บทนำ เสน่หาจำแลง   1/    
已经是第一章了
บทนำ เสน่หาจำแลง
เสียงเลื่อยไฟฟ้าซึ่งทำหน้าที่แบ่งไม้กระดานแผ่นโตออกจากกัน ก่อนนำขึ้นประกอบเป็นโครงสร้างคละเคล้าเสียงตอกตะปูโป๊กป๊าก กับฝุ่นขี้เลื่อยตลบอบอวลไปทั่วบริเวณอู่ต่อเรือ ยังเงียบสงบมากกว่าออฟฟิศติดแอร์ ซึ่งเป็นฐานบัญชาการที่ถูกสร้างให้ห่างออกไป เหล่าคนงานใหม่ซึ่งปฏิบัติหน้าที่ของตนเองอย่างขะมักเขม้นยังก้มหน้าก้มตาทำงานของตัวเองไป ขณะเดียวกันยังมีคนงานเก่าอีกหลายคนที่ให้ความสนใจกับการถูกเรียกตัวเข้าพบของ ‘หัวหน้าช่าง’ อยู่ห่าง ๆ ปึ้ง! แฟ้มเอกสารแบบแปลนเรือถูกเจ้าของใบหน้าสวยจัด แต่ขัดกับบุคลิกกวาดลงจากโต๊ะทำงานด้วยความไม่พอใจ ก่อนตามมาด้วยเสียงวางที่ทับกระดาษ “บอกแล้วไม่ใช่เหรอ ว่าไม่ให้รับแรงงานต่างด้าวและพวกขี้คุกเข้าทำงาน!” เสียงตวาดของ ‘สุชีรา บรรณสาร’ ทำเอาผู้ถูกเรียกตัวเข้าพบอย่าง ‘นายชื่น’ หัวหน้าคนงานที่ยืนเอามือผสานกันในกิริยานอบน้อมถึงกับสะดุ้งเฮือก แต่ไม่วายอ้อมแอ้มออกมา “เถ้าแก่เป็นคนอนุมัติ ผมเลย…” “ผมเลยขัดไม่ได้!” หญิงสาวเค้นเสียงเย็นดักคออย่างรู้ทันแล้วกลอกตามองฝ้าเพดานสีชมพูอ่อนอย่างเหนื่อยใจที่ลูกน้องใต้บังคับบัญชาชอบขัดคำสั่งอยู่เนือง ๆ “ครับ” นายชื่นพยักหน้ารับอยู่ในกิริยาสำรวมเหมือนเคย “เฮ้อ… นายชื่นนะนายชื่น ฉันบอกปากเปียกปากแฉะไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งแล้ว ทำไมไม่รู้จักจำสักที” คนหงุดหงิดหน้านิ่วคิ้วขมวดบอกบุญไม่รับเดินกอดอกมาทิ้งสะโพกกลมไว้บนขอบโต๊ะทำงาน ขณะที่สายตาดุยังไม่ละไปจากใบหน้าคล้ำแดดคล้ำลมของหัวหน้าคนงาน “ผมบอกเถ้าแก่แล้วครับ แต่เถ้าแก่บอกว่าจะเคลียร์เรื่องนี้กับคุณขมเอง” “หึ” หญิงสาวทำปากยื่น ดวงตาคมเฉี่ยวดุดันยังไม่ละไปจากใบหน้าของนายชื่น “เถ้าแก่จะเคลียร์เอง แล้วเถ้าแก่ของนายชื่นเคยอยู่สำนักงานไหมล่ะ วัน ๆ ขลุกตัวอยู่กับวงพระเครื่อง เคยรับรู้อะไรบ้างล่ะ” พอกล่าวถึงบิดาตัวเองสุชีราจึงหน้าหงิกงอบอกบุญไม่รับยิ่งกว่าเก่า เธอจึงล้วงโทรศัพท์มือถือออกจากกระเป๋าเสื้อเชิ้ตแล้วต่อสายหาเถ้าแก่ใหญ่ของอู่ต่อเรือ ‘พรทวีพาณิชย์’ ทันที “เตี่ยอยู่ไหนคะ?” คำถามแรกจากนายสาวทำเอานายชื่นหูผึ่ง พอนายสาวหันหลังแล้วเดินกอดอกไปหยุดที่ตู้เลี้ยงปลาทองข้างกรอบหน้าต่างที่แขวนมู่ลี่กันแดดเอาไว้ หัวหน้าช่างจึงลอบปาดเหงื่อออกจากใบหน้าซึ่งมีริ้วรอยแห่งกาลเวลาพร้อมอุทานเบา ๆ “บรรลัยแล้วกู” “วงพระอีกแล้ว!” เสียงเอะอะจากนายสาวทำเอานายชื่นถึงกับผ่อนหายใจออกมาโล่ง ค่อยหายใจได้ทั่วท้องกว่าเก่าหน่อยที่มีประเด็นใหม่ทำให้ลูกสาวเจ้านายเปลี่ยนความสนใจไปจากเรื่องคนงานชุดใหม่ได้ “เตี่ยจะส่องอะไรกันนักหนา!! พระเครื่องที่บ้านเราก็มีเป็นกรุแล้ว” เถ้าแก่ใหญ่ของอู่ต่อเรือพูดอะไรมาบ้างนายชื่นไม่ได้ยิน เขารู้แค่ว่าตอนนี้วงหน้าสวยของนายสาวเป็นอะไรที่น่ากลัวยิ่งกว่าแม่เสือนัก “เดี๋ยวเสี่ยสิญจน์ก็ต้มเตี่ยจนเปื่อยอีกหรอก!!” สุชีราของขึ้นทันทีที่รู้ว่า ‘พรทวี’ บิดาของเธอกำลังทำอะไรอยู่ที่ไหน และความโกรธที่พุ่งขึ้นกะทันหันนี้เองจึงทำให้ สุชีราลืมถามเรื่องสำคัญไปเลย พอวางสายจากเถ้าแก่ใหญ่แล้ว เธอจึงหันกลับมาพบหัวหน้าคนงานซึ่งยังยืนเจี๋ยมเจี้ยมอยู่ หญิงสาวจึงถลึงตาดุใส่“เอ้า ยังไม่กลับไปทำงานอีก” โดนดุเข้าอีก นายชื่นจึงผงกศีรษะให้แล้วกลับออกไปจากออฟฟิศโดยดี แต่พอพ้นจากห้องทำงานติดแอร์มาได้ นายชื่นก็ไม่วายบ่นกระปอดกระแปดไปตลอดทาง ความเงียบสงบกลับเข้ามาอีกครั้งเมื่อในห้องเหลือเธอเพียงผู้เดียว หญิงสาวเดินเอื่อย ๆ มาทิ้งตัวนั่งเหยียดกายบนเก้าอี้ตัวนุ่มซึ่งบุหนังอย่างดีเอาไว้ มือเรียวขาวสะอาดผสานไว้ที่หน้าท้องแบนราบ ทว่าสายตาวาววับดุจนางเสือยังเต็มไปด้วยความเครียดอัดแน่น ระหว่างคิดไม่ตกกับเรื่อง ‘คนงานชุดใหม่’ ความคิดหนึ่งจึงแทรกเข้ามา หญิงสาวดีดตัวขึ้นในกิริยากระฉับกระเฉงแล้วเปิดประตูออกกว้างพร้อมกวาดสายตาหาใครคนเดิมที่เพิ่งถูก ‘ตะเพิด’ ออกจากห้อง “นายชื่น” น้ำเสียงเล็กหากทรงอำนาจมีผลให้นายชื่นซึ่งกำลังสั่งงานลูกน้องกระวีกระวาดเข้ามาหานายสาวทันที “ครับ! มีอะไรให้รับใช้ครับคุณขม?” หัวหน้าคนงานเอามือผสานกันไว้อย่างนอบน้อมขณะถาม “พรุ่งนี้เช้าตอนแปดโมงตรงช่วยเรียกคนงานมาประชุมด้วย” “ครับ” ผู้รับคำสั่งผงกศีรษะ “อ้อ แล้วอย่าลืม ‘ลอกคราบ’ พวกขี้คุกออกด้วยนะ ฉันไม่ชอบ” ในน้ำเสียงนั้นเผยความดูหมิ่นออกมาชัดเจน “ครับคุณขม” นายชื่นรับคำสั่งอีกเช่นเคยและยืนอยู่ตรงนั้น รอให้นางพญาเสือกลับเข้าถ้ำไปแล้วนั่นล่ะจึงผ่อนลมหายใจออกมายาวแล้วเกาศีรษะที่ล้านเตียนของตัวเองแกก ๆ “เฮ้ย… งานเข้าอีกแล้วไงกู”
已经是最新一章了
加载中