บทที่ 2. ไม่ไหวก็จะปล่อยมือ...   1/    
已经是第一章了
บทที่ 2. ไม่ไหวก็จะปล่อยมือ...
บทที่ 2. ไม่ไหวก็จะปล่อยมือ... เย็นวันนั้นหลังจากที่ตะลอนขี่รถเที่ยวกันอย่างเพลิดเพลินขวัญพิมลกับพิมพ์ประภาก็ซื้อของกลับมาทำอาหารเย็นกินกันที่บ้าน ทั้งสามช่วยกันทำอาหารอย่างสนุกสนาน ขวัญพิมลพอได้ลืมความเศร้าหมองในชีวิตของตนได้บ้าง ทั้งสามรับประทานอาหารและพูดคุยกันอย่างสนุกสนานอยู่ที่สนามหญ้าหน้าบ้าน “พรุ่งนี้พี่ว่าจะชวนน้องขวัญไปดูหนัง น้องขวัญว่างไหมครับ..” ขวัญพิมลกับพิมพ์ประภามองหน้ากันอึกๆ อักๆ “คือขวัญ..” “ยายขวัญไม่ค่อยว่างหรอกค่ะพี่ปุ๊ ขนาดมาวันนี้ยังต้องรอยายขวัญว่างตั้งหลายวันกว่าจะว่างมาได้ จริงไหมขวัญ” “จริงค่ะ.. ช่วงนี้ขวัญว่าจะขอคุณพ่อคุณแม่ทำงานข้างนอกค่ะ ขวัญอยากทำร้านขนม..” ขวัญพิมลชอบทำขนมและทำอาหาร เธอเรียนด้านโภชนาการและเรื่องเกี่ยวอาหารเป็นอะไรที่เธอสนใจ มันคงเป็นเพราะเธออยู่กับแม่มาตั้งแต่เด็กๆ แม่ทำงานเป็นแม่บ้านรับข้างทำงานบ้านให้บรรดาเศรษฐีและเธอก็มักจะได้ตามแม่ไปเสมอ ได้เข้าออกบ้านหลังใหญ่โตของคนดังมีชื่อเสียงหลายคน เธอมีความฝันว่าอยากจะมีบ้านแบบนั้นบ้าง อยากมีบ้านสวยๆ มีสวนดอกไม้และมีร้านขายขนมอร่อยๆ มีเงินมีรายได้เลี้ยงดูแม่ จนเมื่อแม่ได้มาทำงานเป็นแม่บ้านประจำเป็นแม่บ้านของคุณริสานี่ล่ะ เธอกับแม่จึงไม่ต้องตะลอนๆ ไปทำงานข้างนอกอีก จากที่เคยอยู่ห้องเช่าเธอกับแม่ก็ได้เข้ามาอยู่บ้านหลังเล็กซึ่งเป็นบ้านเก่าของคุณริสาเคยอยู่ก่อนจะสร้างบ้านหลังใหม่ที่ใหญ่โตสวยงาม แต่ไม่ค่อยได้อยู่เพราะต้องเดินทางไปต่างประเทศกับสามีและใช้ชีวิตอยู่ที่นั่นเป็นส่วนใหญ่ “แล้วน้องขวัญจะทำร้านเองหรือไงครับ” “ขวัญว่าจะไปเป็นลูกจ้างที่ร้านเขาก่อนค่ะ” ขวัญพิมลบอกชื่อร้านแห่งหนึ่งซึ่งเป็นร้านกาแฟชื่อดังหรูหรา และลูกค้าส่วนใหญ่ก็เป็นคนมีเงินร่ำรวยไฮโซ แต่ก็ต้องยอมรับว่าร้านนี้กาแฟและขนมรสชาติดีจริงๆ แต่ราคาก็สูงมากด้วย ซึ่งร้านนี้เธอเป็นคนคิดค้นสูตรขนมให้เนื่องจากรู้จักสนิทสนมกับเจ้าของร้านดี เพราะ กันต์ เป็นรุ่นพี่ที่มหาวิทยาลัยของเธอนั่นเอง “ร้านนี้สวยและดีจริง แต่พิมพ์ไม่ชอบอีตาผู้บริหารของร้านเลย