บทที่ 1 (1)
บทที่ 1
บนถนนเล็กๆ ที่เป็นถนนย่อยบริเวณทิศตะวันตกซึ่งห่างจากหอไอเฟลไปหนึ่งไมล์กว่า ตึกแถวสีขาวสูงห้าชั้นเรียงรายดูสะอาดตา มันเป็นทั้งร้านขายของทั่วไปจนไปถึงร้านอาหารที่มีให้เลือกสรรมากมาย
แต่ที่ดูจะดึงดูดผู้คนได้เป็นพิเศษก็เห็นจะเป็นร้านที่อยู่ตรงหัวมุมถนนที่ผู้คนแวะเวียนเข้าออกอยู่เป็นระยะๆ ภายในร้านอาหารที่ชั้นล่างถูกจัดตกแต่งแบบทันสมัย เก้าอี้สีน้ำตาลอ่อนตัดน้ำตาลเข้ม โคมไฟทรงกลมบุผ้าห้อยลงจากเพดานร้านเพื่อให้แสงสลัวสีนวลตาทำให้ร้านดูอบอุ่นและโรแมนติกมากยิ่งขึ้น ผนังห้องด้านหนึ่งติดกระจกเงาบานใหญ่ทำให้ร้านดูใหญ่ขึ้น ส่วนอีกด้านเป็นบาร์นั่งไว้สำหรับลูกค้าที่อยากลิ้มรสไวน์ในบรรยากาศแสนโรแมนติก ส่วนตรงกลางเป็นพื้นที่รองรับลูกค้าที่เข้ามาดื่มไวน์พร้อมอาหารรสเลิศที่ทางร้านมีบริการไว้ให้
เกสตัน แบร์นาร์ด นั่งกอดอกทำหน้าเครียดอยู่บนเก้าอี้ ใบหน้าแกร่งกลายเป็นบูดบึ้งแบบสุดๆ คิ้วขมวดยุ่งยิ่งกว่าปมผูกโบ เรือนผมสีน้ำตาลอ่อนตัดกับสีผิวที่ค่อนข้างขาว ริมฝีปากเม้มเข้าหากันแล้วคลายออกก่อนจะกระตุกยิ้มหยันให้กับหญิงสาวที่ยืนอยู่ตรงหน้าด้วยใบหน้าที่บอกบุญไม่รับเลยสักนิด
สิบห้านาทีก่อนหน้านี้ชีวิตของเขาราบเรียบเป็นปกติสุข แต่สิบห้านาทีต่อมาความสงบสุขก็ดูจะหดหายไปในทันที เมื่อหญิงสาวหน้าสวย ตาคม ตัวเล็ก เจ้าของทรงผมบอบเทตัดสั้นแค่คอดูเฉี่ยวเปรี้ยวอย่างสาวสมัยใหม่บวกกับผิวพรรณบอกชัดว่าเป็นลูกครึ่งสาวเอเชีย เปิดประตูเดินเข้ามาในร้านที่เตรียมการเปิดไว้อย่างเรียบร้อย แต่ลูกค้าคนแรกกลับกลายเป็นหล่อนเสียนี่!
หล่อนเป็นผู้หญิงที่เขาแทบสาบานว่า ต่อให้ฟ้าถล่มแผ่นดินทลายก็ไม่เท่ากับมีหล่อนคนเดียว แล้วเพียงแค่เห็นหน้าหล่อน เขาก็สบถออกมาได้แต่คำว่า ไม่ ไม่ ไม่จนไม่รู้แล้วว่าเขาพูดคำนั้นกี่ครั้ง
พระเจ้า! ทำไมใจร้ายกับชีวิตของเขาได้ถึงเพียงนี้ ทำไมถึงส่งหล่อนมาที่นี่!
