บทที่ 3.จบตอน
เสียงโวยวายของเจ้านายหนุ่มดังลั่นทั่วบ้านและก็เป็นบัวผันอีกนั่นล่ะที่โดนภูริตวาดใส่ด้วยความฉุนเฉียว สาวใช้จอมแก่นจำต้องวิ่งหน้าตื่นเข้ามาในครัว...
“แย่แล้วค่ะคุณขวัญขา..”
“มีอะไรคะพี่บัวผัน”
“คุณภูค่ะคุณภู..” บัวผันพูดไปหอบไปสีหน้าท่าทางดูลุกลี้ลุกลนจนคนฟังใจคอไม่ดีคิดว่าภูริเป็นอะไรไป หญิงสาววางงานในมือฝากให้แม่บ้านใหญ่ดูแลแทนแล้วรีบเดินออกไป
“คุณภูเป็นอะไรวะนังบัวผัน..” ป้าต้อย หัวหน้าแม่บ้านถามด้วยสีหน้างุนงงสงสัยไม่แพ้กัน
“ไม่ได้เป็นอะไร..”
“อ้าว.. แล้วเมื่อกี้เอ็งทำท่าเหมือนคุณภูเธอเป็นอะไรไปงั้นล่ะ”
“แค่คุณภูอยากให้คุณขวัญขึ้นไปหา ฉันกำลังจะบอกแต่คุณขวัญออกไปก่อน” บัวผันพูดหอบๆ
“ปัดโธ่.. ข้าก็นึกว่าคุณภูเธอเป็นอะไรหนักหนา อย่างลื่นล้มในห้องหรือเกิดอุบัติเหตุอะไร”
“แหะๆ จริงๆ แล้วฉันคิดว่าคุณภูก็แค่อยากให้เมียไปเอาใจ”
“ไหน เอ็งพูดใหม่สิ..” ป้าต้อยหันขวับมามองอย่างไม่อยากเชื่อ
“เอ๊า แก่แล้วหูตึง”
“นังบัวผัน ลามเป็นขี้กลากนะเอ็ง..” ป้าต้อยเงื้อทัพพีขึ้นหมายจะฟาดกบาลบัวผันแต่สาวใช้สุดพลิ้วก็หลบทันหัวเราะชอบใจ
“ก็คุณภูน่ะ ไม่รู้วันนี้เป็นอะไรผีอะไรเข้าก็ไม่รู้ โวยวายลั่นเลย ฉันก็เลยเข้าไปดูว่าคุณภูเธอต้องการอะไร แต่ก็โดนดุแล้วยังเรียกหาคุณขวัญดังลั่น ฉันก็เลยวิ่งมาบอกคุณขวัญนี่ล่ะ”
“แปลกจริง ร้อยวันพันปีไม่เคยเรียกหา”
“นั่นสิ หรือว่าจะนึกขึ้นได้ว่าตัวเองมีเมีย”
“เอ็งก็ว่าไปปป” ป้าต้อยลากเสียง
“แน่ะ ป้านี่ก็ทันสมัยกับเขาเหมือนกันนะ ว่าไปปปป”
“ทะลึ่งแล้วเอ็ง มาทำงานได้แล้ว.. ไม่ต้องไปยุ่งเรื่องเจ้านายให้มากนัก” ป้าต้อยค้อนแล้วทำหน้าที่ของตนต่อ...
“พี่ภูเป็นอะไรคะ..” ขวัญพิมลหน้าตื่นเข้ามาในห้องก็พบว่าร่างสูงใหญ่ของเขายืนหน้าตึงอยู่หน้ากระจกแต่งตัว
“ไปไหนมา..” เขาไม่ตอบแต่ถามด้วยน้ำเสียงขุ่นๆ ขวัญพิมลขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจเพราะปกติเธอก็ไม่เคยต้องมาบอกเขาว่าตนไปไหนและเขาก็ไม่เคยสนใจว่าเธอจะทำอะไรอยู่แล้วในแต่ละวัน...
