หนี - 23
พอแอปเปิ้ลเดินเข้าห้องน้ำไปผมก็รีบเดินออกจากห้องนอน ผมเดินไปหยิบกระเป๋าเงินที่วางอยู่บนโต๊ะ และเดินตรงไปที่ประตูห้อง
ผมประตูห้องและเดินออกมา และหันไปล็อคห้องด้วยแม่กุญแจ ไม่อยากขังเธอหรอกครับ ไม่เลย จริงจริ๊งงง
ผมเดินตรงไปที่ลิฟท์และกดปุ่มก่อนจะเดินเข้าไปข้างใน และกดชั้นล่างลงมา ผมยืนรอจึงประตูลิฟท์เปิดออกผมจึงเดินออกไป
ผมเดินออกมาหน้าคอนโดและข้ามถนนไปฝั่งตรงข้าม ผมเดินไปซื้อยาคุมฉิกเฉินและยาแก้อับเสก
ไม่นานผมก็ได้ยาที่ต้องการ ผมเดินออกมาจากร้านขายยา และเดินไปไม่ไกลจากร้านขายยา ก็เข้าร้านเซ่เว่น เพื่อซื้ออาหารแช่แข็ง
ผมเดินดูอาหารแช่แข็งหลากหลายที่วางเรียบอยู่ ผมเลือกหยิบมาซัก 8-10 กล่องเพราะจะได้ไม่ต้องออกมาซื้ออีก
พอคิดมาคิดไปมันไม่พอ นั้นเอามาอีก 5 กล่องเชฟตัวเองด้วย ผมเดินไปที่ขนมขบเคี้ยวและเดินมาซัก 4-5 อย่าง
ก่อนจะเดินไปดูนมและเครื่องดื่มจำพวกน้ำอัดลม ผมเดินถือตะกร้ามาที่หน้าเคาน์เตอร์ทีี่มีพนักงานยืนรอคิดเงินอยูู่
พนักงานก็หยิบของออกมาจากตะกร้าและคิดเงินก่อนจับใส่ถุง ไม่นานพนักงานก็คิดเงินเสร็จผมก็ จ่ายเงินและรับถุงสองใบมาถือ
และเดินออกจากร้านกลับห้องทันที ผมเดินออกมาจากร้านและข้ามถนนมาฝั่งคอนโน ผมเดินตรงเข้าไปในคอนโด
ผมเดินมาที่ลิฟท์และกดปุ่มเรียก ไม่นานประตูลิฟท์ก็เปิดออก ผมจึงเดินเข้าไปและกดขึ้นชั้นที่ต้องการ
ผมยืนรอจึงประตูลิฟท์เปิดออกผมจึงเดินออกมาและเดินตรงไปที่ห้องของตัวเอง พอเดินตรงมาที่ห้องได้ยิน
แกร๊ก!! แกร๊ก!!
เสียงคนข้างในพยายามจะเปิดประตูห้อง แต่โทษที!! ตอนแรกผมว่าจะล่ามโซ่แต่มันดูโหดร้ายไป เลยจับขังดีกว่า
(เดี๋ยวนะ!! แม็ททิว กูว่าจับขังมันโหดร้ายกว่าล่ามโซ่อีกนะ : หนวดแมว) อะไรหนวด!! จับขังมันก็ไม่ได้โหคร้ายอะไรนิ่!!?? เด็กๆ : แม็ททิว (ไม่โหคร้ายบ้านแกดิ่!! อยากจะลองโดนจับขังซะ 10-20 วันดูไหม : หนวดแมว)
ฉันที่เดินหนีเข้าห้องน้ำเพื่อทำความสะอาดร่างกาย ไม่นานฉันก็อาบน้ำเสร็จเลยเดินออกมาก็ไม่เจอเขาที่ห้อง
ฉันจึงเดินตรงไปที่ตู้เสื้อผ้าของนายแม็ททิว ฉันเปิดตู้รื้อหาเสื้อผ้าและกางเกงใส่ ฉันหยิบเสื้อเชิ่ตสีดำและกางเกงบ็อกซ์เชอร์
ที่คิดตัวเล็กที่สุดมาใส่และเดินออกจากห้องนอน ฉันเดินสำรวจห้องของเขา สถาพเหมือนห้องที่มีไว้แค่นอนอย่างเดียว
มันก็แบบว่าไงดี เฟอร์นิเจอร์ครบทุกอย่าง ห้องเขามันไม่มีอะไรเลย ยิ่งของใช้ในครัวไม่ต้องพูดถึง
คอนโดที่นี้มีสองแบบ แบบมีเฟอร์นิเจอร์ครบ และแบบไม่มีเฟอร์นิเจอร์ ราคาต่างกันและถูกกว่าคอนโดใหม่ที่ฉันไปอยู่
ซื้อ ห้องที่มีเฟอร์นิเจอร์ครบ 35,000 บาท ถ้าห้องใหญ่วิวสวย ราคาก็จะอัพขึ้น ถ้าเช่าห้องเดือนละ 3,500
ถ้าแบบไม่มีเฟอร์นิเจอร์ครบ ซื้อห้อง 15,000 บาท ถ้าห้องวิวดี ราคาก็จะอัพขึ้น ถ้าเช่าห้องเดือนละ 1,500
ฉันเดินดูมันก็ไม่มีอะไรนอกจากเสื้อผ้าแค่นั้น ฉันจึงเดินไปที่ประตูห้องและลองเปิดอยู่ ประตูไม่ได้ล็อคแต่ก็เปิดไม่ได้
แกร็กๆๆๆ
อะไรว่ะ!! ฉันพยายามเขย่าและบิดลูกบิดไปจึงเกิดเสียงดัง ไอ้เหี้ย!! จะล็อคทำไมก็ไม่รู้ ได้ยินเสียงเหมือนไขกุญแจเลย
ไม่นานประตูห้องก็เปิดออกพร้อมนายแม็ททิวที่ยืนถือถุงเซ่เว่นสองข้าง
"อุ้ย!! มาแล้วหรอ หนักไหมมากูช่วยถือ" ฉันสะดุ้งตกใจตื่นกับสายตาของเขาที่มันจ้องมองมาที่ฉันอย่างดุเดือด
ฉันจึงเดินเข้าไปช่วยเขาถือของในมือ นายแม็ททิวก็ยอมให้ฉันช่วยถือของ ฉันเลยถือของเดินมาวางไว้บนโต๊ะ
และนายแม็ททิวก็เดินตามมาวางของที่ถือลงบนโต๊ะ ฉันจึงรื้อถุงเปิดดูว่าเขาซื้ออะไรมาเยอะแยะเลย
"มองฉันแบบนี้คือ??" ฉันที่รื้อของอยู่ก็รู้สึกเหมือนมีคนจ้องมองอยู่ พอเงยหน้าขึ้นมองก็เห็นว่าคนที่จ้องอยู่คือ นายแม็ททิว
"เปล๊าา!!"
ผมที่เปิดประตูเข้ามาก็เจอแอปเปิ้ลยืนอยู่ที่หน้าประตู ไม่ได้โกรธเธอแค่แกล้งเธอเฉยๆ พออีเมียมันเห็นผมจ้องมันมากๆ
มันก็เลยเดินมาช่วยถือของและเดินตรงมาวางไว้บนโต๊ะ ผมก็เดินตามอีเมียมันเข้ามาและวางของในมือ
แอปเปิ้ลเธอก็รื้อค้นหา แบบคนอยากรู้ว่าผมซื้ออะไรบ้าง ผมที่ยืนมองมันอยู่ก็สะดุดกับการแต่งตัวของอีเมีย
เสื้อเชิ้ตตัวใหญ่และไหนจะกางเกงบ๊อกเชอร์ มันทำให้ผมเผลอยกยิ้มขึ้นมาอย่างดีใจ ที่เธอใช้เสื้อผ้าของผม
"และยิ้มทำไมว่ะ มึงบ้าป่ะว่ะ!!??" พอนายแม็ททิวตอบว่าป่าว นายนั้นก็ยกยิ้มขึ้นมาจนฉันขนลุก กูเริ่มกูกลัวมึงล่ะ!!