ขี้เก๊กและนิสัยไม่ดี..” พิมพ์ประภาเบ้ปากอย่างไม่ชอบใจ “ก็เพราะพิมพ์อคติกับพี่กันต์เขาต่างหาล่ะจ๊ะ” กันต์ เป็นเจ้าของร้านคาเฟ่ชื่อดังนั้นเป็นชายหนุ่มที่ร่ำรวยหล่อเหลาเนื้อหอมทีเดียว เรียกได้ว่าเป็นหนุ่มเนื้อหอมมีชื่อเสียงมาสมัยที่เรียนร่วมสถาบัน “อย่าๆ อย่าพูดถึงชื่อนี้ ถ้ารักกันขอร้องเว้นไว้ในฐานที่เข้าใจกัน..” พิมพ์ประภาโบกมือไปมา ขวัญพิมลจึงหัวเราะเบาๆ ปุริมก็พลอยขบขันน้องสาวตัวเองไปด้วย เขาเองก็เคยเจอกับกันต์อยู่หลายครั้งและกันต์ก็มักมาดูต้นไม้ที่บ้านอยู่เสมอ และหากมาเจอกับพิมพ์ประภาทีไรพวกเขาก็มักจะมีเรื่องได้ปะทะคารมมีปากเสียงกันอยู่เสมอๆ แต่ดูเหมือนกันต์จะสนุกสนานกับการได้ยั่วประสาทน้องสาวเขามากกว่าจะถือสาจริงจัง... “แล้วน้องขวัญจะไปทำงานเมื่อไหร่ครับ” “ก็คงจะเร็วๆ นี้ล่ะคะ ถ้าคุณพ่อคุณแม่อนุญาตค่ะ อีกอย่างช่วงก่อนหน้านี้คุณแม่ไม่ค่อยแข็งแรงขวัญเป็นห่วงก็เลยรอไปก่อน.. ตอนนี้พยาบาลพิเศษก็ดูแลคุณแม่ได้อย่างดี ขวัญก็พลอยเบาใจก็เลยว่าจะลองออกมาทำงานดูน่ะค่ะ” ความจริงขวัญพิมลเคยบอกพวกท่านเรื่องนี้แล้ว และพวกท่านก็ตามใจเธอหากว่าอยากทำงานก็ไม่เคยขัดแม้จะไม่ค่อยอยากให้เธอออกมาทำงานนอกบ้านก็ตาม แต่เพราะคุณริสาร่างกายไม่ค่อยแข็งแรงเธอจึงเป็นห่วงและคอยดูแลอยู่อย่างใกล้ชิดจึงยังไม่ได้ทำงานที่ตนอยากทำ “อ้าว คุณภูหวัดดีครับ..” แล้วขวัญพิมลก็ต้องนั่งตัวแข็งเมื่อปุริมเอ่ยขึ้นและร่างสูงใหญ่ของภูริก็เดินมาหยุดข้างๆ เธอ หญิงสาวเงยหน้ามองเขาอย่างแปลกใจ ไม่นึกว่าภูริจะมารับเธอเร็วขนาดนี้ นั่นแสดงว่าเขาต้องออกจากที่ทำงานมาก่อนหน้านี้เกือบชั่วโมง... “พี่ภูกินอะไรมารึยัง ถ้ายังหากไม่รังเกียจกินข้าวกับพวกเราเลยนะคะ มาค่ะพิมพ์ตักข้าวให้” พิมพ์ประภายิ้มกว้างแล้วเรียกเขาอย่างสนิทสนมและตักข้าวให้ภูริเรียบร้อย ภูรินั่งลงแล้วยิ้มขอบคุณพิมพ์ประภา ท่าทางที่เขาแสดงออกต่อพิมพ์ประภานั้นอ่อนโยนไม่มีท่าทีแข็งกระด้างเย็นชาเหมือนที่ทำกับเธอ และเมื่อก่อนภูริก็เคยแสดงออกและปฏิบัติต่อเธอแบบนี้เช่นกัน.. แต่หลังจากที่... “ยายขวัญ.. นั่งเงียบอยู่ได้ยกแกงถ้วยนี้ไปใกล้ๆ พี่ภูสิ ของโปรดพี่ภูด้วยนะเนี่ย” ขวัญพิมลสะดุ้งน้อยๆ หลุดจากภวังค์คิดของตัวเองแล้วแอบจิกตาใส่เพื่อนรักที่เจ้ากี้เจ้าการ แต่เธอก็ยกถ้วยแกงเขียวหวานไก่มาตรงหน้าภูริแล้วตักใส่จานข้าวให้เขาตามมารยาท “ขอบใจ..” ภูริเอ่ยสั้นๆ แล้วตักข้าวใส่ปากเงียบๆ ปุริม พิมพ์ประภาและขวัญพิมลมองหน้ากันด้วยความรู้สึกที่แตกต่างกัน ปุริมจึงเอ่ยขึ้นเพื่อทำลายความเงียบ “กินข้าวอิ่มแล้ว เดี๋ยวพี่จะร้องเพลงให้ฟังดีไหม นานๆ จะมีการรวมตัวกันแบบนี้” “ดีค่ะๆ เดี๋ยวพิมพ์ไปหยิบกีตาร์ก่อน วันนี้ทุกคนจะได้ฟังเสียงของพิมพ์ประภาคนสวยเป็นบุญหู” “โอ๊ย.. อย่าเลย ขอร้อง..” ทั้งขวัญพิมลกับปุริมพูดขึ้นพร้อมกันแล้วหัวเราะให้กันอย่างขบขัน ในขณะที่ภูริปรายตามองใบหน้ายิ้มละไมของขวัญพิมลเงียบๆ แล้วไม่นานก็มีเสียงเพลงเพราะๆ จากกีตาร์โปร่งตัวโปรดและเสียงร้องเพลงอันไพเราะของปุริมบรรเลงขับกล่อม บรรยากาศยามเย็นย่ำของบ้านสวนก็ครึกครื้นมีชีวิตชีวา และภูริเองก็มีท่าทีที่ผ่อนคลายและยังร่วมร้องเพลงกับปุริมอย่างเป็นกันเองอีกด้วย ขวัญพิมลกับพิมพ์ประภาแอบหันมองหน้ากันอย่างคาดไม่ถึงแต่ก็ทำให้พวกเธอรู้สึกผ่อนคลายและสบายใจไปด้วย... ขวัญพิมลแอบปรายตามองคนที่กำลังตั้งใจขับรถแล้วครุ่นคิด ตั้งแต่ออกมาจากบ้านของเพื่อนรักเธอกับภูริยังไม่ได้พูดคุยกันสักคำก็ว่าได้... “มีอะไร” จู่เขาก็พูดขึ้นขวัญพิมลสะดุ้งน้อยๆ หันขวับมองเขาตาโต “ปะ เปล่าค่ะ” “ก็เห็นมองฉัน..” “เอ่อ คือ..” นี่เขารู้หรือว่าเธอแอบมองอยู่.. ขวัญพิมลหน้าร้อนผ่าวด้วยความอาย แบบนี้เดี๋ยวเขาก็พูดจาดูถากถางเอาอีก หญิงสาวใจแป้วทันที “มีอะไร..” “เปล่าค่ะ” “เปล่า... เปล่าแล้วจ้องเอาจ้องเอาทำไม” ภูริหันมามองเธอดุๆ ขวัญพิมลหน้าแดง “ก็.. ขวัญไม่ได้ยินพี่ภูร้องเพลงนานแล้ว.. อีกอย่างขวัญไม่คิดว่าพี่ภูจะร้องเพลงและกินข้าวร่วมกับเพื่อนของขวัญได้” “ทำไม ฉันมันเหมือนคนไม่มีมนุษย์สัมพันธ์หรือเป็นมิตรกับใครเลยหรือไง” “เปล่าค่ะ..” ขวัญพิมลส่ายหน้าหวือ.. “วันนี้พี่ภูไม่มีงานด่วนหรือมีประชุมหรือคะ..” เธอถามในสิ่งที่ตนสงสัยเพราะเห็นว่าเขามารับเธอเร็วกว่าเวลาที่กลับบ้านเพราะปกติภูริจะกลับถึงบ้านก็เกือบค่ำแทบทุกวัน “ทำไม มันแปลกมากหรือไง” “ก็.. ค่ะ” ภูริไม่พูดอะไรแต่และพวกเขาก็มาถึงบ้านพอดี
已经是最新一章了
加载中