บทที่ 1 (2)
เพียงรุ้งบอกแล้วยิ้มกว้างใส่อย่างจงใจยั่วประสาท เพราะทุกครั้งที่หล่อนเจอหน้าเขา หล่อนก็จะทำแบบนี้เสมอ เนื่องจากการป่วนอารมณ์หมีให้หลุดได้ กลายเป็นงานอดิเรกของหล่อนไปแล้วอย่างไม่รู้ตัว หล่อนเห็นหน้าเขามากี่ปี เขาก็จะเป็นแบบนี้ทุกที ไม่เคยแสดงความรู้สึกอะไรนอกจากทำคิ้วขมวดผูกโบว์ ทั้งที่เขายิ้มให้พ่อกับแม่และพี่ชายของหล่อน แต่พอถึงหล่อนกลับบึ้งใส่ทุกครั้งไป
ยิ่งเวลาที่เขาไปที่บ้านในช่วงคริสต์มาสทีไร พ่อกับแม่ก็จะต้อนรับเขาเป็นอย่างดีทั้งที่เป็นวันคริสต์มาส วันของครอบครัวแท้ๆ แต่หล่อนกลับกลายเป็นบุคคลภายนอกเสียทุกครั้งไป เพราะเขาดึงความสนใจของทุกคนไว้หมดจนทุกคนลืมหล่อนไปเลย
ตั้งแต่ตอนเช้าแม่จะรอว่าเขาจะมาถึงเมื่อไหร่ ส่วนพ่อกับพี่ชายทั้งสองคนก็จะช่วยกันเตรียมเครื่องปรุงอาหารเพื่อจะได้ทายกันอย่างสนุกสนานว่าปีนี้เกสตันจะแสดงฝีมือทำเมนูพิเศษอะไรให้รับประทานร่วมกัน
ยิ่งพี่ชายคนรองยิ่งแล้วใหญ่ รายนั้นเรียกว่าเห็นเกสตันเป็นไอดอลในดวงใจเลยก็ว่าได้ พวกเขาดูมีความสุขกันมาก...มากเสียจนน้องน้อยอย่างหล่อนรู้สึกอิจฉา ทั้งที่เกสตันบึ้งตึงใส่หล่อนแต่ทุกคนกลับไม่เคยว่าเขา แถมยังว่าหล่อนอีกต่างหากที่ไปหาเรื่องพี่เกสตันบ่อยๆ
เกสตันอย่างนั้น เกสตันอย่างนี้ เกสตันเก่ง
โอ๊ย! อะไรๆ ก็เกสตัน อะไรๆ ก็เขา แล้วหล่อนล่ะอยู่ตรงไหน!
มันเป็นแบบนี้ทุกปี ทุกครั้งที่เขามา จนหล่อนให้สัญญากับตัวเองว่า ตราบใดที่เขายังไม่เปลี่ยนพฤติกรรมชวนหมั่นไส้ของตัวเอง เขาจะต้องได้แผลกลับไปในวันคริสต์มาสของทุกปี!
“แล้วคิดว่าฉันจะต้อนรับเธอเหรอ” เขาถามตรงไปตรงมา
“ไม่คิดค่ะ” หล่อนตอบแล้วยิ้มหวานปานนางมารมากกว่านางฟ้า “แต่ฉันรู้ว่าคุณต้องต้อนรับฉัน ไม่อย่างนั้นพี่ชายและพ่อของฉันคงไม่ไว้ใจคุณ จริงไหมคะ”
“แน่ใจงั้นเชียว?”