"ถึงกูบ้า กูก็ผัวมึง อีเมีย!!" ผมที่ยิ้มก็ต้องหุบยิ้มที่อีเมียมันด่าผม ว่าบ้า จับกระชากแขนแอปเปิ้ลมาข้างหน้าและก้มลงไปกระซิบบอกมัน
"ไอ้......" ฉันแยกเขี้ยวใส่นายแม็ททิวและชี้หน้าเขาอย่างโมโห จึงนึกคำที่จะด่าไม่ออกและก้มลงมันกล่องอาหารแช่แข็งส่งไปให้เขา
นายแม็ททิวก็ยกยิ้มและรับกล่องอาหารแช่แข็งจากมือของเธอไป ก่อนจะหยิบกล่องอาหารแช่แข็งและเดินถือเข้าไปให้ครัว
ไม่นานนายแม็ททิวก็เดินออกมาพร้อมถือกล่องข้าวที่ฉันส่งไปให้เขาออกมาวางไว้ตรงหน้าฉัน
"ทานเสร็จจะได้ทานยาต่อ" ผมเดินออกมาจากครัวและวางกล่องข้าวตรงหน้าและอีเมียมันก็ลงมือทาน
ผมก็ลงมือทานบ้าง เราทานกันเงียบๆไม่มีเสียงพูดคุย ไม่นานผมกับเธอก็ทานเสร็จ ผมหยิบถุงยาส่งมาให้เธอ
"อะไร??" ฉันที่ยกแก้วน้ำขึ้นดื่มและก็เห็นนายแม็ททิวส่งถุงยามาให้ เธอก็หยิบมันยกมาเปิดดูในนั้น มียาแก้ไข้ และยาคุมฉุกเฉิน
"ทานล่ะ ถ้ามึงไม่อยากท้อง" ผมบอกเธอที่เอาแต่เงยหน้ามามองหน้ามึงอย่างสงสัย ก่อนจะแปลงเปลี่ยนเป็นสายตาดุส่งมาให้
"เออ!! ทีหลังมึงก็ใส่ถุงยางซิ่" พอฉันพูดเสร็จก็หยิบแผงยาออกมาและแกะที่ล่ะอย่าง ทั้งยาแก้ไข้และยาคุมฉุกเฉิน
"หึหึ!! พูดแบบนี้คือถ้าใส่ถุงจะยอมให้ทำใช่ไหม!!??" ผมบอกและหยิบกล่องถุงยางออกมาวางไว้ตรงหน้าเธอ
พรวดดดด!!!
พอนายแม็ททิวมันพูดและเอากล่องถุงยางอนามัยประมาณ 5-6 กล่องออกมาวางไว้ตรงหน้าของฉัน
"แค่ก!! พูดเชี้ยยยอะไรของมึงว่ะ!!" ฉันที่ดื่มอยู่ถึงกับลำลักน้ำออกมา ไอ้บ้า!!! ดูมันพูดและไหนจะกล่องถุงยางอีก
"หยิบทิชชู่มาดิ่!!" ผมเอามือขึ้นลูบใบหน้าที่ตอนนี้ใบหน้าของผม มันมีน้ำที่เธอดื่มพุ่งใส่หน้าผมเต็มๆ
"เอาไป!! สมน้ำหน้าพูดเหี้ยอะไรก็ไม่รู้" ฉันที่ได้ยินเขาของทิชชู่จึงลุกขึ้นและเดินไปหยิบมาให้ และส่งไปให้เขา
"กูพูดจริง ทำจริง เอาจริงหรือมึงจะลอง??" ผมรับทิชชู่และเช็ดหน้าเช็ดตา ก็จะหันไปขู่อีเมียมันที่นั่งทำหน้าสมน้ำหน้าผมอยู่
"ตื่นๆๆมึง ถ้าหลับอยู่ก็ตื่นซะนะ!!"
"เดี๋ยวมึงจะโดน!!!"
"กูมาอยู่กับมึงได้ไง??" ฉันรีบเปลี่ยนเรื่องคุยเพราะสายตาและคำขู่ของเขา มันดูน่ากลัวชิบและถามนายแม็ททิว
"กูเป็นคนลากมาเอง!!"
"มึงลากกูมาทำไม??" นายแม็ททิวตอบอย่างไม่ค่อยจะสนใจเท่าไร ฉันจึงถามเขาไปอีก
"ไม่รู้ อยากลากกูก็ลาก"
"เอาดีๆ อย่ามากวนตีนกู!!??" ยิ่งถามคำตอบยิ่งอยากจะเอาตีนกระแทกหน้าแม่งจริงๆ คำตอบแม้แต่ละอย่าง
"กูไปกวนตีนมึงตอนไหน มึงถามกูก็ตอบ!!" ผมก็หันไปมองเธอและบอกมันอย่างไม่เข้าใจ มึงถามกูก็ตอบ
"อย่ากวนตีนกูให้มันมาก ระวังหน้าจะมีรอยไม่รู้ตัว!!"
"มึงก็อย่าดีแต่พูดให้มันมาก ระวังจะไม่แรงลงจากเตียง!!"
