ตอนที่ 2
หนุ่มนักศึกษากลุ่มใหญ่ที่เดินผ่านหน้าร้านพร้อมตะโกนเข้าไปทักทายเมื่อเห็นว่านิตรวีและพี่สาวคนสวยกำลังยืนจัดหุ่นใส่ชุดเจ้าสาวอยู่ที่ตู้โชว์ด้านหน้า โดยเฉพาะพี่สาวคนสวยที่มองมาอย่างตื่นๆ นั้นยิ่งทำให้นักศึกษากลุ่มนั้น ทั้งเขินทั้งอายและอยากแซวเข้าไปใหญ่ นิตรวีแจกยิ้มให้หนุ่มๆ อย่างไม่นึกหวงเพราะคุ้นเคยกันเป็นอย่างดีก็เพราะชั้นใต้ดินของห้างสรรพสินค้าแห่งนี้เป็นศูนย์การศึกษาของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง นักศึกษากลุ่มนี้จึงนับว่าคุ้นหน้าคุ้นตากันดี
“พี่น้ำตาลคร๊าบ กลับบ้านดีๆ นะครับ ระวังอย่าทำหัวใจผมร่วง”
เสียงแซวพร้อมเพื่อนหัวเราะขำทำให้น้ำตาลเปลี่ยนเป็นยิ้มหวานทักทายก่อนจะยกมือบ๊ายบายตอบเมื่อหนุ่มๆ บ๊ายบายส่งมาให้
“โถ.. ถ้าน้ำตาลไม่อยู่ หนุ่มๆ พวกนี้จะโฉบมาให้พี่ได้ดื่มกินทางสายตาบ้างมั้ยน้า.. มีหวังไม่เดินเฉียดมาอีกแน่”
“หึหึหึ.. พี่หนูนิดก็ ตลกอีกและ ก็หาแฟนซิคะ จะได้ไม่เหงา”
“รู้ได้ไงยะหล่อน นั่นแหล่ะตัวเหงาเลยแหล่ะ เวลาอยู่คนเดียวก็ไม่เหงาเท่าไหร่หรือเหงาก็อาจทนได้ แต่พอเคยชินกับอยู่สองคนขึ้นมาล่ะก็ ห่างกันหน่อยเหงาตายเลย”
“จริงเหรอคะ”
“จริงเด้.. ไม่เชื่อเหรอ”
“เปลี่ยนจากจริงเด้ มาเป็นจริงจ้ะจะดีกว่ามั้ยคะ”
“เออใช่..แง๊... ถ้าน้ำตาลไม่อยู่ใครจะคอยสอนพี่ล่ะ พี่ถึงจะไม่หลุดไอ้คำแบบนั้นอ่ะ ทำไงดี”
ท่าทางงอแงของนิตรวีถึงกับทำให้น้ำตาลหัวเราะก๊าก เพราะไอ้ที่กำลังแสดงกิริยาอยู่นี้ก็ไม่ได้น่าดูเลยสักนิด อีกหน้าที่หนึ่งที่ต้องทำตลอด 3 เดือนที่กลับมาเมืองไทยนอกเหนือจากเป็นดีไซด์เนอร์ชุดเจ้าสาวให้กับ “นิตรวีเวดดิ้ง” ก็คือ การคอยย้ำเตือนถึงกิริยาที่กุลสตรีที่ดีพึงกระทำให้กับพี่หนูนิดหรือนายนิตรวี ชื่อตามบัตรประชาชนที่เจ้าตัวภูมิใจนักหนาว่าช่างเข้ากับตัวตนที่แท้จริงของเธอเสียจริง
หนึ่งสาวแท้กับอีกหนึ่งสาวเทียมที่ต่างหัวเราะให้กันอย่างสนุกสนานทำให้คนที่จ้องมองมาจากร้านอาหารฝั่งตรงกันข้ามเหมือนจะไม่พอใจอะไรขึ้นมาดื้อๆ ก็เพราะเห็นๆ กันอยู่ว่านักศึกษาชายกลุ่มใหญ่ที่เดินจากไปนั้นแสดงท่าทีเหมือนพอใจเจ้าของร่างเล็กที่ยืนเย็บชุดแต่งงานอยู่ในตู้โชว์นั่น
เรือนร่างเล็กๆ นั้นรับกับใบหน้าจิ้มลิ้มล้อมกรอบด้วยเรือนผมสีน้ำตาลเข้มปล่อยทิ้งตัวยาวสยาย แม้นักศึกษาชายเหล่านั้นจะเป็นรุ่นน้องของเธอ ทว่าคำว่า “อายุเป็นเพียงตัวเลข” น่าจะใช้ได้ดี แต่เธอนี่ซิกลับไม่รู้จักวางตัว แต่กลับโบกมือตอบรับนักศึกษาหนุ่มๆ เหล่านั้นหน้าระรื่นโดยไม่ได้คิดถึงนิ้วน้อยๆ ที่ถูกเข็มตำนั่นเลยสักนิด
