บทที่ 1 ต่อ
ขวัญพิมลกลับมาถึงบ้านก็เก็บตัวอยู่ในห้องแล้วร้องไห้เงียบๆ ด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจที่ภูริต่อว่าเธอต่อหน้าเพียงฟ้าอย่างไม่ไว้หน้า เธอจะทำอย่างไรกับสถานะของตนดีนะ ขวัญพิมลครุ่นคิด หรือว่ามันถึงเวลาแล้วที่เธอจะปล่อยเขาไป แล้วก็ต่างคนต่างเป็นอิสระต่อกัน
เสียงลูกบิดประตูดังขึ้นเบาๆ ขวัญพิมลรีบเช็ดหน้าเช็ดตาแล้วทำสีหน้าให้เป็นปกติก่อนจะลุกขึ้นเก็บของใส่ตู้ให้เรียบร้อย หญิงสาวปรายตามองคนที่เดินเข้าห้องมาเงียบๆ โดยไม่พูดอะไรแล้วจะเดินออกไปจากห้องแต่ภูริเรียกเธอไว้ก่อน
“บอกกี่ครั้งแล้วว่าไม่ต้องไปที่บริษัท.. หรือว่าอยากแสดงตัวว่าเป็นเมียฉัน”
“ขวัญแค่อยากทำอาหารไปให้พี่ภูกินแค่นั้นค่ะ เห็นว่าเมื่อเช้าไม่ได้กินอะไร”
“ก็เพราะมีเธออยู่ร่วมโต๊ะไงก็เลยกินอะไรไม่ลง..”
ขวัญพิมลสะอึกหน้าร้อนผ่าวขอบตาก็ร้อนๆ เหมือนน้ำตามันจะไหลออกมาเสียอย่างนั้นจนต้องรีบเมินหน้าหลบตาเขา
“ขอโทษค่ะ”
“ขอโทษๆๆ ขอโทษแล้วมันทำให้ชีวิตฉันมันดีขึ้นไหม ฉันต้องโดนคุณแม่ด่าทุกวันเรื่องเธอนี่ ชีวิตฉันเกือบจะพังเพราะเธอจำได้ไหม”
“ค่ะ พี่ภูไม่ต้องห่วงนะคะ ขวัญจะหย่าให้พี่ภูเร็วๆ นี้ล่ะค่ะ”
“คิดว่ามันง่ายขนาดนั้นเลยหรือ เธอคิดว่าที่ทำอยู่นี่คือการเล่นขายของงั้นหรือ”
“ขวัญ..”
“เพราะพ่อแม่ฉันน่ะรักเธอ เอ็นดูเธอ ทำให้เธอเสียผู้เสียคนทำอะไรตามใจ” ขวัญพิมลหน้าจ๋อยน้ำตาซึม
“เอาเถอะ เธออยากทำอะไรก็ทำไปเถอะ.. เธอมันหน้าด้านหน้าทนอยู่แล้ว พูดอะไรไปก็ไม่ได้ทำให้เธอสำนึกหรอก”
พูดจบภูริก็เดินเข้าห้องน้ำไป ขวัญพิมลน้ำตาไหลออกมาอีกครั้งใจของเธอมันเจ็บมันแสบไปหมดแล้วตอนนี้ ทำอย่างไรภูริก็ไม่หายโกรธเธอ ทั้งที่ก่อนหน้าที่จะเกิดเรื่องภูริก็ยังเป็นพี่ชายที่แสนดี แม้จะมีท่าทีรำคาญเธอบ้างแต่เขาก็ไม่เคยพูดจาร้ายๆ ทำร้ายจิตใจเธอถึงขนาดนี้ พี่ภูที่เคยแสนดีคนนั้นไม่มีอีกต่อไป...
ขวัญพิมลนั่งลงร้องไห้เงียบๆ ในขณะที่คนซึ่งอยู่ในห้องน้ำกว้างนั้นกำลังขบกรามแน่น กำกำปั้นชกกับผนักห้องน้ำหนักๆ อย่างระบายอารมณ์...
