ตอนที่ 4
สิทธิ์ตอบเพราะกุหลาบสีขาวที่สวนปริ๊นเซสมีอยู่นั้นแทบจะมีไม่เพียงพอต่อความต้องการของตลาดอยู่แล้ว แต่เจ้านายกลับอยากสร้างความแตกต่างที่จะทำให้ดอกกุหลาบราคา ๑ บาทกว่ากลายเป็นราคา ๓-๕ บาท/ดอก
โดยการให้คนงานคัดดอกเกรดเอ นำไปลิดใบก้านออกสักนิดหน่อยก่อนจะนำก้านแช่ในน้ำที่ผสมสีผสมอาหารสีเขียวและสีฟ้า ทิ้งไว้หนึ่งคืนให้ก้านดอกที่สมบูรณ์ดูดน้ำสีจากในกระบอกจนชุ่ม
ดอกสีขาวบริสุทธิ์ก็จะกลายเป็นกุหลาบพันธุ์ใหม่ที่เป็นสีเขียวอ่อนและสีฟ้าอ่อน ซึ่งเป็นที่ต้องการในท้องตลาดเป็นอย่างมาก จึงกลายเป็นว่ากุหลาบดอกขาวครึ่งต่อครึ่งจะถูกส่งไปเข้าโรงชุบสีทำให้มีมูลค่าเพิ่มขึ้น
“งั้นไปเจรจาซื้อที่ข้างๆ ให้หน่อยสิ ถ้าคุยได้ให้ล้านหนึ่งเลยเอ้า! แต่ถ้าเขาไม่ขาย ขอเช่าก็เอา ถ้าให้เช่ามากกว่า ๑๐ ปี จะให้ค่าเปลืองน้ำลายแสนหนึ่ง เอาไหม”
ชยพลพูดพร้อมทำสีหน้าเอือมๆ ไม่ใช่เอือมเพราะสิทธิ์ที่มักมาบ่นว่าดอกกุหลาบสีขาวไม่พอส่ง แต่เอือมเมื่อนึกถึงที่ดินรกร้างที่อยู่ติดกับสวนของเขาทีไรก็ต้องเจ็บใจทุกที เพราะหลายปีมานี้ที่เขาพยายามติดต่อขอซื้อที่ดินด้านข้างเพราะต้องการขยายสวนกุหลาบให้เพิ่มมากขึ้นกว่าเดิม
เขาต้องการลงกุหลาบพันธุ์ใหม่ๆ โดยเฉพาะเจ้าพันธุ์สีขาวเจ้าปัญหาที่เขามองว่าตลาดยังไปได้อีกเยอะและมากอย่างไม่จำกัดเสียด้วย
แต่เจ้าของที่ดินที่รู้ว่าเป็นหญิงสาวนั้นไม่เพียงไม่ยอมขาย แต่กลับตอบมาว่า ‘รวยอยู่แล้วไม่รู้จะขายไปทำไม’ เขายังจำคำตอบนี้ได้เป็นอย่างดี ดีแค่ไหนแล้วที่ให้สิทธิ์เป็นคนไปถาม เพราะหากเขาไปถามเองคงได้ปะทะฝีปากกันแน่ๆ และเรื่องปะทะฝีปากกับสาวโสดน่ะเขาก็ชอบอยู่หรอก แต่ผู้หญิงมีสามีแล้วเขาคงต้องขอบาย แต่ก็ยังไม่เลิกล้มความตั้งใจอยากจะได้ที่แปลงนั้นแน่ ก็ถ้าไม่ใกล้กันซะขนาดนี้เขาก็คงจะไม่อยากได้หรอก
“จริงหรือเปล่าครับคุณพล พูดแล้วห้ามกลับคำนะครับ”
สิทธิ์ที่ทำสีหน้ามีลับลมคมในทำให้ชยพลต้องมองอีกครั้งให้แน่ใจ หัวคิ้วเข้มขมวดเข้าหากัน สงสัยว่างานนี้เขาอาจจะต้องเสียเงินแสนเงินล้านก็ได้ ใครจะรู้
“มีอะไรดีๆ ไม่บอกนะ”
สายตานกรู้ของชยพลจ้องสิทธิ์โดยหวังว่าสิทธิ์จะเฉลยข้อข้องใจให้เขา แต่ก็ต้องขมวดคิ้วมากขึ้นเมื่อสิทธิ์ทำสีหน้าไม่รู้ไม่ชี้
“อะไรกันครับที่ว่าดี”
“อย่ามาเล่นลิ้นน่า”
“มันก็น่าเล่นอยู่นะครับ แม่ม่ายกระดังงาลนไฟซะขนาดนั้น”
