บทที่ 82 ฉันไม่อยากเป็นก้างขวางคอ   1/    
已经是第一章了
บทที่ 82 ฉันไม่อยากเป็นก้างขวางคอ
บทที่ 82 ฉันไม่อยากเป็นก้างขวางคอ ติณห์พูดอย่างไม่แสดงสีหน้าใดๆหลังจากพูดจบเขาก็เดินออกไป จินตนากำลังจะเดินตามไป แต่สายตาของเธอก็มองเห็นแสงวาบเข้ามา เธอเดินไปยังแสงที่เธอมองเห็น แสงที่สะท้อนคือแสงจากต่างหูของผู้หญิง จินตนาหยิบมันขึ้นมา และมองอยู่นาน จากนั้นก็เก็บเอาไว้ในมือ “ติณห์ ทำไมเดินไวจัง ฉันตามไม่ทันแล้ว...” ติณห์ได้ยินเช่นนั้นจึงก้าวเท้าช้าลง รอให้จินตนาเดิมตามมา ญาณิศาติดตามแม่อ้อยอยู่ตลอด แม่อ้อยไปที่ไหนเธอก็จะไปที่นั่น ทำให้แม่อ้อยรู้สึกเขินอายเล็กน้อย “คุณญาณิศา คุณไม่ต้องเดินตามฉันตลอดก็ได้ คุณไปนั่งที่โซฟาเถอะ จากนั้นก็ทานผลไม้สักหน่อย” ญาณิศาเอามือแตะจมูก และยิ้มอย่างรู้สึกผิด “แม่อ้อย ฉันไม่อยากไปเป็นก้างขวางคอ” แม่อ้อยก็ม่ตอบกลับมา และใบหน้าเธอก็เหมือนกลั้นอารมณ์ไว้ไม่อยู่ “ใช่ ฉันไม่ได้คิดถึงมันเลย” ญาณิศายิ้ม และหยิบชามมาไว้ในมือแม่อ้อย “ดังนั้น คุณให้ฉันตามคุณเถอะ ฉันจะไม่เข้าไปขวางทาง” แม่อ้อยยิ้มและพยักหน้า เด็กคนนี้กับรินรดาฉลาดเหมือนกันจริงๆ ในขณะที่พูดคุยกัน จินตนาและติณห์ก็เดินเข้ามาพร้อมกัน แม่อ้อยรีบวางทุกอย่างที่เหลือไว้บนโต๊ะ “นั่งเร็ว พวกเรามากินสักหน่อย” จินตนาพยักหน้า และพยายามหาที่นั่ง แต่กลับถูกติณห์ห้ามเอาไว้ “ตรงนั้นมีคนแล้ว เธอมานั่งตรงนี้” แม่อ้อยมอง ที่แท้ที่ที่จินตนาจะนั่งก็คือที่นั่งของรินรดา “แปลก มีคนที่ไหน” “แม่ฉัน” จินตนาเห็นติณห์นำคำว่าแม่ของตนมาพูด จึงนั่งลงกับที่นั่งด้านข้างแทน “ขอโทษด้วยคุณน้า ฉันไม่ได้ตั้งใจ” จินตนาขอโทษแม่ของติณห์ที่ไม่ได้อยู่ตรงนั้น จากนั้นก็หยิบตะเกียบขึ้น “ฝีมือของแม่อ้อยพัฒนาขึ้นอีกแล้วใช่ไหม?” แม่อ้อยที่ถูกชมก็หน้าแดง “จินตนาชอบพูดแกล้ง ฉันก็แค่ทำอาหารบ่อยเท่านั้นเอง” จินตนาหรี่ตามอง “ฝีมือของแม่อ้อยไม่พูดไม่ได้แล้ว” แม่อ้อยยิ้ม ในตอนนั้นติณห์ก็พูด “อย่าพูดในตอนทานข้าว” จินตนาก็เงียบ ก่อนจะเงียบเธอก็พูด “ฉันจำได้ว่าเมื่อก่อนเธอไม่ใช่แบบนี้” ติณห์ที่กำลังทานข้าวได้ยินเช่นนั้นก็กลับภาวะปกติ “คนเปลี่ยนกันได้” ในขณะที่ติณห์พูดเช่นนั้น จินตนาก็นึกถึงต่างหูที่ตนเองเก็บได้ในสวนอย่างไม่ตั้งใจ “รวมถึงหัวใจเปลี่ยนไปด้วยหรือเปล่า?” ติณห์ไม่รู้ว่าเธอหมายถึงอะไร แต่รู้สึกว่าเธอกำลังจะสื่อถึงอะไรบางอย่าง ดังนั้นจึงตอบเพียงแค่ “อืม” “พอแล้วๆ ทุกคนทานข้าวก่อน ทานข้าวเสร็จค่อยพูดก็ยังไม่สายหรอก” แม่อ้อยออกตัวพูด จากนั้นก็จินตนาก็รู้สึกอับอายสายตาคนรอบข้างๆ และมองเห็นถึงความจนปัญญาในสายตา ติณห์หยุดนิ่งและเริ่มทานต่อ จินตนาเองก็เงียบ และใช้ตะเกียบคีบข้าวในชาม ในขณะที่ทาน ไม่รู้ว่าทำไมติณห์นึกถึงเวลาที่ได้นั่งทานข้าวกับรินรดา ทั้งสองคนพูดคุยกันไม่มากนัก แต่เมื่อพูดถึงสิ่งของกลับน่าสนใจมาก เขาจึงทานข้าวไปและพูดไปโดยไม่รู้ตัว และไม่เหมือนกับตอนนี้ บนโต๊ะนี้มีเพียงแต่ความลำบากใจ เดิมทีติณห์คิดว่าหากตนเองได้ข่าวว่าจินตนายังไม่ตายจะต้องดีใจ ต้องตื่นเต้น ต้องควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้แน่ๆ แต่เปล่าเลย หลังจากที่เขาพบเจอจินตนาแล้ว ความรู้สึกเหล่านั้นไม่มีเลย กลับมีเพียงแค่ความรู้สึกผิดและความอึดอัดภายในใจ ใช่แล้ว รู้สึกผิด เหลือบไปเห็นรอยแผลเป็นจางๆที่คอของจินตนา นึกถึงเมื่อก่อนเธอเป็นคนที่ไม่มีที่ติ แต่เป็นเพราะว่าตัวเองก็.... เมื่อคิดเช่นนี้ ติณห์ก็ส่ายหน้า ให้เห็นว่าเขาควรหยุดคิดถึงสิ่งที่ผ่านไปได้แล้ว แต่จินตนากลับไม่ปล่อยเขา “ติณห์ คิดถึงตอนที่เราเจอกันครั้งแรกเหรอ?” ติณห์รู้สึกว่าเขาไม่อยากทานอาหารตรงหน้าแล้ว ในที่สุดเขาก็วางตะเกียบลง “ฉันจำไม่ได้แล้ว” จินตนายิ้มเช่นเดิมแต่สายตากลับเย็นชา ญาณิศามองไปที่เธออย่างไม่ตั้งใจ และถูกสายตาที่เย็นชาของพี่สาวเธอจ้องมองจนเธอตกใจ ดังนั้นเธอจึงเลือกที่จะก้มหน้าลง ฉันไม่เห็นอะไรทั้งนั้น ฉันแค่กินข้าว จินตนาได้เห็นว่าน้องสาวของเธอได้เห็นอารมณ์ที่แท้จริงของเธอแล้ว จึงคีบกับข้าวและไปวางไว้ในชามของญาณิศา “ทานเยอะๆ เห็นช่วงนี้เธอผอมลง” ญาณิศามองกับข้าวในชามของเธอ แต่กลับเป็นผักชีที่เธอเกลียดที่สุด และบังคับให้ใจเย็นลง “ขอบคุณ ขอบคุณพี่” ญาณิศาไม่มีทางเลือกจึงต้องกินผักชีเข้าไป รสชาติที่ทำให้เธอไม่อยากคายออกมา “ทานเสร็จพวกเธอกลับบ้านไปก่อนเถอะ ตระกูลปรียนิตย์คงรอข่าวจากพวกเธออยู่” ติณห์เริ่มจะส่งแขก จินตนาพยักหน้า “โอเค” ญาณิศารอไม่ไหวที่จะกลับไป และได้พบกับจินตนาอีกครั้ง แต่เธอกลับลืมไปว่าต้องกลับรถคนเดียวกับเธอ
已经是最新一章了
加载中