บทที่ 6
จนกระทั่งบ่ายวันศุกร์ ร่างสูงโปร่งก็ก้าวเข้ามาบนชั้นสามสิบสองพร้อมโอฬาร โอปอล์ที่นั่งประกบวนิษศาถึงกับอ้าปากมองตาค้าง
“ใครกันล่ะเนี่ย” สายตาคมดังเหยี่ยวมองกวาดทั่วร่างสาวน้อย
“เลขาใหม่คุณเชษฐ์ค่ะ” วนิษศาฉุนอยู่ลึก ๆ ด้วยดวินไม่เคยใช้สายตาล่าเนื้อเช่นนี้มองเธอบ้างเลย
“ขออวยพรล่วงหน้าให้ผ่านโปรนะ” หนุ่มเจ้าสำราญโปรยยิ้ม เข้าห้องพี่ชายกับเลขาไป โดยมีสาวน้อยมองตามจนลับตา
“หล่อ...หล่อสุด ๆ ออร่าวิ้ง ๆ เลย” โอปอล์ถึงกับเพ้อ “ดูดีกว่าในรูปอีก”
วนิษศาทำหน้านิ่ง ไม่เห็นด้วยหรือตอบรับอะไร
“พี่แหวนไม่เคลิ้มบ้างเหรอคะ ทำงานกับคนหล่อ ๆ ตั้งสองคน คุณเชษฐ์ดูอบอุ่นเป็นผู้ใหญ่ คุณวินดูเข้าถึงง่ายขี้เล่น” คนมาทำงานไม่กี่อาทิตย์บรรยายบุคลิกของทั้งสองได้ถูกเป๊ะ
“เขาเป็นเจ้านาย เราเป็นลูกน้อง ต้องแยกเรื่องส่วนตัวกับเรื่องงานให้ออกจ้ะ” เลขารุ่นพี่บอกได้ไม่เต็มปากเต็มคำนัก เพราะตนก็มีชนักติดอยู่ “ถ้าคุณวินมาแบบนี้เราต้องรอฟังโทรศัพท์ให้ดี เผื่อคุณเชษฐ์อยากได้อะไรเพิ่ม”
ลูกศิษย์พยักหน้ารับทราบ
“ถ้าไม่ใช่เรื่องด่วนจริง ๆ เวลาแบบนี้ มีโทรศัพท์เข้ามาต้องปฏิเสธเลยว่าคุณเชษฐ์ไม่ว่าง แล้วค่อยเทคโน้ตไปบอก เขาไม่ชอบให้ใครมาขัดจังหวะตอนคุยกับน้อง”
เธอสอนจากประสบการณ์ตรงของตัวเอง เชษฐ์ไม่ได้ดุออกมาตรง ๆ แต่อ่านจากสายตาเขาออก เนื่องด้วยทำงานด้วยกันมานาน
เชษฐ์โทรศัพท์มาบอกให้พวกเธอเลิกงานได้เลย ไม่ต้องอยู่รอเขา เพราะจะไปหาข้าวเย็นกินในร้านอาหารกับดวิน สองสาวจึงเก็บของร่ำลากัน กลับบ้านใครบ้านมัน
วันเสาร์วนิษศาไปคาเฟ่ฟลามิงโกเหมือนเคย เธออยู่ในช่วงฝึกหัด จึงรับหน้าที่เล็ก ๆ น้อย ๆ พอมีเวลาว่างก็หัดชงเครื่องดื่มบ้าง ให้เอ้กับเป๋อชิม เห็นทั้งคู่นิ่ง ใจคอเธอชักไม่ดี
“ไม่ต้องกังวลนะคะพี่แหวน ค่อย ๆ จำสูตรไป แก้วนี้เกือบจะดีแล้วค่ะ” เธอค่อยใจชื้นขึ้นบ้าง
วนิษศาซื้อหนังสือทั้งไทยและอังกฤษที่สอนชงเครื่องดื่มมาอ่าน อาศัยดูยูทูบบ้าง เธอพบว่าโลกของเครื่องดื่มประเภทชา กาแฟ มีหลากหลายสูตร ตามแต่พื้นถิ่นและวัฒนธรรมของประเทศนั้น ๆ
นอกจากแก้วตาจะเซ้งร้านให้แล้ว ยังเป็นที่ปรึกษาและเป็นครูสอนในการทำธุรกิจชั้นเยี่ยม
“การทำร้านกาแฟจะว่าง่ายมันก็ง่าย จะว่ายากมันก็ยาก” เพื่อนอมยิ้มพลางร่าย “ต้องลองทำดู ถึงจะรู้ว่ารักหรือเกลียด”
ส่วนคนพูดวนิษศาเห็นจากแววตาเลยว่ารัก เพื่อนเล่าให้ฟังว่าตอนเปิดร้านใหม่ ๆ ไปเลือกซื้อของตกแต่งร้านถึงตลานัดจตุจักร โต๊ะแต่ละตัว แก้วแต่ละใบ ผ่านการเลือกเฟ้นมาจากเจ้าตัวมาทั้งนั้น
“ฉันรักเหมือนลูกคนหนึ่งเลยล่ะ” แก้วตาสารภาพ “ถ้ายกไปสิงคโปร์ได้ ฉันจะเอาไปด้วย”
ฟังความรักที่เจ้าของเดิมมีให้ร้านแห่งนี้แล้ว วนิษศายิ่งรู้สึก อยากเรียนรู้งานในร้าน เพื่อจะได้ไม่เป็นภาระพนักงานคนอื่น และอยากรักษาร้านนี้ไว้ให้นาน ๆ สมกับที่เพื่อนวางใจ