“ยังไงคะ..” ขวัญพิมลไม่เข้าใจจริงๆ กับคำถามของเขาแต่ภูริก็ไม่ได้ให้ความกระจ่าง
“ไม่มีคนช่วยแต่งตัว..”
“หืม..” ขวัญพิมลทำเสียงในลำคอมองเขาอย่างคาดไม่ถึงก่อนจะถอนใจออกมาเบาๆ เหมือนเขาเป็นเด็กชายเกเรแสนเอาแต่ใจ ใช่.. ตอนนี้เขาจะทำตัวเป็นเด็กชายเกเร ใครจะทำไม ถ้าทำแล้วขวัญพิมลหันมาสนใจเขาเหมือนเดิมเขาก็จะทำ ภูริคิดในใจ
“ติดกระดุมให้พี่หน่อยสิ วันนี้เมื่อแขนจังติดตั้งนานแล้วไม่เสร็จสักที”
“ปกติพี่ภูก็แต่งตัวเองนี่คะ” ปกติในทุกๆ วันขวัญพิมลจะตื่นก่อนเสมอ แล้วเตรียมเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายไว้ให้เขาก่อนลงไปทำงานของตัวเอง
“วันนี้อยากให้เมียทำให้” เขาต้องตอกย้ำว่าเธอคือเมียของเขา และต้องเอาใจสามีอย่างเขาด้วย คนที่มีแผนการบางอย่างในใจคิดอย่างยิ้มย่องในขณะที่ขวัญพิมลดูเก้อๆ ไปคงจะไม่ชินและไม่รู้จะรับมือกับความเปลี่ยนแปลงของคนตรงหน้าอย่างไร เธอมึนงงไปหมด...
“ไม่ค่ะ พี่ภูต้องทำเองค่ะ ถ้าไม่มีอะไรแล้วขวัญกลับไปทำงานของตัวเองก่อนนะคะ”
“ไม่เอา..”
“อุ๊ย..” ภูริคว้าข้อมือเธอไว้แล้วดึงเข้ามาหาตัว และแน่นอนว่าร่างอรชรนั้นก็ต้องมาซบอกกว้างของเขาอย่างแม่นยำ ใบหน้างามที่เงยมองเขานั้นแดงก่ำ ดวงตาสาวไหวหวั่นอย่างเห็นได้ชัด
“ปล่อยเลยค่ะ พี่ภูอย่ามาทำตัวแปลกๆ กับขวัญนะ ขวัญไม่ทำให้หรอกค่ะ”
“น่านะ วันนี้พี่เหนื่อยจริงๆ อยากให้เมียช่วย อ๊ะๆ พูดคำว่าหย่าเมื่อไหร่จะจูบให้ปากช้ำเลยแล้วพี่จะใช้สิทธิ์สามีทันทีเลยด้วย..”
เมื่อเธออ้าปากจะพูดภูริรีบแย้งไว้ก่อน เรียวปากอิ่มระเรื่อที่เขาเพิ่งเห็นว่ามันน่าจูบมากๆ นั้นเม้มเข้าหากันดวงตาวาววับมองเขาอย่างขุ่นเคือง แววเกรี้ยวกราดในดวงตาคู่งามทำให้เขาอารมณ์ดีอย่างประหลาด อย่างน้อยมันก็ดีกว่าแววเศร้าสร้อย...
“น้า.. ช่วยแต่งตัวให้ผัวหน่อย ไหนๆ ก็เป็นผัวเมียหลอกๆ มาตั้งนานแล้ว วันนี้เราก็ทำลองมาทำแบบผัวเมียจริงๆ เขาทำกันดีกว่า หรือจะข้ามขั้นตอนช่วยผัวแต่งตัวทำอย่างอื่นแทนก็ได้”
“ก็ได้ค่ะๆ พี่ภูปล่อยขวัญก่อนสิคะ”
“ครับๆ ได้เลยครับ..”
