6
ณ ดูไบ
ทอฟ้ากุมมือเด็กชายสุดที่รักที่หายป่วยจนสามารถออกจากโรงพยาบาลได้ วันที่เธอไปแผนกการเงินเพื่อสอบถามเรื่องหนี้สิน ตัวเลขหลักล้านที่ลดลงไปไม่เท่าไหร่ แม้เธอจะผ่อนชำระทุกเดือนมีอันเพิ่มขึ้นมาอีก เพราะค่ารักษาลูกชายที่เข้าโรงพยาบาลบ่อยครั้ง
ถ้าเป็นแบบนี้ทอฟ้ากลัวอนาคตลูกน้อยจะไม่ได้เรียนโรงเรียนดี ๆ ถ้าเธอยังมีหนี้ที่ผ่อนไม่หมด ดังนั้นคนเป็นแม่ไม่มีอะไรสำคัญกว่าลูกอีกแล้ว
ทอฟ้าตัดสินใจรับข้อเสนอของเฟอร์ทรีซ มหาเศรษฐีรูปหล่อด้วยความรู้สึกหวั่นไหวยามใกล้ชิดเขาเหมือนกัน
“คุณทอฟ้าคะ ฝากดูแลพี่ชายด้วย อย่าให้พี่ชายหักโหมทำงานจนลืมพักผ่อนนะคะ" คนเป็นน้องสาวฝากฝังพี่ชายด้วยความห่วงใย
เมร่าห์ต้องใช้ชีวิตอยู่เมืองไทยตามสามี แม้ทารีฟจะดูแลเฟอร์ทรีซไม่ขาดตกบกพร่อง ทว่าในฐานะพยาบาลพิเศษหน้าที่นี้เหมาะกว่าคนเป็นน้องชาย
“คุณเมร่าห์ไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ เป็นหน้าที่ของดิฉันค่ะ” เธอรับปากด้วยรอยยิ้มละมุนอ่อนหวาน
“ผมอยากให้คุณเรียกตัวเองว่า ทอฟ้าเวลาคุยกัน” คำสั่งจากปากของเฟอร์ทรีซดังไม่เฉพาะทอฟ้าได้ยิน พลอยให้เมร่าห์ ศศิวัฒน์ ทารีฟหันมองบุรุษผู้องอาจ สมาร์ทที่เป็นผู้นำคนหลายพันมองเขาตาไม่กะพริบ ไม่คาดคิด
ว่าคนเย่อหยิ่ง มั่นใจตัวเอง และเอาแต่ใจอย่าง เฟอร์ทรีซ คาลิฟา อัจมาน มีมุมนี้ด้วย ทั้งสามแปลกใจที่เฟอร์ทรีซจะไม่เคร่งขรึมหรือเย่อหยิ่งเวลาอยู่ใกล้ทอฟ้า และเป็นเมร่าห์ น้องสาวสุดที่รักผู้ไม่เคยเก็บงำความสงสัยไว้นาน
“พี่ชายเปลี่ยนไปมากนะคะพออยู่ใกล้คุณทอฟ้า”
คนเพิ่งรู้ตัวตีหน้าขรึม แกล้งทำตาดุใส่น้องสาวที่ยิ้มแฉ่ง หยอกล้ออย่างไม่กลัวเกรง เพราะเฟอร์ทรีซรักเธอ ตามใจเธอตั้งแต่พ่อแม่เสียไป
“ซีนดูแลเมร่าห์ให้ดี ทำให้เมร่าห์มีความสุข ถ้าน้องสาวร้องไห้โทร.ไปฟ้อง ฉันจะมาเล่นงานนายและพาเมร่าห์กลับดูไบ” กลายเป็นแก้เก้อให้ตัวเองด้วยการหันไปเล่นงานน้องเขยที่ไม่รู้อีโหน่อีโหน่ เมร่าห์ต้องออกโรงปกป้องสามีสุดหล่อทันควัน