ผู้หญิงอย่างเฟลอร์ เลอ บลองค์ หรือเพียงรุ้ง ศรสิเน่หา คือแม่ระเบิดเพลิง แม่ตัวยุ่งวุ่นวายและเป็นคนที่ทำให้ความคิดของเขาปั่นป่วนได้อย่างดีเยี่ยม เพราะหล่อนคือยัยตัวร้าย
ใช่ ร้ายแบบสุดๆ เสียด้วย
เกสตันถอนหายใจยาวก่อนจะลุกขึ้นยืน ใบหน้าของเขายังไม่คลายความเครียดลงไป แต่สาวสวยที่ยืนอยู่ตรงหน้าแถมยังแหงนคอเกือบตั้งบ่าเพื่อมองเขา กลับไม่รู้สึกรู้สาหรือเกรงกลัวอะไรเลยสักนิด ทั้งที่คนส่วนมากที่ไม่รู้หรือรู้จักเขา ย่อมต้องกลัวเป็นธรรมดาเมื่อเจ้าของฉายาหมีโหดกำลังหน้าหงิกถึงขนาดนี้
“ฉันได้รับอีเมลจากเฟรเดริกแล้ว แต่ไม่คิดว่าจะเอาจริง”
ชายหนุ่มเอ่ยเหมือนพึมพำกับตัวเองมากกว่าจะบอกหล่อน แต่ในใจของเขากำลังคิดไปถึงคนที่เป็นทั้งเพื่อนสนิทและเป็นพี่ชายคนโตของแม่สาวหน้าสวยที่ยืนส่งยิ้มหวานอย่างไม่เกรงกลัวเขาอยู่นี่
หล่อนเป็นน้องสาวของเฟรเดริกหรือพันวา ซึ่งเป็นพี่ชายคนโตและมีเฟรลิกซ์หรือพลาทิศเป็นน้องชายคนรอง ส่วนยัยตัวยุ่งนี่คือน้องน้อยสุดปวดหัวของบ้าน เลอ บลองค์ หล่อนหน้าตาเหมือนแม่ที่เป็นคนไทยมากกว่าพี่ชายสองคนที่หน้าตามาทางฝรั่งเศส เรียกได้ว่าแบ่งกันเหมือนพ่อเหมือนแม่อย่างเห็นๆ
เขารู้จักกับเฟรเดริกพี่ชายของหล่อนตอนอายุสิบแปด และได้รู้จักครอบครัวเลอ บลองค์ตั้งแต่นั้นมา หัวหน้าครอบครัวอย่างฌอง เลอ บลองค์พบรักและแต่งงานกับพณิดา สาวไทยที่มาทำงานที่ร้านอาหารในกรุงปารีสและเลือกใช้ชีวิตอยู่ร่วมกัน พวกเขาเป็นพ่อแม่ที่ดีและให้การสนับสนุนการศึกษาให้กับลูกๆ อย่างเต็มที่ แม้ว่าฐานะของครอบครัวเลอ บลองค์จะไม่ได้ร่ำรวยมากมายอะไร
แต่ด้วยความอุตสาหะของหัวหน้าครอบครัวที่พยายามผลักดันให้เฟรเดริกได้เดินอยู่บนหนทางที่เลือกอย่างเช่นเชฟมืออาชีพ ซึ่งสุดท้ายทั้งเขาและเฟรเดริกก็ประสบความสำเร็จจนได้เป็นเชฟอย่างที่ใจฝัน
เฟรเดริกกลับเมืองดีน็องอันเป็นบ้านเกิดที่อยู่แคว้นเบรอตาญ ซึ่งอยู่ทางทิศตะวันตกห่างจากกรุงปารีสไปค่อนข้างมาก ส่วนตัวเกสตันลงทุนกู้เงินมาเปิดร้านเป็นของตัวเอง ตอนแรกมันเป็นร้านเล็กๆ ที่ไม่ค่อยมีใครสนใจ แต่ต่อมามันกลับเป็นหนึ่งในร้านที่ผู้คนรู้จักและให้การยอมรับเรื่องอาหารที่อร่อยถูกปาก
เขามักจะแวะไปเยี่ยมเยียนครอบครัวเลอ บลองค์ปีละครั้งในวันคริสต์มาส เพราะสำหรับเขาแล้วครอบครัวได้จากไปอย่างไม่มีวันกลับและทิ้งเขาไว้กับความสำเร็จที่เดียวดาย
