บทที่ 4 ต่อ
“อ้าวภู กลับมานานแล้วเหรอ วันนี้เกิดอะไรขึ้นถึงได้กลับบ้านเร็ว..” คุณภาณุทักลูกชายที่นั่งหน้าตูมดื่มไวน์อยู่ในห้องนั่งเล่นอย่างแปลกใจที่เห็นลูกชายของตนกลับบ้านทั้งที่ตะวันยังไม่ตกดิน
“ทำไมหรือครับ การที่ผมกลับบ้านเร็วนี่มันผิดปกติหรือไง”
“ก็ใช่น่ะสิ วันนี้ไม่ไปเที่ยวกับสาวๆ หรอกรึ”
“ไม่ครับ เบื่อๆ”
“แกนี่นะเบื่อ.. หึหึ.. วันนี้ฉันคงกินยาผิดแน่ๆ หูฝาดตาฝาด”
คุณภาณุหัวเราะลั่น ในขณะเดียวกันขวัญพิมลกับปุริมก็เดินถือข้าวของเข้าพร้อมกับสาวใช้สองคนช่วยถือของ แต่ท่าทางสนิทสนมของเธอกับปุริมทำให้ใครบางคนไม่ค่อยพอใจ และเมื่อพอเห็นเขาขวัญพิมลก็ชะงักเล้กน้อยแล้วทำเหมือนเขาไม่มีตัวตน
“พี่ปุ๊ นั่งคุยกับคุณพ่อไปก่อนนะคะ เดี๋ยวขวัญขอไปเตรียมของก่อน” ขวัญพิมลเพียงมองเขาเล็กน้อยแล้วยิ้มให้บางๆ ก่อนจะหันไปพูดกับปุริมแล้วเดินผ่านเขาเข้าครัวไปโดยไม่ได้ทักทายอะไร
“หวัดดีครับคุณภู” ปุริมเอ่ยทักทาย
“หวัดดี แล้วนี่นายมาทำไม”
“พ่อชวนพ่อปุ๊เขามากินข้าวที่บ้านน่ะ วันนี้เราจะทำบาบีคิวกัน ต้องสนุกแน่ๆ เลยว่าไหมพ่อปุ๊”
“ครับคุณลุง”
“เล่าเรื่องต้นไม้ให้ฟังหน่อย ลุงว่าอยากได้ต้นไม้สวยๆ สักสี่ห้าต้น”
คุณภาณุชวนปุริมคุย เพราะปุริมนั้นเป็นนักสะสมต้นไม้ตัวยงเลยทีเดียว ในบ้านสวนของชายหนุ่มมีต้นไม้หลากหลายชนิดทั้งที่หายากและไม้มงคลหลายอย่าง อีกทั้งปุริมยังตอนกิ่งและเพาะพันธุ์ขายด้วย แม้จะเป็นธุรกิจที่ทำตามใจรักแต่มันก็ทำรายได้ให้กับปุริมไม่น้อย เรียกได้ว่าชายหนุ่มรุ่นลูกคนนี้ไม่กระจอกและไม่ธรรมดาเลย
“ตอนนี้ผมกำลังมองหาต้นไม้มลคลแบบที่หายาก ต้นไม้โบราณมาปลูกอยู่ครับ..”
“เหรอ.. ดีๆ น่าสนใจ เดี๋ยววันหลังลุงจะชวนหนูขวัญไปดูด้วย” ทั้งสองคุยกันอย่างออกรสจนทำให้ภูริต้องแสดงว่ามีตัวตนด้วยการกระแอมเบาๆ ขัดจังหวะ ผู้เป็นพ่อหันมามองแล้วเอ่ยขึ้น
“ถ้าไม่ไหวก็ไปนอนพักก่อนได้นะภู ถ้าคอแห้งก็เลิกดื่มไปหาน้ำเย็นๆ หรือน้ำผลไม้ดื่มไป”
“ผมยังไม่เมาสักหน่อย แล้วก็ไม่ได้คอแห้งด้วย..”
“แล้วกระแอมกระไอทำไมนักหนา”
“แค่ระคายคอนิดเดียวเองครับคุณพ่อ..”
คุณภาณุทำเสียง หึ ในลำคอแล้วชวนปุริมออกไปเดินดูต้นไม้ที่ตนปลูกไว้ ภูริมองพ่อของตนอย่างไม่ค่อยพอใจที่เห็นท่านให้ความสนิทสนมกับปุริมมากเกินความจำเป็นทั้งที่ผู้ชายด้วยกันก็ดูออกว่าปุริมนั้นคิดอย่างไรกับขวัญพิมล ภูริหงุดหงิดฉุนเฉียวอยู่คนเดียวเมื่อคนทั้งบ้านแทบไม่มีใครสนใจเขาตอนนี้ดูเหมือนทุกคนตื่นเต้นที่จะมีการปิ้งบาบีคิวและรับประทานอาหารที่สวนหน้าบ้านกัน บรรดาสาวใช้กับคนงานชายพากันกระวีกระวาดจัดที่จัดทางกันอย่างคึกคัก เสียงพูดคุยหัวเราะสนุกสนานและชื่นชมขวัญพิมลด้วยความรักใคร่นั้นทำให้เขาครุ่นคิดบางอย่าง...
ภูริลุกขึ้นแล้วเดินออกไปที่สนามหญ้าช้าๆ เมื่อเห็นว่าปุริมกับขวัญพิมลกำลังช่วยกันจัดของอยู่ท่าทางของทั้งคู่ดูสนิทสนมมีความสุขเหลือเกิน...
