บทที่ 1 (4)
ชายหนุ่มก้าวขึ้นบันไดแล้วเลี้ยวไปทางประตูห้องด้านหนึ่งก่อนจะเปิดประตูให้ แม้จะยังกรุ่นโกรธจากความเข้าใจที่ได้ยินหล่อนพูดประโยคนั้นออกมา แต่เขาก็พยายามแล้วที่จะไม่ว่าหล่อนออกไปทั้งที่ไม่ชอบใจเลยด้วยซ้ำที่หล่อนใช้อาหารมาเป็นเครื่องมือเอาชนะเขา
“นี่ห้องของเธอ...” เขาบอกแล้วพยักพเยิดไปทางประตูห้องใกล้ๆ กัน “ส่วนนั่นห้องน้ำใช้ตามสบาย”
เขากล่าวแค่นั้นก็ทำท่าจะเดินลงไปชั้นล่าง แต่เพียงรุ้งกลับคว้าแขนเขาไว้เพราะไม่อยากให้การเริ่มต้นของหล่อนต้องแย่ลงด้วยความเข้าใจผิดของเขา ถึงแม้ว่าส่วนหนึ่งมันจะเป็นเรื่องจริงก็ตาม
หล่อนอาจจะหมั่นไส้เกสตันแต่หล่อนไม่ได้เกลียดเขาเหมือนกับที่เกลียดผู้ชายพวกนั้น
“คุณเข้าใจผิดนะเกสตัน”
“ก็คงจะอย่างนั้นมั้ง”
เกสตันรับคำอย่างขอไปทีแต่อารมณ์โกรธไม่ได้คลายลงเลยและมีอารมณ์บางอย่างแทรกผ่านเข้ามาแทนในตอนที่แม่ระเบิดเพลิงจับแขนเขาไว้ มันเป็นเพราะหล่อนไม่เคยสัมผัสเขามาก่อน ครั้งสุดท้ายที่เขาโดนตัวหล่อนก็ตอนที่อุ้มแม่สาวน้อยตัวร้ายคนนี้ไปแช่น้ำตอนที่หล่อนทำเตาปิ้งตกใส่ขาและมันก็นานพอสมควรแล้ว นานจนเขาลืมคิดไปว่าหล่อนเปลี่ยนแปลงไปมากเพียงใดและกลายเป็นสาวเต็มตัวขนาดไหน
แต่ไม่ว่าหล่อนจะเป็นสาวสวยสะพรั่งปานใด แต่หล่อนก็ยังเป็นแม่ระเบิดเพลิงตัวร้ายอยู่ดี!
“คุณโกรธฉันเหรอ”
“ไม่ต้องสนใจหรอก เพราะว่าฉันจะทำให้เธอร้องไห้ขี้มูกโป่งกลับดีน็องภายในสามวันให้ดู ดังนั้นเธอไม่ต้องสนใจหรอกว่าฉันจะคิดอะไรหรือเธอตั้งใจจะทำอะไร เอาชีวิตรอดไปให้ได้ในสามวันก็พอแล้วแม่ตัวดี”
ชายหนุ่มบอกแล้วปลดมือหล่อนที่ยึดแขนของเขาไว้ออกอย่างสุภาพก่อนจะเดินลงบันไดไป ปล่อยให้เพียงรุ้งได้แต่มองตามปนก่นด่าในความมั่นใจของเขาที่คิดว่าจะสามารถไล่หล่อนกลับบ้านได้ภายในสามวัน
หล่อนไม่มีทางกลับไปมือเปล่าหรอก อย่างน้อยก็จนกว่าหล่อนจะได้เรียนรู้ในสิ่งที่ต้องการเสียก่อน!
เพียงรุ้งตั้งเป้ากับตัวเองแล้วจึงเดินเข้าไปในห้องนอนเล็กๆ ที่มีเตียงเดี่ยวปูผ้าปูที่นอนสีขาวและมีแจกันแก้วปักดอกลาเวนเดอร์วางไว้บนโต๊ะเล็กข้างเตียงที่ดูเหมือนว่าจริงๆ แล้วมันคงอยู่ห้องนี้มาก่อน โคมไฟสีขาวแบบตั้งพื้นวางอยู่มุมห้อง ผ้าม่านสีขาวตัดกับสีม่วงอ่อนมีรอยพับอย่างที่รู้ได้เลยว่ามันเพิ่งถูกหยิบออกมาใช้
หญิงสาวเดินเข้าไปแล้วปิดประตูห้องก่อนจะมองไปยังกระเป๋าเดินทางที่วางอยู่ตรงปลายเตียง ซึ่งเกสตันนำมาวางไว้ให้ หล่อนเดินไปลากมันขึ้นมาวางบนเตียงแล้วเปิดออกเพื่อจะเอาเสื้อผ้าออกไปแขวนในตู้
หล่อนเปิดบานตู้ออกเพื่อสำรวจว่ามีไม้แขวนอยู่กี่อันและตรงไหนจะวางอะไรได้บ้าง แต่เพราะความซุ่มซ่ามและไม่ชินกับห้องใหม่ เป็นเหตุทำให้ตอนที่หล่อนเดินมาหยิบชุดชั้นในจากกระเป๋าแล้วเดินกลับมาหมายจะเอาไปใส่ในลิ้นชักด้านในตู้เสื้อผ้า เท้าของหล่อนก็ไปสะดุดชายพรมที่วางอยู่บนพื้นหน้าเตียงจนหน้าคะมำ ศีรษะโขกเข้ากับบานประตูตู้ที่เปิดอยู่จนมันดีดตัวปิดกลับเข้าที่อย่างแรงเหมือนกับเวลาที่ใครสักคนโมโหจนกระแทกประตูใส่