ความมุ่งมั่นนี้แสดงออกโดยการขยันท่องจำสูตรเครื่องดื่ม ลองชงดูทุกครั้งที่มีเวลาว่าง เรียกว่าชิมไปชงไป จนกลัวว่าตนเองจะมีภาวะเบาหวานระหว่างตั้งครรภ์ แต่ผลการตรวจออกมาเลือดเธอปรกติ น้ำตาลไม่เกินเกณฑ์ จึงค่อยเบาใจลงหน่อย
พอวันอาทิตย์มีนัดตรวจครรภ์ หญิงสาวก็ไปตามนัดและเลือกใช้บริการโรงพยาบาลใกล้คอนโด เพื่อความสะดวกหากเกิดเหตุฉุกเฉิน
เจ้าตัวเล็กในท้องเจริญเติบโตได้ดี แพทย์จึงสั่งยาบำรุงมาให้หลายขนานและให้ทำกิจกรรมต่าง ๆ ในชีวิตประจำวันอย่างระมัดระวังตามเคย
ระหว่างรอรับเรียกจ่ายเงินค่ายา ร่างคนคุ้นเคยก็เดินผ่านหน้าไป ทีแรกไม่เอะใจด้วยซ้ำ จนเจ้าตัวผู้สวมชุดกาวน์ชะงักฝีเท้า วกกลับมาทักเธอ
“หนูแหวน”
“พี่ธูป” หญิงสาวครางชื่อที่ไม่ได้เรียกมาหลายปี นานเหลือเกินที่เธอตัดเขาออกไปจากชีวิต
“เป็นอะไรถึงมาหาหมอ” คนที่พูดอยู่นี่ก็หมอคนหนึ่งล่ะ
“ไม่สบายนิดหน่อยค่ะ”
วนิษศาเก็บสมุดคู่มือฝากครรภ์สีชมพูเข้ากระเป๋า แต่ไม่อาจรอดพ้นสายตาช่างสังเกตได้
“หาหมอแล้ว แหวนรอรับยาอยู่ค่ะ” หญิงสาวส่งยิ้มให้ ซึ่งจืดชากว่าวันวานให้ “พี่ธูปทำงานที่นี่เหรอคะ”
“จ้ะ”
เสียงเคาน์เตอร์การเงินเรียกคิวเธอพอดี
“แหวนต้องไปแล้วค่ะ ยินดีที่ได้เจอนะคะ” เธอยิ้มเย็นให้รอบสอง มุ่งไปเคาน์เตอร์เพื่อจ่ายเงินและรับยาที่เคาน์เตอร์ถัดไป ไม่เหลียวหลังมองเขาสักนิด
ทุกอย่างเป็นอดีตหมดแล้ว เรื่องระหว่างเธอและพนมชัย เริ่มต้นจากการรู้จักเป็นรุ่นพี่รุ่นน้อง เจอกันบ่อยจนพัฒนาเป็นความรัก นั่นคือห้วงเวลาเดียวที่ใจเธอเป็นสีชมพูอย่างแท้จริง วนิษศาเคยคิดจะวางชีวิตไว้ในมือเขา เธอคิดว่าตนจะใช้ชีวิตต่างจากแม่
ทว่าคนดีเพียบพร้อมอย่างพนมชัยนั้นมาพร้อมอุปสรรคใหญ่ คุณหญิงแม่ของเขาไม่ชอบเธอ มองหมิ่นลูกนอกสมรส และต้องการให้ลูกชายได้ครองคู่กับคนที่คู่ควร
เมื่อแรกความรักเป็นเรื่องของคนสองคน แต่ในโลกความเป็นจริงโหดร้ายนัก ใช้เวลาสุขได้ไม่นาน กำแพงแห่งชนชั้นช่างสูงหนา หนักเข้าความรักชักขม
เขาและเธอเริ่มไม่มีความสุข การเจอกันกลายเป็นต้องลักลอบ วนิษศาต้องร้องไห้ให้เขาเหมือนแม่ที่ร้องไห้ให้พ่อ เธอจึงหยุดวงจรนี้ เป็นฝ่ายเลิกกับเขา
รักแรกจึงแตกสลายและทิ้งแผลใจเรื่องการคบผู้ชายมากระทั่งเธออายุสามสิบ
สาเหตุที่วนิษศาเป็นโสดมาจนถึงป่านนี้ นอกจากเรื่องงานแล้ว ก็มีเรื่องนี้อีกอย่างที่ทำให้เธอกลัว...กลัวการสร้างสัมพันธ์ฉันท์คู่รักกับชายใด กลัวจะเจอแบบคราวพนมชัย กลัวต้องเสียน้ำตาให้ผู้ชายเหมือนกับแม่
หญิงสาวทำตัวเป็นสาวโสดเข้มแข็ง แต่ภายในใจเปราะบาง จึงเลือกที่จะหยุด ตัดปัญหาทุกอย่าง ออกมาใช้ชีวิตโดยไม่ต้องมีผู้ชายมาเกี่ยวข้อง
ลูกเอ๋ย ไม่ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้น แม่จะรักและดูแลเจ้า เราจะมีกันสองคนแม่ลูกเช่นนี้
เธอบอกลูกในใจพร้อมลูบหน้าท้องที่เริ่มตึงขยายนิด ๆ
เหลือแค่เพียงอีกเดือนเดียว เดือนเดียวเท่านั้น เราจะเป็นอิสระ จากชายผู้ไม่ต้องการเรา
หูเธอดังได้ยินเสียงหัวใจดวงเล็ก ๆ เต้นตุบตับ ตอบรับถ้อยคำที่เธอปลอมประโลมด้วยความยินดี