“พี่ชายอย่าขู่พี่ซีนสิคะ ขู่ตั้งแต่ยังไม่แต่งงานจนพี่ซีนพิสูจน์ให้พี่เห็นแล้ว ถ้าพี่ทำอะไรพี่ซีน เมร่าห์จะโกรธไม่พูดกับพี่นะคะ” ได้ผลชะงัก เมร่าห์ใช้มุกที่เคยใช้ได้กับเฟอร์ทรีซเวลางอนพี่ชายที่แสนดี
“งั้นพี่ไปล่ะ ดูแลตัวเองด้วยเมร่าห์” คนเป็นพี่กล่าวลาด้วยน้ำเสียงทุ้มนุ่ม คนเป็นน้องสาวน้ำตารื้นขอบตา พี่น้องคู่นี้ไม่เคยแยกจากกัน ขนาดตอนไปเรียนเมืองนอกก็เรียนมหาวิทยาลัยเดียวกันรวมทั้งทารีฟด้วย
เมร่าห์โผกอดพี่ชายแสนดีที่คอยปกป้องและดูแลเธอตั้งแต่พ่อแม่จากไป ตราบวันนี้เขาก็ยังเป็นพี่ชายที่รักและห่วงใยเธอ และเพราะอย่างนั้นเขาจึงกำชับน้องเขยให้รักและดูแลเมร่าห์เท่าชีวิต
สองพี่น้องกอดกันอยู่สักพักก็ผละออก มือของเฟอร์ทรีซยกขึ้นปาดน้ำตาบนแก้มเนียนของเมร่าห์แผ่วเบา
“อย่าขี้แยน้องรัก” เฟอร์ทรีซปลอบเมร่าห์ ก็เหมือนปลอบตัวเองด้วย
หลังสองพี่น้องผละจากกันแล้ว ศศิวัฒน์เข้าไปจับมือเฟอร์ทรีซพร้อมโอบกอดด้วยรอยยิ้มนุ่ม ก่อนหันมาจับมือทารีฟ และต่างฝ่ายกอดกัน
“เดินทางปลอดภัยครับทุกคน” คำอวยพรของศศิวัฒน์ ก่อนจะตามด้วยคำพูดของภรรยาคนสวยขี้แย
“พี่ทารีฟดูแลตัวเองนะคะ” เมร่าห์ไม่ลืมอวยพรพี่ชายอีกคน แม้จะไม่ใช่แม่เดียวกัน เธอก็นับถือทารีฟเสมือนพี่
“เมร่าห์ก็เหมือนกัน นายด้วยซีน” ทารีฟบอกน้องสาวและน้องเขยที่อายุเท่าเขา คู่สามีภรรยาพยักหน้ายิ้มละมุนละไม
“ทอฟ้าถ้าอยู่ที่นั้นมีปัญหาอะไรหรือไม่สบายใจ โทร.หาผมได้นะครับ”
แม้ศศิวัฒน์ไม่รู้เหตุผลที่แท้จริงของเฟอร์ทรีซที่เลือกทอฟ้าไปเป็นพยาบาลพิเศษ แถมปลดหนี้ให้เธอด้วย ในฐานะเจ้านายก็แสดงความห่วงใยต่อผู้ใต้บังคับบัญชาที่ต้องเดินทางไกลให้คลายกังวลว่า เธอกับเขายังเป็นเจ้านายลูกน้องกันอยู่ เพราะทอฟ้าไม่ได้ลาออก เพียงถูกส่งไปปฏิบัติงานตามคำสั่งของผู้อำนวยการโรงพยาบาล
“ขอบคุณผู้อำนวยการค่ะ” ทอฟ้ายกมือไหว้สองสามีภรรยาด้วยท่าทางนอบน้อม ครั้นเด็กชายสุดที่รักเห็นแม่ยกมือไหวศศิวัฒน์และเมร่าห์ ก็ไหว้ตามไม่ต้องให้บอกกล่าว