“มากเลยละค่ะ” หล่อนตอบมั่นใจสุดๆ
“อะไรทำให้เธอแน่ใจอย่างนั้น” ชายหนุ่มถามต่อไปด้วยนึกระแวงขึ้นมาเหมือนกัน คิ้วที่ขมวดจนยุ่งไปหมดกับหน้าที่บึ้งเริ่มกลายเป็นบึ้งหนักกว่าเก่าเมื่อนึกไปถึงข้อความในอีเมลของเฟรเดริก ที่บอกว่าการส่งน้องสาวตัวร้ายมาให้เกสตันในครั้งนี้ เพราะแม่ตัวยุ่งอยากจะเรียนรู้เรื่องอาหารแล้วก็ขอพ่อเปิดร้านอาหารเล็กๆ สักร้านแข่งกับพี่ชายคนโต
แต่ใครๆ ต่างก็รู้ดีว่าเฟลอร์ซุ่มซ่ามขนาดไหน ไม่มีวันไหนที่เจ้าหล่อนไม่ทำของแตกหักหรือพัง มันจึงเป็นสาเหตุที่หล่อนไม่ได้ถูกส่งไปเรียนโรงเรียนการอาหารระดับโลก เพราะพ่อกับแม่และพี่ชายไม่ไว้ใจในสวัสดิภาพของคนอื่นๆ และสวัสดิภาพทางการเงิน ถ้าหากเฟลอร์ไปทำความเสียหายร้ายแรงเข้า
รวมทั้งเฟรเดริกกับเฟรลิกซ์ก็ไม่สามารถทนต่อความยุ่งยากของแม่น้องน้อยคนนี้ได้ พวกผู้ชายแห่งบ้านเลอ บลองค์จึงลงความเห็นว่า...การส่งแม่ตัวยุ่งมาให้หมีโหดจัดการคงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด เพราะหมีโหดชนะหล่อนมาได้ตลอด งวดนี้ก็น่าจะจัดการได้อยู่หมัดเหมือนกัน
เกือบทุกครั้งที่หล่อนทำให้คนอื่นวุ่นวายได้อย่างสุดฤทธิ์หรือตอนที่ทำให้เขาปวดกะโหลกอย่างที่สุด เกสตันก็มักจะจัดการแม่สาวน้อยคนนี้ได้ด้วยอารมณ์ ‘แบบหมีๆ’ ของเขา ส่วนพี่ชายสองคนของหล่อนกับคุณและคุณนายเลอ บลองค์นั้นไม่ต้องคิดให้เมื่อยหรอก พวกเขาไม่แม้แต่จะตีหล่อนเลยด้วยซ้ำไป
เขายังจำได้ดีในวันที่เฟลอร์เกือบเผาห้องครัวของบ้านในวันคริสต์มาส แล้วยังวันที่หล่อนทำเตาปิ้งย่างล้มใส่ขาตัวเองจนถ่านตกลงไปเผาเท้าจนเขาต้องรีบอุ้มไปแช่น้ำทั้งที่หล่อนเตะถีบเขาเป็นพัลวันด้วยความเจ็บ
หล่อนทำให้ชีวิตในวันคริสต์มาสของเขาวุ่นวายทุกปี แล้วก็กลายเป็นแม่ระเบิดเพลิงสำหรับเขาทุกปีด้วย แล้วนี่หล่อนยังจะมาเป็นระเบิดใส่เขาถึงร้านอันแสนสงบสุขนี้อีกเหรอเนี่ย
พระเจ้า! ช่างโหดร้ายเกินไปแล้ว ที่ส่งยัยตัวดีนี่มาให้เขา
เขาคิดแล้วทำท่าจะเอ่ยปากบอกให้หล่อนกลับบ้านไปแต่เนิ่นๆ แต่หล่อนกลับเดาทางได้แล้วรีบบอกก่อนที่เขาจะทันได้พูดออกไป
