บทที่ 8
“จะไปวันนี้แล้วเหรอ” ดวินมาคนเดียวไร้ตัวเลขา
“ค่ะ” ตากลมโตหลังแว่นหลุบลงต่ำ เสมองฝากล่อง
“ถามจริง ผมเป็นสาเหตุให้คุณลาออกหรือเปล่าเนี่ย” ผู้มาใหม่ยืนขวางเธอพร้อมเดา
“ไม่หรอกค่ะ ฉันแค่เบื่องานออฟฟิศ อยากทำอะไรที่เป็นนายของตัวเอง”
เธอต้องใช้ความพยายามมากเหลือเกินที่จะบังคับเสียงให้สงบ ขณะอวัยวะสำคัญในอกบีบรัดอย่างรุนแรง
“งั้นก็ขอให้โชคดี”
เขาเคลื่อนกายเปิดทางให้ วนิษศาเดินไปหน้าลิฟต์ กำลังจะใช้มุมลังกดปุ่มเรียกลิฟต์ มือขาวแข็งแรงก็มากกดให้แทน
“จำเบอร์ผมได้ใช่ไหมหนูแหวน”
เธอรับรู้ถึงไออุ่นของร่างสูงที่มายืนคุมข้างหลัง
“มีอะไรก็โทรมา” ดวินโน้มตัวลงมากระซิบหลังใบหู เธอได้กลิ่นลมทะเลจาง ๆ จากเขา
“ไม่ล่ะค่ะ ขอบคุณ” หญิงสาวก้าวเข้าลิฟต์ที่เปิดออกทันที ฝืนยิ้มเป็นครั้งสุดท้าย
ดวินยืนหน้าลิฟต์อย่างเก้อเขิน ไม่ใช่ว่าไม่เคยโดนสาวปฏิเสธ แต่กับผู้หญิงหน้าตาธรรมดา ๆ แบบนี้ เพิ่งมีวนิษศาเป็นคนแรก
ฉุน แต่ทำอะไรไม่ได้ เพราะจะไม่ได้เจอกันแล้ว ในชาตินี้เธอคงไม่ได้เจอผู้ชายดี ๆ ระดับเขา ที่ทำอะไร ๆ กับเธอแบบที่เขาทำ
คิดแล้วก็หันหลังกลับ เดินมุ่งไปห้องพี่ชาย ท่ามกลางรอยยิ้มสวย ตาอ่อนเชื่อม ของเลขาคนใหม่ แต่ดวินก็เดินผ่านเลย ไม่เหลียวแลเลยสักนิด
ยามเช้าวันถัดไปมาเยือน วนิษศาถึงคาเฟ่ฟลามิงโกเป็นคนที่สอง พอดีกับที่เอ้วิ่งไปคิดเงินบ้าง สลับชงกาแฟให้ลูกค้าบ้างจนหัวหมุน
“มาเดี๋ยวพี่ช่วย”
เจ้าของร้านมือใหม่เดินอ้อมไปหลังเคาน์เตอร์ เริ่มทำงานที่ต่อไปจะใช้เลี้ยงชีพ
เจ็ดโมงเช้าลูกค้าพนักงานออฟฟิศก็เริ่มเข้าร้าน และที่ร้านยังรับขนมอบเล็ก ๆ น้อย ๆ ประเภทครัวซอง พาย แซนด์วิชมาขายด้วย
หลังร้านมีครัวเล็ก ๆ ที่พอจะทำอาหารง่าย ๆ กลิ่นไม่รุนแรง เช่น ข้าวผัด หรือสปาเกตตี และอีกสองสามอย่าง แต่ครัวนี้จะเปิดตั้งแต่สิบโมงเป็นต้นไป เพราะมิเช่นนั้นจะรับลูกค้ากันไม่ทัน
เป๋อเข้างานเหลื่อมเวลากับเอ้ประมาณครึ่งชั่วโมง เพราะบ้านอยู่ไกลกว่า เดี๋ยวสักแปดโมง กั๊กที่เป็นพนักงานพาร์ทไทม์และกำลังเรียนอยู่ด้วยจะมาเสริมทัพ
กว่าลูกค้าจะซาก็ประมาณเก้าโมง วนิษศาเก็บล้างแก้วกาแฟ เป๋อเตรียมหั่นแฮม หั่นผัก สำหรับเตรียมขายมื้อกลางวัน
เอ้รับเดอร์จากทางไล้และแอปพลิเคชันต่าง ๆ ชงเครื่องดื่มแล้วให้กั๊กไปส่งบ้าง ให้พนักงานของแอปส่งอาหารชื่อดังมารับบ้าง
มีลูกค้าแวะมานั่งในร้านประปราย เจ้านายสาวรับหน้าที่เสิร์ฟ พอร้านว่างลูกค้าก็ลองชงโกโก้กับชาให้บาริสต้าทั้งสองชิม
“ใช้ได้ ๆ” เอ้ชม เป๋อพยักหน้าเช่นเดียวกัน
“เดี๋ยววันนี้ให้พี่แหวนชงช่วงเที่ยง”
“เอาอย่างนั้นเลยเหรอ” เธอร้อง ไม่คิดว่าตนจะได้ทำงานนี้เร็วขนาดนี้
“มันต้องลองพี่ เดี๋ยวผมประกบดูให้” เป๋ออาสาแข็งขัน ถ้าเธอเป็นงานเร็วเขาจะได้สบายขึ้น
“งั้นก็ช่วยหน่อยนะ พี่มือใหม่หัดชงด้วยสิ” วนิษศาแตะมือที่หน้าท้องตน
เป็นกำลังใจให้แม่ด้วยนะลูก บอกคนในท้องในใจ เธอชอบคุยกับลูก ทำให้ไม่เหงาและคลายเครียด เธออ่านเจอในอินเทอร์เน็ตว่าการพูดคุยจะทำให้ลูกมีพัฒนาการทางสมองเร็วยิ่งขึ้น
ลูกค้ารายแรกของวนิษศาเป็นสาววัยทำงาน หอบโน้ตบุ๊กมานั่งโต๊ะริมหน้าต่าง เอ้ก็รีบเข้าไปรับรายการมา
“ชาไทยหวานน้อยค่ะ” เอ้ทวนคำสั่งซื้อ ลูกค้าไปนั่งรอที่โต๊ะแล้ว วนิษศามือเย็น เกือบทำแก้วช็อตที่ไว้ตวงส่วนผสมหล่น
“ใจเย็น ๆ พี่”
เป๋อกระซิบ เธอมองเขาแล้วสูดลมหายใจลึก ๆ ค่อย ๆ ตักใบชาออกจากถุงใส่ด้ามชง กดด้วยแทมเปอร์ใช้แรงแต่พอดีไม่ให้ใบชาแน่นหรือหลวมเกินไป เอาใส่เครื่องชง วางแก้วตวงใบใหญ่ไว้รองน้ำชาข้างล่าง เทนมใส่พิชเชอร์ เอาหลอดสเตนเลสด้านข้างเครื่องชงใส่เพื่อตีฟองนม
ชั่วประเดี๋ยวเดียวน้ำสีน้ำตาลเข้มเกือบดำก็ไหลรินลงแก้ว พอดีกับนมในพิชเชอร์พร้อม
วนิษศาปลดล็อกเอาด้ามชงออก ยกแก้วไปวางบริเวณปรุงรสกาแฟ อันประกอบด้วยขวดใส่นมข้นหวาน น้ำตาล เปิดนมสดที่อยู่ในถังน้ำแข็ง ตวงทุกอย่างใส่แก้วแล้วเริ่มชง