ตอนที่ 4
ก็อก ก็อก เมื่อแพรวาจากไป ประตูถูกเคาะในเวลาไล่เลี่ยกัน “นายครับ งานรับปริญญาบัตรเสร็จสิ้นแล้วครับ”
“ดี ลงมือเลย” เมื่อคนที่พึ่งเข้ามาได้รับคำสั่งก็ขานรับและออกไป แฟรงค์ยกยิ้มมุมปากแววตาเปลี่ยนไปทันที สิ่งที่เขาเกลียดมากที่สุดคือการหักหลัง คนอย่างเขาถ้าจะแก้แค้นแล้วเขาสามารถทำได้อย่างเหี้ยมโหดจนคู่แค้นต้องอยากขอความตายแต่ก็ตายไม่ได้
ณ ต่างประเทศ หญิงสาวร่างโปร่งระหงยืนท่ามกลางเพื่อนๆที่ต่างก็ยิ้มแย้ม คงมีเพียงแต่เธอที่ไม่ต้องร้องไห้ออกมาก็ดูจะเข้มแข็งเกินมนุษย์แล้ว
ตอนที่ได้เมล์แจ้งจากบิดาว่าไม่สามารถมาร่วมแสดงความยินดีกับเธอได้ ทรายหรือนามเต็มของเธอคือนางสาวลักษมี เธอห็แทบจะหลั่งน้ำตาออกมา แต่เมื่อส่งเมล์กลับไปถาม เมล์ทุกฉบับหลังจากนั้นก็ถูกตีกลับ เธอจึงเปลี่ยนวิธีเป็นการโทรทางไกล ทุกเลขหมายก็เป็นเลขหมายที่ไม่มีในระบบ พ่อของเธอหายไป ดีที่ในบัญชีมีเงินก้อนสุดท้ายที่พ่อโอนมาให้ก่อนหายไป แม้อีเมล์สุดท้ายพ่อได้บอกแล้วว่า ไม่ต้องพยายามติดต่อกลับก็ตาม ให้เป็นใครเจอเหตุการณ์แบบนี้ย่อมต้องสงสัยใคร่รู้อย่างยิ่ง แต่ทุกอย่างก็เป็นได้แค่ความพยายาม ให้เธอพยายามแค่ไหนก็ไม่ประสบผลสำเร็จ พ่อเธอหายไป เธอจึงติดต่อป้า
“พ่อหล่อนหนีหนี้ไปแล้ว” ความจริงก่อนที่ป้าจะวางสายไป เพราะคงกลัวว่าเธอจะขอความช่วยเหลือ
ทรายเดินเลียบไปตามทางเท้าหลังเสร็จสิ้นพิธีการสุดท้ายของงานรับปริญญาบัตร ด้วยความรู้สึกเค้วงคว้างเป็นที่สุด พรึ่บ! แต่เมื่อเธอเดินมาได้แค่ครึ่งทางก็มีกลุ่มชายฉกรรจ์ในชุดดำมาขวางทางไว้
ทรายกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบากเหลือบมองคนตรงหน้าทีละคนด้วยความหวาดกลัว มากันตั้งห้าคน แค่มาคนเดียวเธอก็กลัวหัวหดแล้ว ทรายเหงื่อแตกพลั่กอยากจะร้องไห้
อื้ม แต่เมื่อชายตัวใหญ่สุดตรงหน้าเธอกำลังเอื้อมมือจะมารั้งตัวเธอ ผลั๊วะ ระหว่างเธอกับชายตัวใหญ่สุดนั้นก็มีวงขายาวมาขวางจนแขนนั้นตวัดกลับไปด้านหลัง พวกทั้งสี่เข้ามารับร่างใหญ่นั้นไว้เกือบไม่ทัน
ทุกสายตาหันไปยังเจ้าของขายาวนั้น “แกกล้ามากนะ” ชายตัวใหญ่เอ่ยทันทีที่ตั้งสติได้
“ถ้าเป็นคำชม ก็ขอบใจ” ชายเจ้าของขายาวเอ่ยอย่างไม่สะท้กสะท้าน มาแค่คนเดียวแต่ถือดีเหลือเกิน
“เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับแก ถอยไป” ชายตัวใหญ่ในชุดดำเอ่ยต่อ
“จะไม่เกี่ยวกับฉันก็ต่อเมื่อไม่เกี่ยวกับคุณผู้หญิงคนนี้เช่นกัน” ชายฉกรรจ์ชุดดำทั้งห้าไม่มีท่าทางยอมลงเช่นกัน ทรายไม่รู้จักพวกเขาทั้งหกคน แต่เธอพิจารณาผู้ที่มาล่าสุด เขาไม่ได้สวมยูนีฟอร์มเหมือนคนทั้งห้า ยีนส์สีเข้มแจ็คเก็ตหนังสีดำ ดูอย่างไรก็เหมือนเป็นชุดที่เขาใส่เดินทางมาจากแดนไกล มาจากแถบทวีปเขตร้อน แม้เขาจะสูงโปร่งพูดภาษาต่างประเทศแต่เธอก็ดูออกว่าเขาเป็นเชื้อชาติเดียวกับเธอ