“คุณลองไล่ฉันกลับดีน็องสิคะ” น้ำเสียงนั้นมีการท้าทายอยู่นิดๆ “รับรองได้ค่ะว่า แค่คุณพ่นคำนั้นออกมาเมื่อไหร่ สิบนาทีหลังจากนั้นร้านนี้จะราบเป็นหน้ากลองทันที เพราะฉันจะไม่กลับไปมือเปล่าแน่จนกว่าคุณจะยอมสอนการทำอาหารให้ฉันอย่างหมดเปลือก”
“นั่นเรียกคำขอร้องเหรอ”
เกสตันถามกลับพลางกระตุกยิ้มเป็นเชิงท้าทายว่าเขาไม่กลัวหล่อนและไม่ยอมให้หล่อนมาวางอำนาจเหนือเขาได้ รวมทั้งเขาจะไม่ยอมหล่อนเหมือนกับที่พี่ชายและคุณเลอ บลองค์ยอมหล่อนหรอก
“ไม่ใช่ค่ะ นั่นคือคำขู่และมันจะเป็นจริงอย่างที่ไม่ต้องสงสัยเลยค่ะ”
หล่อนตอบแล้วยิ้มหวานให้เขาอีกครั้ง แต่เกสตันเห็นมันเป็นระฆังบอกเริ่มยกแรกสำหรับคู่ชกบนเวทีมากกว่า เพราะนั่นแสดงว่าระเบิดเพลิงเริ่มทำงานแล้วและถ้าเขายังไม่อยากให้ร้านที่เปิดรอลูกค้าอยู่แล้วราบเรียบเป็นหน้ากลองหรือให้หล่อนทำอะไรให้เขาปวดหัวในตอนนี้ เขาก็คงจะต้องถอยกันคนละก้าวเสียแล้ว
“ก็ได้ ลองดูสิว่าน้ำหน้าอย่างเธอจะทนได้กี่น้ำ... แม่ระเบิดเพลิงตัวดี!”
ชายหนุ่มบอกแล้วเดินไปหยิบกระเป๋าเดินทางของหล่อนก่อนจะเดินนำไปยังประตูที่เปิดออกไปสู่บันไดทางขึ้นชั้นบนพร้อมกับหันมาพยักหน้าเป็นเชิงบอกให้หล่อนตามไป ทำให้หล่อนต้องเดินตามไปอย่างว่าง่ายทั้งที่ในใจกำลังกระหยิ่ม ยิ้มย่องว่ายกแรกนี้หล่อนเป็นฝ่ายชนะ
เพียงรุ้งเดินขึ้นไปบนชั้นสองที่ชั้นนี้เป็นห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าของพนักงาน รวมทั้งยังมีห้องนั่งเล่นที่ไว้สำหรับพักผ่อนเปลี่ยนกะทำงาน เพราะร้านนี้จะเปิดเตรียมตัวตั้งแต่ช่วงสายๆ เพื่อเตรียมรับลูกค้าที่จะมารับประทานมื้อเที่ยงจนถึงช่วงบ่ายสอง จากนั้นก็จะเปิดครัวอีกครั้งในช่วงเย็นและปิดประมาณห้าทุ่มของทุกวัน
หญิงสาวเดินตามขึ้นไปจนถึงชั้นสามที่เป็นห้องรับแขกกว้างขวาง ตกแต่งไว้อย่างสวยงามจนไม่น่าเชื่อว่ารสนิยมของเกสตันจะสวยได้ถึงขนาดนี้
โซฟาตัวยาวสีน้ำตาลอ่อนขนาดใหญ่รูปตัวแอลมีหมอนใบเล็กๆ สีน้ำตาลเข้มตัดกับสีของโซฟาชวนให้อยากลงไปหนุนนอน อีกทั้งยังมีสีของผนังห้องที่นวลตาตัดกับเครื่องเรือนสีเข้มกว่าของห้องรับแขกได้เป็นอย่างดี โคมไฟแบบติดผนังส่องสว่างเป็นแสงสีนวลยามเมื่อเขาหมุนปุ่มเปิดที่อยู่บนข้างฝาก็สามารถลดหรือเพิ่มระดับแสงสว่างได้ตามใจต้องการ