“โชคดีค่ะน้องรัก/โชคดีครับน้องรัก” สองสามีภรรยาอวยพรเด็กชายสุดที่รักที่ยิ้มรับน่าเอ็นดู
“ได้เวลาขึ้นเครื่องแล้ว” เฟอร์ทรีซบอกกับทุกคน เขามองเมร่าห์ด้วยแววตาคลายกังวล เพราะเชื่อมั่นว่า ศศิวัฒน์ต้องดูแลเมร่าห์เป็นอย่างดี
เฟอร์ทรีซหมุนตัวจะก้าวนำไป มิวายหันมาคว้าข้อมือเล็กของทอฟ้าที่จูงมือเด็กชายสุดที่รักไว้ ก้าวตามคนตัวสูงใหญ่ สมาร์ทแถมเจ้าอารมณ์อย่างว่าง่าย
ทารีฟที่เดินปิดท้าย แววตาคมกริบกำลังครุ่นคิดกับท่าทีแปลก ๆ ของพี่ชายต่างมารดาที่มีต่อทอฟ้า พยาบาลพิเศษเกิน ‘ความพิเศษ’ เขาเก็บความสงสัยไว้เพื่อดูพฤติกรรมของพี่ชายต่อไป
ส่วนสายตาของเมร่าห์และศศิวัฒน์ที่เห็นภาพนั้น ก็เปรยออกมาพร้อมกันไม่ต่างความคิด
“เหมือนพ่อแม่ลูกเลย”
“พี่ซีนคิดเหมือนเมร่าห์ใช่ไหมคะ”
คนเป็นสามีพยักหน้ายิ้ม ๆ ยอมรับว่าคิดแบบเดียวกับภรรยาคนสวยกับภาพเฟอร์ทรีซจูงมือทอฟ้าเดินจากไป
“ครับ และพี่ก็หวังให้เป็นแบบนั้น อยากให้พี่เฟอร์ทรีซเมตตาทอฟ้า อย่าล้อเล่นกับหัวใจเธอ”
“พี่ซีนทำไมคิดว่าพี่ชายของเมร่าห์จะใจร้ายกับทอฟ้าล่ะคะ” น้ำเสียงติดงอนสามีสุดหล่อตำหนิพี่ชายเธอ
“อย่างอนสิครับที่รัก พี่อาจจะคิดผิดก็ได้ พี่เฟอร์ทรีซอาจจะไม่ได้เล่น ๆ กับทอฟ้า เพียงแต่ยังไม่รู้ตัวว่ารู้สึกอย่างไรกับทอฟ้าน่ะครับ” ความที่เป็นผู้ชายย่อมมองออกว่า เฟอร์ทรีซมีใจให้ทอฟ้า แต่เจ้าตัวอาจจะยังไม่รู้ หรือปากแข็งไม่ยอมรับความจริงก็ได้
“อย่าบอกนะคะว่า พี่เฟอร์ทรีซชอบทอฟ้า” น้ำเสียงแฝงความตื่นเต้นระคนตกใจ ดวงตากลมโตหวานสีอินทผลัมเบิกกว้างกับคำพูดของสามี
“แล้วถ้าพี่ชายเมร่าห์ชอบทอฟ้าจริง ๆ เมร่าห์จะมีปัญหาไหมครับ” คนเป็นสามีถามความรู้สึกภรรยาที่ยิ้มไม่หุบกับเรื่องที่คุยกัน
“เมร่าห์ชอบทอฟ้า เธอเป็นผู้หญิงเรียบร้อย อ่อนหวาน คิดว่าผู้ชายคนไหนอยู่ใกล้คงอบอุ่นและมีความสุข ที่สำคัญทอฟ้าน่าจะกำราบนิสัยเจ้าชู้ของพี่ชายได้อยู่หมัดค่ะ”
หญิงสาวกล่าวด้วยรอยยิ้มมั่นใจว่า ทอฟ้าจะสามารถกุมหัวใจผู้ชายใจน้ำแข็งได้