“ว้าย!” เพียงรุ้งร้องทั้งที่ในมือยังกำชุดชั้นในไว้ ส่วนมืออีกข้างเท้าลงไปบนพื้นเต็มๆ ทำให้รู้สึกยอกขึ้นมาแทบจะทันที แต่อะไรก็ไม่เท่ากับหน้าผากของหล่อนที่กระแทกเข้ากับประตูตู้อย่างจังจนตอนนี้น้ำตาแทบร่วง
หล่อนยันกายลุกขึ้นนั่งบนพื้นแล้วใช้มือข้างที่ยันพื้นไว้ เปลี่ยนมาคลำหน้าผากตัวเองปอยๆ นึกเข่นเขี้ยวความโชคร้ายของตัวเองที่มารดามักปลอบใจอยู่บ่อยๆ ว่า... คิดเสียว่าเจ็บแค่นี้ก็ดีนักหนาแล้ว
ความโชคร้ายของหล่อนหรือที่เรียกว่าความซุ่มซ่ามนั้น ไม่ใช่เฉพาะกับคนที่บ้านที่ชิน แม้แต่เกสตันเองก็ชินด้วยเช่นกัน เพราะตอนที่เขาเดินกลับขึ้นมาบนห้องเพื่อจะเอาชุดเชฟสีขาวมาให้หล่อนเปลี่ยนเพื่อจะได้เริ่มทำงาน แล้วได้ยินเสียงล้มกับเสียงกระแทกที่ดังเสียจนคิดได้อย่างเดียวว่า แม่ระเบิดเพลิงทำพิษเข้าแล้ว
เกสตันเปิดประตูเข้ามาในห้องโดยไม่แม้แต่จะเคาะเพื่อขออนุญาต เพราะเขาเดาได้ว่าความเข้าใจของตนเองไม่ผิดไปหรอก แล้วมันก็จริงเมื่อภาพที่แม่ตัวดีลงไปนั่งกองอยู่กับพื้นแถมยังคลำศีรษะตัวเองปอยๆ อยู่นั้น แค่นี้ก็เป็นคำตอบได้ดีกว่าคำตอบไหนๆ แล้ว
“อะไรพังบ้างเนี่ย” เขาถามกึ่งสัพยอกเล็กๆ
“หัวฉันน่ะสิพัง!”
หล่อนว่าด้วยความโมโหแล้วปาชุดชั้นในในมือใส่เขาอย่างไม่ทันคิด ลืมไปแล้วว่าที่ถืออยู่นั้นมันชุดชั้นในไม่ใช่เสื้อผ้าและหล่อนไม่ควรปามันให้เขา
เกสตันรับเอาไว้ในมือหนึ่งส่วนอีกมือเขายังถือชุดเชฟสีขาวที่เป็นเสมือนชุดเสื้อคลุมกันเปื้อนที่ไว้สำหรับทำงานในครัว ใบหน้าที่เคยบึ้งตึงคลายลงทันทีกับการรู้ว่าหล่อนกำลังจะทำอะไร แถมประตูตู้เสื้อผ้าที่ปิดอยู่นั้นก็ไม่ได้ปิดอย่างดีเสียด้วย มันปิดบานผิดเข้าไปก่อน ทำให้บานที่ควรจะถูกปิดไว้ดีดออกมาเพราะไม่ลงล็อกของมัน
“นี่เธอกำลังเก็บเสื้อผ้าใส่ตู้เหรอ” เขาทำมือยังถือชุดชั้นในของหล่อนเอาไว้
“ก็ใช่น่ะสิ!” หล่อนแว้ดเพราะคิดว่าเขาจะหาเรื่อง “หรือคุณคิดว่าฉันจะเข้าไปนอนในตู้เสื้อผ้าหรือไง”
“งั้นฉันคิดว่าเธอคงอยากได้นี่คืน”
ชายหนุ่มก้าวเข้าไปหาหล่อนอีกหนึ่งก้าวพลางยื่นชุดชั้นในคืนให้หล่อน เพียงรุ้งเพิ่งนึกขึ้นได้ก็รีบคว้ามันกลับมาถือไว้ทันทีด้วยใบหน้าที่แดงก่ำด้วยความ อับอายที่เพิ่งรู้ตัวว่าตนเองปาชุดชั้นในใส่เขา
แต่เกสตันที่คืนชุดชั้นในให้หล่อนแล้วกลับไม่ได้รีบออกจากห้องไปอย่างที่ควรทำ ตรงกันข้ามเขาลงนั่งยองๆ ตรงหน้าแล้วปัดมือหล่อนที่คลำหน้าผากอยู่ให้พ้นทาง เพื่อที่เขาจะได้เห็นชัดๆ
“ไหนดูซิ ปูดหรือเปล่า?”
“ไม่รู้...” หล่อนตอบเพราะไม่รู้จริงๆ