บทที่ 3 ต่อ
“พี่บัวผันคะ ของในห้องขวัญหายไปไหนหมด” ขวัญพิมลเดินมาถามบัวผัน ซึ่งหันมายิ้มแหยๆ ให้เจ้านายสุดที่รัก
“คือว่า.. เอ่อ..”
“พี่ให้บัวผันเอากลับไปห้องเดิมเอง”
ขวัญพิมลหันไปมองภูริที่กอดอกมองเธอด้วยแววตาดุๆ หญิงสาวสะบัดหน้าเดินหนีอย่างไม่ชอบใจ เธอตั้งใจแล้วว่าจะตัดใจจากภูริและจะมอบอิสระคืนเขาไป และได้พูดคุยกับคุณริสาคุณภาณุจนเข้าใจแล้ว แต่คู่กรณีของเธอนี่สิกลับเป็นเสียแบบนี้ทั้งที่ก่อนหน้าไม่มีวี่แววจะสนใจเธอสักนิด
“กลับห้องได้แล้ว พี่มีเรื่องจะคุยด้วย”
“ขวัญว่าเราคุยกันรู้เรื่องแล้วนะคะพี่ภู ขวัญต้องการหย่า และจะหย่าให้เร็วที่สุดด้วย”
“พี่ไม่หย่าและก็บอกคุณพ่อคุณแม่ไปแล้วว่ารอเลี้ยงหลานได้เลย..” ภูริพูดหน้าตาย
“พี่ภู..” ขวัญพิมลเสียงสูงหน้าแดงก่ำแล้วหันไปมองพี่ผัวบัวที่ยืนทำหน้าตายอยู่ข้างๆ แต่เธอรู้ดีว่าพี่บัวผันกำลังอยากจะหัวเราะแต่ไม่กล้า ในที่สุดเป็นเธอเองที่เดินหนีออกมา
“ไม่ต้องหัวเราะนะ ถ้าได้ยินเสียงหัวเราะฉันจะไล่เธอออก..” ภูริพูดนิ่งๆ แล้วเดินจากไป...
ขวัญพิมลเดินไปเดินมาในห้องด้วยความประหม่าและกลัดกลุ้มเมื่อโซฟาตัวใหญ่ที่เคยนอนนั้นมันหายไป แล้วภูริจะให้เธอนอนตรงไหน...
“พี่ให้คนเอาไปทิ้งแล้วไอ้โซฟาเฮงซวยนั่น”
“แล้วจะให้ขวัญนอนตรงไหนคะ จริงๆ แล้วไม่ต้องนอนห้องเดียวกันก็ได้ค่ะ เพราะขวัญบอกคุณพ่อคุณแม่แล้วว่าเราไม่ได้นอนร่วมเตียงกันมาตั้งแต่วันแรกแล้ว”
“ก็ไม่เป็นไร นับจากนี้เราจะนอนเตียงเดียวกัน” เขาพูดหน้าตายแต่เธอนี่หน้าร้อนผ่าวไปหมด
“พี่ภู.. ขวัญจริงจังนะคะเรื่องหย่า..” ขวัญพิมลพยายามรวบรวมสติสมาธิเพื่อพูดคุยกับถูริเพราะตั้งรับปฏิกิริยาของเขาไม่ทัน
“พี่ก็จริงจัง..” คราวนี้ภูริเดินเข้ามาใกล้ ขวัญพิมลถอยหลังไปสองสามก้าวมองเขาอย่างระแวงจนน่าขัน เมื่อก่อนเจ้าหล่อนทำทุกอย่างเพื่อให้ได้ใกล้ชิดเขา เพื่อให้ได้เป็นเจ้าของเขา แต่มาตอนนี้จะมาตีจากซ้ำยังท้าหย่าอีกต่างหาก มันหยามกันเกินไปแล้ว ไม่ว่าจะอย่างไรเขาไม่มีทางหย่าให้เธอไปเสวยสุขกับชายอื่นเด็ดขาด ในเมื่อตั้งแต่อยู่ด้วยกันมาร่วมปี เขาไม่เคยได้ใช้สิทธิ์ความเป็นสามีด้วยซ้ำ แบบนี้ก็เท่ากับว่าเขาเสียเปรียบทุกทาง ภูริคิดเข้าข้างตัวเองอย่างเย่อหยิ่ง
“แต่ว่า..”