“พูดอะไรน่ะสิทธิ์ ไม่เข้าใจว่ะ” หน้าตากรุ้มกริ่มของสิทธิ์ทำให้ต้องถามเพื่อให้กระจ่าง
“ก็คุณหนูของพี่พงษ์น่ะสิครับ เห็นว่าสามีเพิ่งตาย คุณหนูก็เลยมาดูที่ดินที่นี่”
“อย่าบอกนะว่าหล่อนเปลี่ยนใจจะขายที่ให้ฉัน”
“ก็ไม่แน่นะครับ ถ้าคุณพลจะลองอีกสักครั้ง แต่ครั้งนี้ผมไม่ไปให้นะครับ คุณพลต้องไปเอง”
“ทำไม” ชยพลชักจะหัวเสียเพราะรำคาญสายตากรุ้มกริ่มของสิทธิ์ที่ดูจะใช้พร่ำเพรื่อบ่อยครั้งเสียเหลือเกินในวันนี้
“ก็บางทีความหล่อของคุณพลอาจจะเข้าตาเธอก็ได้ เผื่อบางทีที่ดินอาจจะเชื่อมกันเองโดยไม่ต้องซื้อหาก็ได้”
“บ้านะสิทธิ์ ใครเขาจะทำอย่างนั้น”
ชยพลตอบยิ้มๆ เพิ่งเข้าใจสีหน้าของสิทธิ์ก็ตอนนี้ กระบวนการวางแผนเพื่อให้สวนเจริญรุ่งเรืองไม่มีใครเกินหน้าสิทธิ์ และนี่ก็คงวางแผนให้เขาเข้าหาเจ้าของที่ดินผืนนั้นซะแล้วมั้ง แต่ใครกันจะทำ ก็เขาน่ะไม่ชอบของใช้แล้ว ถ้าเป็นของสดๆ ซิงๆ เขาจะไม่ปฏิเสธเลยสักคำ
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า... ผมจะคอยดู แม่ม่ายกระดังงาลนไฟเสียด้วย เมื่อเช้าตอนผมไปเอารถไถ ไปแวะแอบดูมาด้วยครับ”
สิทธิ์ยั้งคำพูด สายตาประเมินมองอาการของเจ้านายสุดหล่อ ก่อนจะหัวเราะพร้อมบอกสิ่งที่ชยพลอยากรู้ เพราะขืนเขายังเก็บงำเอาไว้คงได้กินระเบิดกันบ้างล่ะ
“หยาดฟ้ามาดินเลยครับ ถ้าไม่มีใครบอกว่ามีสามีมาแล้ว ผมไม่เชื่อเด็ดขาด”
ผู้หญิงอายุราว ๒๕ ปี ผิวขาวอมชมพู ผมหยักศกสีน้ำตาลยาวคลอเคลียกับไหล่ รูปร่างสูงโปร่งดูบอบบางแต่กลับดูเข้มแข็งอยู่ในที เพราะการแต่งกายที่ทะมัดทะแมงจากเสื้อเชิ้ต กางเกงยีน และรองเท้าผ้าใบ แต่ทั้งหมดนั้นไม่เท่าใบหน้าที่สวยงามชนิดที่ว่าดารานางแบบยังต้องอาย
หน้าผากเกลี้ยงเกลาโหนกนูน ดวงตาสวยหวานล้อมกรอบไปด้วยแพขนตางอนหนา รับกับจมูกโด่งพองามที่อยู่กึ่งกลางของแก้มนวลสีเลือดฝาด และริมฝีปากอวบอิ่มแดงระเรื่อ
เครื่องหน้าที่เมื่ออยู่รวมกันแล้วนั้น ใครเห็นก็ต้องคิดตรงกันว่า ไม่น่าเชื่อว่าเธอจะมีสถานะเป็น ‘ม่าย’ ตั้งแต่ยังสาว
และคนสวยตามที่สิทธิ์พรรณนาให้ฟังจนเขาสามารถจินตนาการรูปลักษณ์ตามก็เหมือนจะมีตัวตนอยู่ตรงหน้าเขาแล้ว
ชยพลแทบกลั้นหายใจเมื่อสุดสายตาของเขานั้น หญิงสาวที่เดินเข้ามาใหม่ในร้านกาแฟสดข้างทางนี้ มีรูปลักษณ์ไม่แตกต่างไปจากที่เขากำลังจินตนาการสักนิด แต่หากจะหาความแตกต่างเขาก็คงต้องบอกว่า ‘อก’ ‘เอว’ และ ‘สะโพก’ เพราะสิทธิ์ไม่ได้อธิบายสัดส่วนเหล่านี้