลับประเทศบ้านเกิดได้
ศศิวัฒน์กุมมือภรรยาคนสวยขณะยืนส่งเฟอร์ทรีซในตัวอาคารสนามบินบริเวณห้องรับรองเพื่อรอขึ้นเครื่องบินส่วนตัวที่ภายในโอ่อ่า สะดวกสบาย พร้อมอุปกรณ์ทันสมัยครบครัน
เมร่าห์และศศิวัฒน์อดแปลกใจไม่ได้เรื่องเฟอร์ทรีซขอพาทอฟ้าและลูกชายไปด้วย ตอนแรกทั้งสองถามเหตุผล เฟอร์ทรีซอ้างว่าทอฟ้ามีความรับผิดชอบงานดี รู้อาการของเขาเป็นอย่างดี คิดว่าเมื่อถอดเฝือกแล้วทอฟ้าจะรู้ว่าต้องปฏิบัติอย่างไรให้มือของเขาใช้งานปกติ
ศศิวัฒน์ไม่ได้ถามเฟอร์ทรีซฝ่ายเดียว เขาถามความสมัครใจของ
ทอฟ้าด้วย ซึ่งเธอยินดีไปดูแลเฟอร์ทรีซพร้อมนำลูกชายไปด้วยเพราะไม่กล้าทิ้งไว้ที่นี่ เนื่องจากเธอไม่มีญาติที่ไหนอีกแล้ว
ดังนั้นศศิวัฒน์จึงรู้เพียงเท่านั้น แต่ไม่รู้เรื่องสัญญาที่เฟอร์ทรีซและทอฟ้าเซ็นข้อตกลงร่วมกันอันมีใจความว่า ทอฟ้าจะดูแลจนกว่าอาการบาดเจ็บที่มือของเฟอร์ทรีซหายเป็นปกติ หลังจากนั้นเขาจะส่งเธอกลับเมืองไทย พร้อมเงินก้อนโต ซึ่งตัวเลขของเงินก้อนนั้นจะทำให้ชีวิตของเธอกับลูกไม่ลำบากอีกต่อไป
สิ่งสำคัญในการตัดสินใจครั้งนี้ก็คือ ทอฟ้ายอมแลกความสุขส่วนตัวเพื่อลูกชายหัวแก้วหัวแหวนจะได้อยู่อย่างสุขสบายในอนาคตไม่ต้องขัดสนเงินทอง โดยเฉพาะเวลาป่วยต้องเข้าโรงพยาบาล เพราะโรคหอบหืดกำเริบอย่างที่ผ่านมา นี่เป็นเหตุผลสำคัญให้ทอฟ้ารับข้อเสนอของเฟอร์ทรีซ
ส่วนเรื่องของวีซ่าทางศศิวัฒน์เป็นคนดำเนินการระบุว่าทอฟ้าไปปฏิบัติหน้าที่พยาบาลพิเศษ ส่วนเรื่องเงินเดือนของทอฟ้านั้น เฟอร์ทรีซบอกจะเป็นผู้รับผิดชอบเอง
กระนั้นการรับข้อเสนอนี้ ทอฟ้าก็ยังหวาดกลัวและหวาดระแวงจึงขอให้เฟอร์ทรีซระบุในสัญญาอีกข้อว่า
‘คุณเฟอร์ทรีซช่วยระบุในสัญญาด้วยว่าจะ...จะไม่ล่วงเกินดิฉันอย่างคืนนั้น ถ้าคุณล่วงเกิน ดิฉันจะกลับเมืองไทยทันที โดยคุณต้องจ่ายเงินตามสัญญา เพราะถือว่าคุณเฟอร์ทรีซเป็นคนละเมิดสัญญาค่ะ’
มันเป็นคำพูดที่ทอฟ้ากระดากอายกว่าจะเอ่ยออกมา แต่เมื่อตัดสินใจไปดูไบ ก็ต้องทำอะไรให้รอบคอบ เพราะสำหรับผู้หญิงการถูกเอารัดเอาเปรียบ ไม่ว่าจะภายนอกหรือทางใดก็ตาม ล้วนสร้างความเสียหายเสมอ ทอฟ้าจึงขอให้เฟอร์ทรีซระบุอย่างชัดเจนในสัญญา
เฟอร์ทรีซยอมเพิ่มข้อที่ทอฟ้าต้องการในสัญญาด้วยแววตาที่ทอฟ้าอ่านไม่ออกว่าเขาคิดอะไรอยู่
‘แต่ถ้าคุณยินยอมเอง ก็ถือว่าผมไม่ได้ละเมิดสัญญา’ คำพูดนี้ดังอยู่ในใจเฟอร์ทรีซที่ลอบยิ้มร้ายกาจ โดยหญิงสาวผู้ตามเกมของมหาเศรษฐี
หล่อเหลาเจ้าเล่ห์ไม่ทันไม่มีโอกาสรับรู้เลย