“ไม่มีแต่ เอาล่ะ นอนได้แล้วดึกแล้ว”
“ขวัญจะไปนอนห้องของขวัญ”
“ห้องของขวัญคือห้องนี้ ไม่มีห้องอื่น.. อย่าเรื่องมาก อย่ายั่วโมโหพี่”
“ขวัญเปล่า..”
“ที่กำลังทำอยู่นี่ล่ะคือการยั่วโมโห และอาจจะยั่วอย่างอื่นด้วย..” คำพูดกำกวมนั้นทำให้ใบหน้างามร้อนผ่าว
“ขวัญจะนอนแล้วค่ะง่วงแล้ว ขอแปรงฟันก่อนนะคะ”
รีบตัดบทและผละออกห่างอย่างเร็วไวเลยทีเดียว ภูริมองตามหลังคนที่แทบจะวิ่งเข้าห้องน้ำไปอย่างขบขัน รอยยิ้มระบายเต็มใบหน้าหล่อเหลา รอยยิ้มที่ขวัญพิมลอยากได้รับแต่เธอกลับไม่ได้เห็นมันเพราะมัววิ่งไปหลบหน้าเขาในห้องน้ำ
คืนนี้จะนอนอย่างไรกันนะ.. ขวัญพิมลมองเตียงกว้างและคนที่นอนอ่านหนังสืออยู่บนเตียงอย่างลังเลและประหม่า เธออยู่ในห้องเดียวกับเขามาร่วมสองปีแต่ก็ยังไม่เคยชินกับการได้ใกล้ชิดกับเขา เพราะต่างคนต่างอยู่ในมุมของตัวเองและอีกอย่างภูริไม่ค่อยกลับบ้าน หรือบางทีเขาก็กลับเข้ามาตอนที่เธอหลับไปแล้วและตอนเช้าเธอก็ตื่นก่อนเขาและแทบจะไม่ได้เจอหน้ากันตอนตื่นนอน...
“มานอนได้แล้ว” ขวัญพิมลสะดุ้งน้อยๆ เมื่อได้ยินเสียงเร่งเร้า หญิงสาวเดินช้าๆ อ้อมไปอีกฝั่งของเตียงกว้างที่ไม่เคยได้นอนร่วมกันสักที
“ราตรีสวัสดิ์ค่ะ” เธอเอ่ยเบาๆ แล้วดึงผ้าห่มคลุมมาถึงใบหน้าเหลือไว้แค่ดวงตากลมโตที่ยังเหลือบมองเขาอย่างระแวงระวัง ภูริเองก็ปรายตามองเธออยู่เช่นกัน
“มีอะไร”
“ไม่ค่ะ” ขวัญพิมลรีบพลิกกายหันหลังให้เขาทันที ภูริยิ้มบางๆ แล้วปิดไฟ และเขาก็รู้สึกได้ว่าคนนอนข้างๆ สะดุ้งน้อยๆ
“ที่ให้นอนร่วมเตียงด้วยนี่ไม่ได้หมายความว่าพิศวาสหรอกนะ แค่รักษาสิทธิ์ความเป็นสามีตามกฎหมาย ไม่ต้องดีใจจนเนื้อเต้นขนาดนั้น” ภูริแล้วหลับตาลงและแกล้งขยับไปนอนเบียดกับเธอทั้งที่เตียงออกกว้าง ภูริลอบยิ้มเมื่อคนที่นอนหันหลังให้หันมาทำตาเขียวๆ ใส่เขา
“พี่ภู.. ขยับไปหน่อยสิคะ ขวัญจะตกเตียงแล้ว”
“อ้าวเหรอ.. พี่นอนคนเดียวเสียชินแล้วก็นอนดิ้นด้วย..”