“พี่ว่าเรารอดูต่อไปดีกว่า แต่ตอนนี้พี่อยากพาภรรยาคนสวยไปหาอะไรทานและชอปปิง เมร่าห์โอเคไหมครับ” ศศิวัฒน์ฉีกยิ้มหล่อมอบให้ภรรยาคนสวยที่ส่งตาหวานเชื่อมถูกใจคำพูดสามีสุดที่รัก
“เมร่าห์โอเคค่ะ” เธอยิ้มหวานเจี๊ยบ เอนศีรษะซบไหล่หนาของสามีอย่างออดอ้อนน่ารัก
สามีภรรยาข้าวใหม่ปลามันหยุดการสนทนาเรื่องของเฟอร์ทรีซและทอฟ้าไว้แค่นั้น พวกเขาเพียงรอดูว่าอนาคตคนทั้งสองจะลงเอยตามที่หวังหรือไม่
ศศิวัฒน์โอบเอวเมร่าห์พาไปขึ้นรถยุโรปคันหรู ก่อนขับออกจากสนามบินสุวรรณภูมิตรงไปห้างดังแถวสยาม เพื่อพาศรีภรรยาคนสวยทำกิจกรรมตามที่บอกไว้
ณ เวลานี้เครื่องบินบินอยู่ท่ามกลางท้องฟ้ากว้างใหญ่ไพศาล เด็กชายสุดที่รักซึ่งเพิ่งขึ้นเครื่องบินเป็นครั้งแรก ดวงตาโตขึ้นอย่างตื่นตะลึงกับปุยเมฆขาวโพลนราวทุ่งกว้าง ภายในห้องผู้โดยสารของเครื่องบินส่วนตัวที่สั่งทำพิเศษ ที่มีห้องนอนไม่ใหญ่มากนอนได้สองคน เตียงนอนเป็นแบบพับเก็บเวลาใช้งานก็กางออก เด็กชายสุดที่รักละสายตาจากหน้าต่างหันมาพูดกับทอฟ้าที่ยิ้มเอ็นดู โอบกอดลูกน้อยไว้หลวม ๆ
“แม่ฟ้าครับ เราจะไปอยู่ที่นั่นแล้วไม่กลับมาหรือครับ”
“กลับครับ แต่ต้องให้คุณลุงเฟอร์ทรีซหายก่อน เราก็จะกลับเมืองไทย น้องรักไม่อยากไปหรือครับ” คำถามอ่อนหวานของทอฟ้าเรียกรอยยิ้มแก้มป่องของลูกชายเจ็ดขวบ
“น้องรักอยากไปทุกที่ที่มีแม่ฟ้า น้องรักอยากแข็งแรงด้วย แม่ฟ้าจะได้ไม่ต้องเหนื่อยหาเงินมารักษาน้องรักครับ”
คำพูดของลูกชายทำทอฟ้าจุกอก! น้ำตารื้นคลอขอบตา ซึ้งกับคำพูดของลูกชายตัวน้อย
มือนุ่มของทอฟ้าลูบผมสีน้ำตาลอ่อนของเด็กชายสุดที่รักอย่างรักใคร่ แม้ต้องทำงานเหนื่อยและหนัก ทอฟ้าก็ไม่เคยบ่นหรือทดท้อเพราะเธอมีกันสองคนแม่ลูก ทอฟ้าทุ่มเททั้งชีวิตให้เด็กชายสุดที่รักเพียงคนเดียว ยอมอดเพื่อให้ลูกอิ่ม ยอมอดเพื่อให้ลูกได้รักษาโรงพยาบาลดี ๆ ยอมอดเพื่อให้ลูกได้เรียนโรงเรียนที่ดี
ที่ผ่านมาทอฟ้าไม่เคยคิดว่ามีเด็กชายสุดที่รักแล้วชีวิตเธอลำบาก แม่ทุกคนยอมสละได้ทุกอย่างเพื่อแก้วตาดวงใจดวงนี้ จนยอมรับข้อเสนอแสนอิหลักอิเหลื่อนี้ แม้จะหวาดหวั่นกับการต้องใกล้ชิดกับคนฉวยโอกาสอย่างเฟอร์ทรีซก็ตามที