ภูริปล่อยเธอแล้วยืนนิ่งๆ ให้เธอติดกระดุมเสื้อให้ ใบหน้าหล่อเหลาระบายยิ้มพึงพอใจในขณะที่คนติดกระดุมเสื้อและผูกไทให้เขานั้นหน้าแดงก่ำ...
“เรียบร้อยแล้วค่ะ..”
“ขอบคุณครับ” ว่าแล้วก็หอมแก้มนวลหนักๆ แล้วเดินผิวปากไปหยิบเสื้อสูทมาใส่ ปล่อยให้ขวัญพิมลยืนอึ้งกับการกระทำของเขา
“เราไปกินข้าวกันดีกว่า” ขวัญพิมลไม่มีโอกาสได้พูดอะไรอีกตามเคยได้แต่เดินตามเขาไปเงียบๆ
คุณริสากับคุณภาณุมองหน้ากันแล้วทำเหมือนไม่ได้รู้สึกแปลกใจกับท่าทางที่เปลี่ยนไปของลูกชาย แต่ก็ยิ้มทักทายเป็นปกติ
“เห็นเด็กมันบอกว่าพ่อภูโวยวายอะไรแต่เช้า”
“เมียหายน่ะครับ.. ก็เลยเรียกหาแค่นั้น..”
“หา.. เมีย..” ผู้เป็นพ่อแม่พูดขึ้นพร้อมกันแล้วจ้องมองชายหนุ่มเหมือนตัวประหลาดอะไรสักอย่าง ภูริขยับตัวอย่างอึดอัด
“อะไรกันครับ มองผมเหมือนไม่เคยเห็น”
“เห็นทุกวัน แต่วันนี้เหมือนไปโดนตัวไหนมา..” ผู้เป็นพ่อพูด
“หรือว่า..”
“ไม่ใช่อย่างนั้นหรอกค่ะคุณพ่อคุณแม่ ไม่มีอะไรค่ะ” ขวัญพิมลรีบปฏิเสธอย่างเร็วไวแก้มสาวแดงก่ำด้วยความขัดเขิน
“อ้อ.. แล้ว เอาล่ะกินข้าวๆ” คุณริสาถอนใจไม่รู้ว่าโล่งอกหรือเสียดายกันแน่...
“พี่ไปทำงานก่อนนครับขวัญ แล้วอย่าลืมเอาข้าวกล่องไปส่งพี่ด้วยล่ะ”
ภูริบอกเมื่อเขารวบช้อนและดื่มน้ำแล้วเรียบร้อยก่อนจะลุกขึ้นโน้มใบหน้าลงมาหอมแก้มขวัญพิมลเบาๆ แล้วเดินออกไปท่ามกลางอาการตกตะลึงของทุกคน บัวผันซึ่งยืนรอดูแลความเรียบร้อยให้เจ้านายถึงกับทำทัพพีหลุดมือ และเสียงของหล่อนกระทบพื้นทำให้คุณริสาตวัดสายตาไปมองอย่างไม่ชอบใจแกมขบขัน...
“เหมือนเห็นผีเลยสิแกนังบัวผัน..”
“แหะๆ ขอโทษค่ะคุณท่าน” บัวผันรีบเก็บของแล้วเดินกลับเข้าครัวไป และแน่นอนว่าเรื่องนี้มันต้องขยายกระจายกันออกไปให้รับรู้กันทุกคน...
“เอ่อ.. ขวัญขอตัวก่อนนะคะ” ขวัญพิมลหน้าแดงก่ำรีบเอ่ยปากขอตัวลุกขึ้นวิ่งกลับขึ้นห้องของตนไป
“หึหึ.. ไม่คิดว่ามันจะเป็นแบบนี้” คุณภาณุเอ่ย
“เชื่อน้องหรือยังคะว่ามันต้องอย่างนี้” คุณริสาตบเข่าฉาดอย่างถูกใจ
“ครับ เชื่อแล้ว เมียพี่สุดยอด” แล้วทั้งสองก็หัวเราะอย่างมีความสุข...