ดวงตาที่ถูกปกปิดด้วยแว่นตาสีดำทันสมัยเหมือนจะกรุ่นไปด้วยอารมณ์บางอย่างก่อนจะถอนหายใจออกมา แต่แล้วก็เหมือนจะนึกอะไรขึ้นได้นิ้วมือจึงยกขึ้นให้สัญญาณบริกรในร้าน เด็กหนุ่มที่รอพร้อมให้เขาเรียกได้ทุกเมื่อจึงรีบตรงไปยังลูกค้ากิตติมศักดิ์ในทันที เพราะหน้าที่ของเขาตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมานี้ก็คือ ทำตามความต้องการของลูกค้าสุดหล่อนี้ทุกอย่าง
โต๊ะอาหารที่ถูกจองยกโซนตั้งแต่เวลาห้างเปิดยันห้างปิดในอัตราค่าเช่าแพงเว่อ ทำให้เขาได้รับคำสั่งให้ดูแลคุณลูกค้าเป็นอย่างดีที่สุด และหน้าที่ที่ผ่านมาตลอดสัปดาห์ของเขาก็มีเพียง ติดตาม หาข้อมูล ใครก็ได้ที่คุณลูกค้าต้องการและโดยเฉพาะมักจะเป็นคนที่เดินผ่านหน้าร้านหรือไม่ก็เข้าไปในเวดดิ้งฝั่งตรงกันข้ามทั้งสิ้น และครั้งนี้ก็คงเช่นกัน
ฝีเท้าที่กำลังก้าวออกจากประตูห้างสรรพสินค้าต้องชะงักเพราะความรู้สึกบางอย่างที่เกิดขึ้นอีกแล้วในรอบวันที่ผ่านมานี้ ใบหน้าหันขวับตามสัญชาตญาณก่อนจะยิ้มแหยๆ ให้กับพนักงานเปิดประตูที่มองเธอด้วยสายตาแปลกๆ เพราะเธอจะเดินก็ไม่เดินแต่กลับยืนขวางลูกค้ารายอื่นที่กำลังทยอยกันเดินออกเพราะเป็นเวลาใกล้ห้างจะปิด น้ำตาลค้อมศีรษะให้กับทั้งลูกค้าที่มาใช้บริการของห้างและทั้งพี่ยามสุดหล่อที่เธอสร้างวีรกรรมเปิ่นๆ เข้าให้อีกแล้ว ก่อนจะรีบเดินจี๋ไปที่รถยนต์ที่จอดนิ่งสนิทตั้งแต่ช่วงสายจนถึงเกือบเวลาห้างปิดของวันนี้
“แกเป็นอะไรของแกไอ้น้ำตาล เพี้ยนไปแล้วหรือไง ถ้าแกไม่เพี้ยน.. งานนี้ก็ผีหลอกล่ะวะ บรื้อออออ..”
น้ำตาลหันซ้ายหันขวาเมื่อนึกถึงสิ่งที่ให้ความรู้สึกเหมือนมีใครหรืออะไรสักอย่างติดตามเธอตลอดทั้งช่วงวันที่ผ่านมา และไม่ใช่แค่วันนี้แต่มันเป็นหลายวันแล้วต่างหาก ไม่ว่าจะอยู่ที่บ้าน จะไปที่ร้าน หรือจะออกเดินทางไปไหนมาไหน ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมานี้ ไอ้ความรู้สึกเหมือนไม่ได้อยู่คนเดียวเหมือนจะยิ่งทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น
ถ้าเป็นคนจริงก็น่าจะได้เห็นอะไรหรือใครที่ผิดสังเกตบ้าง แต่นี่..ไม่เลย และถ้าไม่ใช่คนมันจะเป็นอะไรไปได้ถ้าไม่ใช่.. ผี! คิดได้อย่างนั้นคนกลัวผีขึ้นสมองก็รีบบึ่งรถออกไปโดยเร็ว ตามองตรงไปข้างหน้าไม่กล้าแม้แต่จะชำเลืองมองกระจกด้านข้างหรือกระจกมองหลังเลยสักนิดเพราะกลัวเหลือเกินว่าจะได้เห็นอะไรๆ ที่ไม่พึงปรารถนานั้นผ่านเข้ามาในโลกทัศน์