แต่การเจรจาเหมือนจะไม่ราบรื่น ห้ารุมหนึ่งไม่มีทางชนะแน่ๆ ชายคนนี้แม้จะมีน้ำใจมาช่วยเธอ แต่เธอเป็นเพียงผู้หญิงตัวเล็กๆ ไม่อาจช่วยเขาต่อกรกับคนทั้งห้า มองอย่างไรก็หาความได้เปรียบไม่ได้เลย ทรายที่อยู่ด้านหลังชายผู้มาใหม่เมื่อคิดได้อย่างรอบคอบก็หันหลังและวิ่งกลับไปทางเดิมอย่างไม่คิดชีวิต
ผลั่ก เมื่อเธอขยับก็เปรียบดั่งระฆังบอกให้เริ่ม จากการที่ลองเชิงกันด้วยแววตาและคำพูดไม่กี่คำ ก็เปลี่ยนเป็นการลงมือลงเท้ากันทันที เมื่อเห็นว่าเธอกำลังจะหนีไปแล้ว ชายชุดดำจะตามก็ถูกชายผู้มาใหม่สกัดไว้ ห้ารุมหนึ่งเป็นอย่างไรทรายไม่รอดูผลให้กระจ่าง
กึกึกึ เธอวิ่งไม่รู้จักเหนื่อยไปโดยไม่แม้จะหันหลังกลับมามองว่ามีผู้ใดตามเธอมาบ้าง เธออยู่ที่เมืองนี้มาหกปีแน่นอนว่าทุกตรอกซอกซอยเธอปรุโปร่งยิ่ง วิ่งเข้าตรอกเล็กนี้ไปทะลุถนนใหญ่ด้านโน้น วิ่งเข้าร้านทางประตูหน้าไปโผล่ออกทางหลังร้านไปทะลุอีกถนน เฮ่อ เฮ่อ เฮ่อ เมื่อวิ่งมาตลอดยี่สิบนาทีโดยไม่หยุดและเห็นว่าไกลจากที่เกิดเหตุแล้ว
เธอก็หยุดหอบหายใจจนตัวโยน เฮ่อ เฮ่อ เฮ่อ เธอไม่สงสัยว่าพวกนั้นจะเป็นใคร คงเป็นเหล่าเจ้าหนี้ของพ่อเธอแน่ๆ พวกนั้นตามมาถึงนี้แล้ว เธอคงไม่สามารถกลับไปเก็บของได้แล้ว ก็แค่ของนอกกายเธอไม่เสียดาย ดีเหลือเกินที่เธอพกพาสปอร์ตติดตัวมา งานไม่มีเงินก็เหลือน้อยจะไปไหนได้คงต้องกลับประเทศตัวเองเท่านั้น
ทรายล้วงโทรศัพท์ของตนออกมา เธอไม่ได้เดียวดายหกปีเธอย่อมมีเพื่อน ความจริงคืนนี้แม้จะเจอปัญหามากมาย แต่ทรายก็รับปากเพื่อนๆไว้ว่าจะไปร่วมฉลองกัน ในเมื่อไปไม่ได้แล้วเธอก็ต้องรายงานตัวแจ้งต่อเพื่อนๆของเธอ
[ที่บ้านเกิดเรื่องนิดหน่อย ต้องรีบกลับประเทศด่วน ขอโทษด้วยนะ!] ไม่นานเมื่อข้อความปรากฎในกรุ๊ป ข้อความจากเหล่าเพื่อนก็ตามมาติด
[เธอโอเคมั้ย?] [ให้พวกเราช่วยอะไรเธอได้บ้าง]...บลาาาา และข้อความอีกมากมาย ที่แสดงถึงความรักความห่วงใย มาอย่างต่อเนื่อง
[ขอบใจทุกคน ฉันจัดการได้ รักทุกคนนะ จุ๊บจุ๊บ] เมื่อส่งข้อความไปแล้ว ทรายก็ปิดเครื่องและที่เดียวที่เธอจะไปได้ตอนนี้คือสนามบินเท่านั้น
“ว่าไง” แฟรงค์กรอกเสียงไปตามสายเมื่อคนที่เขาส่งไปติดต่อกลับมาและเล่าสิ่งที่พบมา “อืม แล้วตอนนี้นายอยู่ไหน”
“ผมกำลังเดินทางไปสนามบิน”
“ดี พยายามหาเธอให้เจอและกลับไฟล์ทเดียวกับเธอให้ได้” ปลายสายขานรับตามคำสั่งของแฟรงค์
ก็อก ก็อก เสียงประตูถูกเคาะอีกครั้ง “ทราบแล้วครับว่านายอลงกรณ์หนีไปที่เกาะหลีเป๊ะครับ” แฟรงค์ยกยิ้มอย่างเย้ยหยัน
“ให้คนคอยเฝ้าไว้ ถ้าอยากอยู่เกาะก็ให้อยู่ที่นั่นจนลมหายใจสุดท้าย” คนที่เข้ามารายงานขานรับ แต่เมื่อกำลังจะจากไปก็ถูกเรียกไว้ “เฝ้าสักสามคน ทำรายงานค่าใช้จ่ายต่อเดือนของทั้งสามคนนั้นมาด้วย”
“ครับ” ผู้ช่วยขานรับ แม้จะไม่รู้ว่าเจ้านายจะเอารายละเอียดปลีกย่อยแบบนี้ไปทำไมก็ตาม แต่เขามีหน้าที่รับคำสั่งและทำตาม ไม่ได้มีหน้าที่ตั้งคำถาม