พอฉันและนายแม็ททิวพูดเสร็จต่างจ้องหน้ากันอย่างคนไม่ยอมกัน นี่ถ้ามีมีดมีปืนวางอยู่ตรงหน้าฉันและเขาคงเอามาฆ่ากันตายไปล่ะ
ฉันจึงลุกขึ้นยืนและสายตาก็ยังจดจ้องเขาไม่วางตาและเดินตรงไปที่ประตูห้องและกำลังเอือมมือไปเปิดประตู
"จะไปไหน??" ผมที่จ้องมองอีเมียลุกขึ้นยืนและเดินตรงไปที่ประตูห้อง กำลังจะเอือมมือไปที่ประตูผมจึงพูดทักขึ้น
"กลับห้อง" ฉันที่จะเปิดประตูห้องก็ต้องชะงักเพราะเสียงทักของนายแม็ททิว เธอจึงหันกลับไปมองเขา
"คิดว่ามึงจะออกไปจากห้องได้ง่ายๆหรอ!!??" ผมลุกขึ้นยืนและเดินตรงไปหาเธอ และก้มลงกระซิบบอกข้างหู
"ทำไม!! กูก็แค่เปิดประตูห้องก็ออกไปได้ล่ะ??" ฉันผลักตัวออกจากเขาออกมานิดนึง ก็จะเท้าสะเอวและมองเขาอย่างไม่เข้าใจ
มันจะอะไรกันนักกันหนาว่ะ ก็แค่เปิดประตูห้องแล้วเดินออกไปมันจะไปยากอะไร ฉันจึงหันกลับไปที่ประตูห้อง
ตุบ!!
"โอ้ยยย!!" ฉันที่เอือมมือไปที่ลูกบิดและกำลังจะเปิดออกแต่ก็โดนคนข้างหลังกระชากแขนให้หันกลับไปหาเขา
ทำให้หน้าของฉันหันไปชนเข้ากับหน้าอกของคนตรงหน้าอย่างแรง จึงฉันร้องตกใจเสียงดังและผลักตัวออก
เจ็บจมูกชิบ!! นี้กูชนอกหรือชนกับกำแพงว่ะ เจ็บโว้ย!!
"ขอโทษ!! เจ็บมากไหม??" ผมเดินเข้าไปกระชากแขนของเธอให้หันกลับมาหาผม แต่เพราะผมกระชากแรงทำให้เธอชนเข้าอกของผม
ผมจึงเดินเข้าไปจับหน้าของเธอและเอามือลูบปลายจมูกไปมา
"เจ็บดิ่!! ถามได้" ฉันปัดมือเขาออกจากจมูกและเงยหน้าขึ้นมองนายแม็ททิวและแยกเขี้ยวใส่เขาอย่างโมโห
"เฮ้ย!! ปล่อยนะจะพากูไปไหน??" แต่ก็ต้องตกใจที่อยู่ดีๆเขาจับฉันอุ้มพาดบ่าและเดินตรงไปที่ห้องนอน
เขาจะทำอะไรฉัน เธอดิ้นและโวยวายเสียงดังอย่างตื่นตะหนัก เธอเอามือทุบตีหลังนายแม็ททิวให้เขาเจ็บและยอมปล่อยฉันไป
นอกจากมันจะไม่เจ็บและไม่ยอมปล่อยแล้ว เขาเดินเข้ามาที่ห้องนอนและจับฉันโยนลงบนเตียงนอนอย่างแรง
ผมที่จับแอปเปิ้ลอุ้มพาดบ่าและเดินกลับมาที่ห้องนอน ในระหว่างที่ผมอุ้มเธอ
แอปเปิ้ลเธอก็เอาแต่ดิ้นและโวยวายเสียงดัง ไหนจะทุบตีหลังผมไปมา ถ้าถามว่าเจ็บไหม!? เจ็บชิบครับ
ผมจึงรีบเดินเข้าไปในห้องนอนและเดินตรงไปที่เตียงนอน ก็จะจับแอปเปิ้ลโยนลงบนเตียงอย่างแรง
"จะทำอะไร!!??" ฉันที่ถูกเขาจับโยนลงเตียงนอนอย่างแรง จุกไปหมดแล้ว ไอ้เหี้ย!! โยนกูลงมาได้
ฉันจึงพยุงตัวเองให้ลุกขึ้นและจะหันไปด่านายแม็ททิวนั้นก็ต้องกลืนคำด่าลงคอ และถามเขาเสียงสั่น
"อยากกินแอปเปิ้ล!!"
-------------------------------------------
....กวนตีนอีน้องมันมากๆ ระวังหน้าจะมีรอยไม่รู้ตัว........