“มีอะไรรึเปล่า..” คุณภาณุถามเมื่อเห็นสีหน้าคร่ำเครียดของคู่ภรรยา
“น้องคิดว่าที่น้องทำน่ะ มันเป็นเสียมากกว่าผลดี น้องสงสารหนูขวัญค่ะ” คุณภาณุถอนใจเบาๆ ไม่คิดจะซ้ำเติมความผิดพลาดของภรรยา
“แล้วน้องคิดจะทำยังไง”
“เมื่อวานหนูขวัญมาปรึกษาเรื่องหย่า..”
คุณริสาทำเสียงเครือเหมือนจะร้องไห้ คุณภาณุโอบกอดภรรยาอย่างปลอบโยน เข้าใจว่าภรรยาตนนั้นรักขวัญพิมลมากจึงทำทุกอย่างเพื่อผูกมัดขวัญพิมลไว้อยากได้เป็นลูกสาวอยากได้เป็นสะใภ้อีกทั้งขวัญพิมลก็มีใจให้ภูริ
“น้องจะทำยังไงดีคะ”
“ใจเย็นๆ ก่อน ดูท่าทีของพวกเขาไปก่อน..”
“แต่หนูขวัญร้องไห้ทุกวัน ตาภูก็ใจร้ายกับน้องเหลือเกิน..”
“น้องก็รู้นิสัยเจ้าตัวแสบดีว่าไม่ชอบให้ใครบังคับ วิธีการที่เราใช้นั้นมันทำให้เขาโกรธ และยิ่งมีทิฐิเพิ่มมากขึ้น.. เอาเป็นว่าเราใจเย็นๆ ก่อน ให้หนูขวัญเป็นคนตัดสินใจเองดีกว่า ถ้าหนูขวัญต้องการหย่าจริงๆ เราก็ห้ามไม่ได้”
คุณริสาพยักหน้าอย่างเข้าใจและยอมจำนนกับความจริงที่ว่า หากคนไม่รักกันจะบีบบังคับอย่างไรเขาก็ไม่อาจจะรักและอยู่ด้วยกันได้...
เช้าวันใหม่ขวัญพิมลก็ยังคงทำตัวเหมือนเดิมคือตื่นก่อนภูริและจัดเตรียมเสื้อผ้าทำงานให้เขาเหมือนเดิมแล้วลงไปทำอาหารเช้าไว้รอท่า แม้ว่าเขาจะกินหรือไม่กินเธอก็ดีใจที่ได้ทำเพื่อเขา
“วันนี้ขวัญขอไปธุระหน่อยนะคะคุณพ่อคุณแม่”
“จะไหนหรือลูก”
“ขวัญนัดกับพิมพ์ไว้ค่ะ” พิมพ์ประภา คือเพื่อนรักของเธอ เป็นเพียงเพื่อนคนเดียวเท่านั้นที่เธอมี
“อ้อ.. ฝากความคิดถึงไปให้หนูพิมพ์กับพ่อปุ๊ด้วยนะ” ปุ๊ หรือ ปุริม คือพายของพิมพ์ประภานั่นเอง
“ได้ค่ะ แล้วขวัญจะเอาต้นไม้สวยๆ มาฝากนะคะ” ขวัญพิมลบอกยิ้มๆ แม้ดวงหน้านวลจะดูเศร้าหมองไปบ้างแต่ก็ยังดีที่มีรอยยิ้มสดใสประดับอยู่
ขวัญพิมลน่ารักแสนดีขนาดนี้ทำไมลูกชายของพวกตนไม่ใจอ่อนเสียทีหนอ.. ผู้เป็นพ่อแม่ได้แต่คิดอย่างท้อแท้กับความใจแข็งของลูกชาย
ขวัญพิมลเตรียมถุงขนมที่ทำไปฝากเพื่อนรักและลุกขึ้นเดินไปหน้าบ้านก็พบกับร่างสูงใหญ่ของภูริที่กำลังจะออกไปทำงานพอดี วันนี้ทำไมเขาไปทำงานสายนะ.. ขวัญพิมลขมวดคิ้วอย่างสงสัย เธอไม่ได้ออกมาดูว่าเขาไปทำงานหรือยังเพราะมัวยุ่งกับการทำขนมไปฝากเพื่อนรัก และพยายามจะตัดใจเรื่องภูริด้วย ทำให้เธอไม่ออกมายืนตาละห้อยมองเขาไปทำงานเหมือนทุกวัน...