“ถ้าพี่ภูไม่ชินขวัญนอนที่พื้นได้ค่ะ พรุ่งนี้ค่อยเขาโซฟากลับมาหรือขวัญจะไปนอนห้องของขวัญดีกว่า”
“เอ๊าๆ ขยับให้ก็ได้ ขยับมาสิ จะไปนอนที่ขอบเตียงทำไมเดี๋ยวก็ตกเตียงแข้งขาหักไปจริงๆ หรอก”
“จริงๆ แล้วถ้าการนอนร่วมเตียงกันมันลำบาก ขวัญว่าเรานอนแยกกันดีกว่านะคะ”
“ไม่ลำบากสักนิดเลยพี่ยินดีแบ่งเตียงให้ขวัญ”
“ค่ะ.. เป็นเรื่องที่น่ายินดีมาก แต่ขวัญไม่ได้ต้องการมันแล้ว” ขวัญพิมลกระแทกเสียงใส่
“ไม่ต้องการหรือไม่ ขวัญไม่มีสิทธิ์ที่จะปฏิเสธมัน เพราะขวัญได้เลือกมันไปแล้วตั้งวันแรกที่ขวัญคิดจะจับพี่” หญิงสาวเม้มปากอย่างน้อยใจ
“ใช่ค่ะ ตอนนั้นขวัญมันโง่เอง และเสียใจมากที่เลือกผิด แต่ขวัญก็จะแก้ตัวด้วยการหย่าให้พี่ภูแล้วนี่คะ พี่ภูจะเอาอะไรอีก ในเมื่อพี่ภูไม่ได้เคยรักขวัญไม่ต้องการขวัญอยู่แล้ว” หนุ่มสาวนั่งเผชิญหน้ากันบนเตียง หากเป็นช่วงเวลาอื่น หรือเป็นคู่รักคู่อื่นมันคงหวานชื่น
“ใช่.. เธอมันโง่มากขวัญที่คิดว่าทะเบียนสมรสจะผูกมัดผู้ชายสักคนให้เป็นของเธอได้ คนเราจะอยู่ด้วยกัน แต่งงานกัน อยู่กินกันแบบผัวเมีย มันไม่ได้มีแค่ทะเบียนสมรส..”
ขวัญพิมลเมินหน้าหนี รู้ดีว่าสิ่งที่มันมีมากกว่านั้นคืออะไร และเธอคงไม่มีวันได้มันจากเขา...
“แล้วไงคะ.. ตอนนี้ขวัญก็จะคืนมันให้พี่ภูไงคะ ขวัญเองก็จะเอาความรักที่ขวัญมีให้พี่ภูคืนเหมือนกัน นับจากนี้ ขวัญจะเอามันไปให้คนอื่นที่เห็นค่ามันมากกว่า..”
ได้ยินคำพูดนี้แล้วภูริแทบคลั่งเลยทีเดียวความร้อนระอุก่อเกิดในหัวใจ แต่คนอย่างเขากเย่อหยิ่งและทระนงตนมากว่าจะยอมเสียของที่เป็นของตนไป ขวัญพิมลคือของของเขาคือเมียที่ถูกต้องตามกฎหมาย แม้จะไม่ได้อยู่กินกันฉันสามีภรรยามาตั้งแต่จดทะเบียนแต่เธอก็คือเมียของเขาอยู่ดี ดังนั้นไม่ว่าเป็นตายร้ายดียังไงขวัญพิมลก็ต้องอยู่กับเขาเป็นของเขาตลอดไป...
นี่เขาไม่ได้เห็นแก่ตัวใช่ไหม.. ภูริอดถามตัวเองไม่ได้แต่ก็เชื่อมั่นว่าขวัญพิมลไม่มีทางเปลี่ยนไปรักคนอื่นได้แน่นอน...
“ไม่มีทางที่เธอจะรักคนอื่นได้หรอกขวัญ เธอจะเป็นทาสรักพี่ไปจนตายนั่นล่ะ”
“มันก็ไม่แน่หรอกค่ะ.. เพราะขวัญเหนื่อยแล้ว.. ราตรีสวัสดิ์อีกทีนะคะ” ว่าแล้วขวัญพิมลก็ล้มตัวลงนอนหันหลังให้เขาอีกครั้ง ภูริเม้มปากอย่างขัดใจ อยากจะทำอะไรมากกว่านั่งมองเธอแบบนี้
แต่.. ยังก่อน.. มันยังไม่ถึงเวลา.. ชายหนุ่มบอกตัวเองแล้วนอนลงแต่ดวงตาคมยังจ้องแผ่นหลังของเธอไม่วางตา..