“อุ๊ย.. คุณภู” บัวผันสาวใช้ผู้อยู่ในสถานการณ์ที่เขาตกที่นั่งลำบากเสมอ สะดุ้งมองเขาอย่างขลาดๆ เมื่อหันมาเจอร่างสูงใหญ่ของเขา เจ้าหล่อนเกือบทำแก้วหลุดมือ
“จะไปทำอะไรก็ไป” ภูริบอกเสียงเข้มหน้าเข้ม บัวผันรีบลนลานเดินออกไปทำหน้าที่อื่น ร่างสูงใหญ่เดินหาหนุ่มสาวที่กำลังหัวร่อต่อกระซิกกันอยู่ด้วยสีหน้าบึ้งตึง
“พี่ปุ๊คะ วานหยิบที่คีบให้ขวัญหน่อยค่ะ” ขวัญพิมลบอกขณะหันไปสนใจอาหารบนเตาย่างที่กำลังส่งกลิ่นหอมกรุ่นยั่วน้ำลาย
ปุริมกำลังจะเดินมาหยิบที่คีบให้ขวัญพิมลก็ต้องชะงักเมื่อเห็นร่างสูงใหญ่ของภูริยืนอยู่และในมือของเขาก็กำลังถือที่คีบอาหารอยู่ ภูริแค่นยิ้มน้อยๆ แล้วเดินไปยืนข้างๆ ขวัญพิมล ใบหน้านวลมันเล็กน้อยแต่ทำให้เธอดูน่ามองอย่างประหลาด ขวัญพิมลยื่นมือมารับที่คีบอาหารจากมือเขาโดยไม่มองหน้า
“ขอบคุณค่ะ พี่.. เอ่อ..” หญิงสาวอ้าปากค้างก่อนจะหุบยิ้มหวานๆ นั้นทันที ทำให้ภูริหงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูก เขารู้สึกว่าช่วงนี้ขวัญพิมลเปลี่ยนไปไม่ค่อยยิ้มไม่ค่อยสนใจเขาเหมือนเดิม วันนี้ก็ไม่มีข้าวกล่องไปส่งที่ทำงาน ไม่มีน้ำฝรั่งปั่นเย็นๆ อย่างที่เขาชอบรอท่า ไม่มีรอยยิ้มสดใสเอาใจเหมือนที่ผ่านมา
หรือว่าขวัญพิมลจะหมดรักเขาแล้วหันไปรักคนอื่นอย่างที่พวกสาวใช้ว่ากันจริงๆ ถ้าเป็นแบบนั้นมันก็ดีไม่ใช่เหรอ เพราะเขาก็ไม่ได้รักใคร่ใยดีเธอ เขาอยากหย่ากับขวัญพิมลใจจะขาดนี่นา...
ไม่.. ไม่ดีเลย.. ภูริครุ่นคิดในใจอย่างหงุดหงิดสับสน...
“พี่ภู..”
“พี่หิวแล้ว” เขาบอกเสียงห้วน
“รอสักครู่นะคะ เตาเพิ่งร้อน..” เธอบอกอย่างนุ่มนวลอ่อนหวานตามแบบของตน
ใช่.. ขวัญพิมลน่ารักสดใสคำพูดคำจาอ่อนหวาน แต่ก็ฉะฉานในที เธอมีบุคลิกที่น่ามองไม่น้อยหากว่าจะมองอย่างพิจารณาจริงจัง.. แน่นอนล่ะว่าเขารู้ข้อนั้นดี ขวัญพิมลนั้นน่ารักสดใส นุ่มนวลอ่อนหวานแต่ก็กระฉับกระเฉงน่ามอง
“ใครๆ ก็อยากได้ผู้หญิงอย่างหนูขวัญเป็นเมียทั้งนั้น มีก็แค่พวกตาถั่วและมากอคติเท่านั้นล่ะที่โง่เขลาไม่อยากได้ ระวังเถอะสักวันจะเสียของดีมีค่าไปและไม่มีโอกาสได้คืน..” แล้วคำพูดนี้ของผู้เป็นแม่แวบเข้ามาในหัว
“อืม.. แล้วนายน่ะ เมื่อไหร่จะกลับ” เขาหันไปถามปุริมที่กำลังยกถาดอาหารที่เตรียมจะย่างบนเตามาหาขวัญพิมล ปุริมชะงักทำหน้าเหลอหลาเล็กน้อย
“พี่ปุ๊เป็นแขกของขวัญและจะอยู่กินข้าวกับเราก่อนค่ะ คุณแม่บอกว่ามีเรื่องจะคุยกับพี่ปุ๊ด้วย อีกสักครู่คุณแม่ก็มาถึงแล้วค่ะ”
“พี่ถามปุริมไม่ได้ถามเธอ” ขวัญพิมลเม้มปากเล็กน้อยก่อนจะตอบเขาด้วยน้ำเสียงปกติ
“แต่พี่ปุ๊เป็นแขกของขวัญค่ะ..” เธอบอกแค่นั้นแล้วหันไปยิ้มกับปุริมแล้วคีบอาหารวางลงบนเตาย่างโดยไม่สนใจท่าทางหงุดหงิดของเขาแม้แต่น้อย หากเป็นเมื่อก่อนขวัญพิมลจะกลัวมากว่าจะทำให้เขาไม่พอใจ แต่ตอนนี้เธอไม่สนใจด้วยซ้ำว่าเขากำลังไม่พอใจและเริ่มไม่ชอบหน้าปุริมขึ้นมาตะหงิดๆ
“ขวัญกำลังเถียงพี่..”
“ขวัญแค่บอกให้พี่ภูรู้ค่ะ ถ้าพี่ภูหิวมากกินผลไม้ไปก่อนนะคะ.. พี่บัวผันจ๊ะไปหยิบผลไม้ที่ขวัญทำไว้ในตู้เย็นมาให้ขวัญหน่อยได้ไหมคะ”