“พี่บัวผันจ๊ะเอาขนมไปใส่หน้ารถขวัญทีจ้ะ”
รถที่เธอว่านั้นเป็นรถมอเตอร์ไซค์คันเล็กดีไซด์สวยน่ารักน่าขับซึ่งเป็นที่นิยมขับกัน หญิงสาวหยิบหมวกกันน็อกมาสวมแล้วเดินตัวลีบผ่านภูริที่กำลังยืนคุยโทรศัพท์อยู่ จากเสียงแว่วๆ ก็พอจับใจความได้ว่าเขากำลังคุยกับเพียงฟ้าอยู่ยิ่งทำให้เธอรู้สึกเจ็บจนต้องรีบไปให้ไกลจากตรงนี้
ขวัญพิมลล้วงหากุญแจรถในกระเป๋าใบเก่งของตน วันนี้เธอตั้งใจจะขี่รถไปเองเพราะอยากได้ความคล่องตัวเธอกับพิมพ์ประภาชักชวนกันแว้นมอเตอร์ไซค์ไปเที่ยวชมเมืองกันประสาสาวๆ ที่ไม่ได้ขี่รถเที่ยวเหมือนสมัยเรียนมานานแล้วนั่นเอง
“จะไปไหน..” ขวัญพิมลสะดุ้งหันไปมองภูริที่ยืนอยู่ข้างหลังตาโต
“เอ่อ.. ขวัญ..”
“จะไปไหน แล้วจะขี่รถนี่น่ะเหรอไป” ขวัญพิมลพยักหน้าน้อยๆ
“ขวัญนัดกับพิมพ์ไว้ค่ะ เราจะไปขี่รถเที่ยวกัน”
“ไม่ให้ไป..”
“แต่ว่า..”
“ที่ว่าไม่ให้ไป นี่หมายถึงไม่ให้ขี่ได้รถงี่เง่านี่ไปต่างหาก แล้วนี่บอกคุณพ่อคุณแม่รึเปล่าว่าจะขี่รถนี่ไป” เขาชี้ไปที่รถคันเก่งของเธอ ขวัญพิมลพยักหน้าแล้วก็ส่ายหน้าหวือก้มหน้าอย่างยอมรับผิดว่าตนไม่กล้าบอกพวกท่านว่าจะขี่รถมอร์เตอร์ไซค์ไปบ้านพิมพ์ประภา แม้มันจะไม่ไกล แต่ก็ไม่ใกล้...
“ทำอะไรไม่คิด.. เอาของมานี่” เขาพูดพร้อมกับหยิบถุงข้าวของที่เธอเตรียมไว้ไปถือไว้
“ไปขึ้นรถ” ภูริชี้ไปที่รถคันใหญ่หรูหราของตน ขวัญพิมลส่ายหน้าหวือไม่กล้าจะขึ้นไปนั่งรถเคียงข้างเขา เธอจำได้ว่าเคยนั่งรถกับเขาไม่กี่ครั้ง และการนั่งรถคันใหญ่หรูหราของเขามันทำให้เธอเกร็ง ทั้งที่เวลานั่งไปกับคุณริสากับคุณภาณุนั้นไม่ได้มีความรู้สึกแบบนั้นเลย...
“แต่ขวัญ..”
“ถอดหมวกออกแล้วไปขึ้นรถ”
ไม่ต้องรอให้เขาพูดซ้ำ ขวัญพิมลถอดหมวกกันน็อกออกแล้วเดินไปที่รถของเขาทันทีแล้วเปิดประตูขึ้นไปนั่งเรียบร้อย จึงไม่ได้เห็นแววตาขบขันของอีกฝ่ายที่ปรากฏขึ้นเพียงแวบเดียว...