เฟอร์ทรีซนั่งเก้าอี้สีน้ำตาลบุหนังแท้เนื้อดีและกว้างขวางคนละฝั่งกับสองแม่ลูก มหาเศรษฐีหนุ่มหล่อมองภาพทั้งสองสนทนากัน เขาพอฟังออกเพราะเมร่าห์สอนให้ และพูดได้นิด ๆ หน่อย ๆ ดวงตาคมกริบสีอินทผลัมมองความอ่อนหวาน อ่อนโยนของทอฟ้าอย่างเพลินตา และเพิ่งสังเกตว่าเด็กชายสุดที่รักเสี้ยวหน้าออกทางลูกครึ่งด้วย เฟอร์ทรีซละความสนใจเด็กชายสุดที่รักหันมามองทอฟ้านิ่ง ๆ รู้สึกประหลาดใจ เหตุใดเขาต้องพาทอฟ้ากลับดูไบ ทั้งเสนอเงื่อนไขที่หญิงสาวเป็นฝ่ายได้เปรียบทั้งที่เขาเป็นนักธุรกิจ ซึ่งเฟอร์ทรีซรู้ว่ามีบางอย่างตะขิดตะขวงใจเขาอยู่ตั้งแต่คืนนั้น คืนที่ได้สัมผัสทอฟ้าอย่างลึกซึ้งแม้ภายนอกก็เถอะ
มันทำให้เขารู้สึกค้างคา คาดว่าอีกไม่นานจะได้รับคำตอบ เมื่อวันที่เขาได้สำรวจร่างกายหอมหวนของทอฟ้าอีกครั้ง แววตาคมกริบเฝ้ามองทอฟ้านิ่ง ในใจเต็มไปด้วยความมุ่งมาด...
ณ ดูไบ นครใหญ่สุดของ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
“โอ้โห! บ้านคุณลุงเฟอร์ทรีซกว้างใหญ่อย่างกับวังแน่ะครับ” น้ำเสียงตื่นเต้น ใสซื่อของเด็กชายสุดที่รัก เรียกรอยยิ้มเจ้าของคฤหาสน์ทรงทันสมัยหรูหราหลังใหญ่ราวพระราชวังของเจ้าชายอาหรับ ทอฟ้ายิ้มตามคำพูดลูกชาย กวาดตามองอย่างชื่นชมความมโหฬารและยิ่งใหญ่สมฐานะเฟอร์ทรีซ
“ไป เข้าข้างในกัน” เฟอร์ทรีซเดินผ่านหน้าคนรับใช้กว่าสิบคนที่มาตั้งแถวต้อนรับเจ้าของคฤหาสน์ด้วยรอยยิ้มยินดี ชายหนุ่มเดินนำทุกคนเข้าข้างในที่ตกแต่งเรียบหรู เฟอร์นิเจอร์ทุกชิ้นล้วนเป็นของแบรนด์ดังทั้งสิ้น
“นี่ห้องของน้องรัก” เสียงเจ้าของคฤหาสน์บอกกล่าว เรียกคิ้วสวยของทอฟ้าขมวดกับภาษาไทยแปร่ง ๆ ของเฟอร์ทรีซ
“จริงหรือครับคุณลุงเฟอร์ทรีซ ว้าว! สวยจังเลยครับ”
ดวงตาของเด็กชายสุดที่รักเจิดจ้าเปล่งประกายความตื่นเต้นและชอบใจห้องนอนของตนเอง เด็กน้อยมองรอบ ๆ ห้องฉีกยิ้มกว้างเมื่อสะดุดเข้ากับการตกแต่งห้อง เตียงนอนรูปรถยนต์สีแดงของหนังแอนิเมชั่นเรื่องดังที่โปรดปรานเด็กน้อยดูหลายรอบ วอลเปเปอร์บนหัวนอนก็เน้นการ์ตูนเรื่องเดียวกัน ถัดมาผนังฉาบวอลเปเปอร์ลวดลายสนามแข่งรถสวยสด