ครอบครัวเลอ บลองค์รักเขาเหมือนเขาเป็นลูกคนหนึ่ง เขาเองก็รักพวกเลอ บลองค์เหมือนกัน ยกเว้นแต่แม่ตัวน้อย แม่สาวน้อยระเบิดเพลิงคนนี้คนเดียวเท่านั้นที่ให้ความรู้สึกที่ต่างไปจากทุกคน
เจ้าหล่อนเป็นคู่ปรับตัวยงของเขาแต่บางครั้งแรก หล่อนก็กลัวเขาพอๆ กับที่หมั่นไส้เขาด้วยเช่นกัน ความกลัวของหล่อนไม่ใช่กลัวจนลนลานหรือกลัวจนถึงขั้นขยาด หรือเห็นเขาเป็นภูตผีปีศาจ แต่กลัวที่จะต้องอยู่กับ ‘อารมณ์หมีๆ ที่แสนจริงจังของเขา’ และหล่อนก็ทำให้เขาปวดหัวได้ทุกครั้งที่เจอ เมื่อหล่อนเปลี่ยนความกลัวให้กลายเป็นความกล้าและบ้าบิ่น เพื่อต่อกรกับหมีโหดอย่างเขา
ทุกๆ ปีที่เขาไปเยี่ยมบ้านเลอ บลองค์ เขาจะได้บาดแผลกลับมาอย่างน้อยก็หนึ่งหรือสองแผล จากฝีมือของแม่ตัวยุ่งคนนี้ เพราะหล่อนกับเขาไม่เคยญาติดีกันเลยตั้งแต่ไหนแต่ไร
มันไม่ใช่ความเกลียดจากเขาหรือความเกลียดจากตัวหล่อน แต่เป็นเพราะหล่อนชอบบอกให้เขาทำในสิ่งที่เขาทำไม่ได้ เช่นการบอกให้เขาเลิกทำตัวเป็นหมีจริงจังเวลาอยู่ในครัวหรือแม้แต่ปล่อยให้ตัวเองไม่มีวินัย ให้ทำอะไรที่สบายๆ เสียบ้าง ซึ่งเขาทำไม่ได้
ชายหนุ่มถูกสอนและถูกอบรมให้เป็นเชฟจากสถาบันสอนอาหารที่กลายเป็นส่วนหนึ่งของอาชีพของเขา แต่หล่อนกลับบอกให้เขาละทิ้งอะไรๆ เสียบ้าง โดยเฉพาะความเป็นหมีโหด ความเจ้าระเบียบและความจริงจังในทุกย่างก้าวของชีวิต มันจึงเป็นสิ่งที่เขาทำไม่ได้แน่
เขาคิดว่าหล่อนอายุยังน้อยและชอบคิดอะไรเป็นเด็กๆ จึงไม่ถือสา อีกทั้งอายุของหล่อนที่เป็นน้องน้อยกว่าเขามากมันจึงทำให้เขามองหล่อนเป็นเด็กน้อยอยู่ตลอดเวลาจนเกือบลืมอะไรๆ ไป จนมาบัดนี้เขารู้แล้วว่าหล่อนไม่ใช่เด็กอีกต่อไปแล้ว แต่เป็นหญิงสาวที่สวยสะพรั่ง และแน่นอนว่าหล่อนเป็นแม่ตัวป่วนแบบที่สุดเสียด้วย!
ทว่า ไม่ว่าวันเวลาจะเปลี่ยนไปเช่นไร หล่อนกลับไม่เคยพยายามจะเข้าใจว่าทำไมเขาถึงเป็นได้แค่เพียงหมีโหดที่แสนจริงจังและทำไมเขาจึงไม่ยอมเปลี่ยนตัวเองไปเป็นพี่ชายใจดีเหมือนพี่ชายสองคนของหล่อน เพราะยิ่งนานวันเข้า หัวใจของเขาก็เต้นด้วยความคาดหวังทุกครั้งที่ได้พบกับแม่ระเบิดเพลิง
มันเป็นทั้งความคาดหวังที่ผสมผสานไปด้วยความยินดีและความรู้สึกขยาดต่อการเป็นแม่ระเบิดเพลิงน้อยๆ ของหล่อน ที่เขาไม่เคยบอกใคร ว่าแท้จริงแล้วเขาคิดยังไงกับหล่อนกันแน่
“ขอโทษทีค่ะที่ต้องบอกว่ามันเป็นเรื่องจริง ฉันถึงมาอยู่ตรงนี้ไงคะ”