เด็กชายสุดที่รักก้มมองเท้าตัวเองเพราะที่รู้สึกว่ามันนุ่มเกินไป เห็นพรมปูพื้นถอดลายล้อแม็กซ์วงใหญ่ปูรอบห้อง ทำเอาเด็กชายสุดที่รักกระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจที่ได้ห้องนอนของตัวเองแบบที่ชอบและอยากได้
“ห้องของน้องรักสวยไหมครับแม่ฟ้า” ถามคนเป็นแม่ด้วยน้ำเสียงใส วิ่งวนไปมารอบห้องอย่างดีใจเป็นที่สุด
“สวยครับ” รอยยิ้มของทอฟ้าเปิดกว้างเมื่อเห็นรอยยิ้มของลูกชาย นี่คือสิ่งที่แม่ทุกคนต้องการ
‘รอยยิ้มเปี่ยมสุข’
“ขอบคุณคุณเฟอร์ทรีซมากค่ะ จริง ๆ ไม่ต้องทำขนาดนี้...” ทอฟ้ายังพูดไม่จบอย่างเกรงใจ ชายหนุ่มรีบขัดขึ้น
“น้องรักจะได้มีห้องของตัวเอง ตอนผมกับเมร่าห์เด็ก ๆ ก็มีห้องของตัวเอง ผมอยากให้คุณกับลูกอยู่อย่างสบาย ถ้าอยากตอบแทน คุณก็ดูแลผม
ดี ๆ ให้เหมือนผมดูแลคุณกับลูกก็แล้วกัน” ประโยคท้ายแฝงความนัยที่ทอฟ้าตามไม่ทันและไม่ทันคิด ทั้งไม่เห็นแววตากรุ้มกริ่มเจ้าเล่ห์ของเฟอร์ทรีซที่มองเธอราวกับจะกลืนกิน
“ดิฉันจะพยายามทำหน้าที่ให้ดีที่สุดค่ะ” ตอบเพราะเข้าใจไปคนละความหมาย แล้วหันไปยิ้มกับเด็กชายสุดที่รักที่ดูจะมีความสุขกับห้องนอนใหม่มากจริง ๆ
“คุณลืมไปแล้วหรือว่าผมให้คุณแทนตัวเองว่าอะไร...” เฟอร์ทรีซเอ็ดทอฟ้าที่ลืมคำสั่ง
“เอ่อ...ขอโทษค่ะ ทอฟ้ายังไม่ชิน” ตอบอย่างเคอะเขิน ไม่ใช่เรื่องปกติที่จะแทนตัวเองด้วยชื่อเล่นกับคนไข้ทำให้ลืมไปบ้าง
“ครั้งนี้ผมจะยกโทษให้ แต่ถ้าคราวหน้าคุณลืมอีก ผมจะมีบทลงโทษสำหรับคุณ...ทอฟ้า” ทอดเสียงคำว่า ‘บทลงโทษ’ ซะทอฟ้าใจสั่นรัว สบตา
คมกริบสีสวยยิ่งหวั่นไหวทุกขณะ
“ทอฟ้าจะไม่ลืมค่ะ” ก้มหน้าตอบอุบอิบ ไม่กล้าสบนัยน์ตาคมกริบคู่สวยที่พาหัวใจเธอแกว่งและหวั่นไหว
“ผมจะพาไปดูห้องของคุณ”
คนตัวสูงใหญ่สง่าหมุนตัวไปอีกด้านของห้องที่เชื่อมต่อกันแบบห้องแฝด โดยปล่อยเด็กชายสุดที่รักกำลังเพลินและเห่อห้องนอนของตนอยู่ลำพัง