บทที่3. ยิ้มอ่อน
1/
บทที่3. ยิ้มอ่อน
รักร้อนซีอีโอเจ้าเสน่ห์
(
)
已经是第一章了
บทที่3. ยิ้มอ่อน
หญิงสาวร่างเล็กที่เพิ่งสละโสดไปไม่นานนัก เดินเข้าในร้านพรรณนาด้วยความคุ้นเคยกับเจ้าของร้านที่กำลังนั่งหน้านิ่วอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ “เป็นอะไรไปหนิง ทำหน้าเหมือนคนปวดท้องเลย” ดารัณอดหยอกล้อเพื่อนรักไม่ได้ เธอเดินไปนั่งที่เก้าอี้ว่างใกล้ๆ “ปวดหัวต่างหากไม่ใช่ปวดท้อง” ลักษณ์ณาราตอบทั้งที่ยังจ้องมองที่คอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ “กำลังเช็คออเดอที่ลูกค้าต้องการอยู่นะ” “มีงานเข้าจะบ่นทำไม บางคนตกงานเยอะแยะไป” ดารัณหัวเราะน้อยๆ “ไม่ได้บ่น แค่หาของส่งให้ลูกค้า งานด่วนนะเลยต้องรีบหน่อย” หญิงสาวดีดนิ้วเมื่อรู้ว่าสินค้าที่ต้องการมีพร้อมส่งครบตามที่ต้องการ “ยิ้มได้เสียทีนะ” “หน้าหนิงยิ้มยากไม่ค่อยเหมาะกับนั่งเฝ้าหน้าร้านเลยเน๊าะ” ลักษณ์ณาราลุกขึ้นเดินไปหยิบกล่องขนมมาวางตรงหน้า “ลองชิมดู” “อะไรคะ” ดารัณก้มหน้ามองของในกล่องเป็นลูกกลมๆ มีน้ำตาลทรายโรย ลักษ์ณาราหยิบเม็ดกลมๆ ส่งเข้าปากแล้วดูดนิ้วตาม “ลูกหยีกวนจ๊ะ ชาวบ้านทำขาย หนิงว่าจะหาแพ็คเกจสวยๆ เพิ่มมูลค่าสินค้าอยู่” “มันมีขายมานานแล้วไม่ใช่เหรอ” ดารัณหยิบชิมบ้าง “ใช่จ๊ะ แต่ที่หมู่บ้านที่หนิงไปมานะ เขาทำเป็นอาชีพเสริม ขายงานกาชาดอะไรแบบนั้น เราก็เลยอยากทำให้มันขายได้ราคามากกว่านี้” “ดีจัง ชาวบ้านได้ขายของ แล้วหนิงได้อะไรล่ะ” “ได้หน้าไง หน้าบานเลยล่ะ” ลักษณ์ณาราหัวเราะปากกว้าง เธอเป็นคนเปิดเผยและจริงใจ หญิงสาวหยิบลูกหยีกวนส่งเข้าปากอีกลูกแล้วมองไปที่นาฬิกาที่บอกเวลาบ่ายสามโมงเศษ เธอยอมรับว่าเธอไม่ค่อยถนัดงานต้อนรับลูกค้าเท่าไหร่ เพราะความใจร้อนและปากกับใจแสนจะตรงกัน หากเจอลูกค้าเรื่องมากหรือชอบต่อราคาเธออาจจะเหวี่ยงหรือวีนใส่ง่ายๆ มันจึงเป็นเหตุผลที่ร้านกรีนชอบพรรณนาของเธอมีพนักงานขายเป็นสาวหวานพูดจารื่นหูแต่ตัดสินใจอะไรเองไม่ค่อยได้อยู่หนึ่งคนชื่อ ‘หนูนา’ ซึ่งตอนนี้เธอพักออกไปหาอะไรกินข้างนอกอีกสักเดี๋ยวก็คงกลับเข้ามาแล้ว “เหมือนหนิงจะยุ่งๆ นะนี่มิ้นต์มารบกวนหรือเปล่า” “พูดแบบนี้ได้ไง เป็นเพื่อนมาตั้งหลายปีน่าจะรู้ว่าคนอย่างหนิงอยู่เฉยๆ ไม่ได้อยู่แล้ว” ลักษณ์ณารากับดารัณเป็นเพื่อนกันตั้งแต่เรียนมัธยม แต่นิสัยของสองสาวแตกต่างกันสุดขั้วจนหลายคนแทบไม่อยากจะเชื่อว่าทั้งสองเป็นเพื่อนรักกัน ดารัณมาจากครอบครัวร่ำรวยมีหน้าตาฐานะในสังคม แต่ลักษณ์ณารามาจากครอบครัวชนชั้นกลางที่มีป้าเป็นคุณครูในโรงเรียนเอกชนหรูแห่งนั้น ทำให้เด็กกำพร้าอย่างเธอได้เรียนโรงเรียนเดียวกับบรรดาคุณหนู คุณชายทั้งหลาย พ่อกับแม่ของเธอจากไปด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์ คุณป้ารดาญาติเพียงคนเดียวที่เหลืออยู่รับเธอมาอุปการะส่งเสียให้ได้เรียนหนังสือ เธอยอมรับเลยว่าไม่ชอบโรงเรียนใหม่นี่เอาเสียเลย ก็เธอไม่ใช่พวกคุณหนูติดหรูนี่นะ ออกจากบ้านนอกๆ ด้วยซ้ำไป ลักษณ์ณาราเรียนห้องเดียวกับดารัณและก็เป็นดารัณอีกนั้นแหละที่เธอหยิบยื่นมิตรภาพให้เธอก่อน ในขณะที่คนอื่นมองเธอด้วยสายตาเหยียดหยามแต่ดารัณมีแต่ความจริงใจให้ และแม้ว่าจะเป็นคุณหนูแต่ดารัณทำตัวธรรมดาชนิดที่เรียกได้ว่า ‘ติดดิน’ เลยทีเดียว ดารัณเป็นคนสวยในแบบที่ผู้ชายชอบ ปากนิดจมูกหน่อยเหมือนตุ๊กตา แต่เธออกไปทางสูงกระดูกใหญ่เธอปลอบตัวเองแบบนั้นบ่อยๆ เพราะเธอค่อนไปทางผู้ชายมากกว่านะซิ มีหนุ่มๆ แทบทั้งโรงเรียนมาจีบดารัณแต่เธอก็ซื่อและปฏิเสธคนไม่เก่ง เหตุการณ์ที่ทำให้เธอสนิทกับดารัณคือรุ่นพี่ม.5 มาตามจีบแล้วทำท่าจะลวนลามดารัณ ตอนนั้นเธอซ้อมวิ่งอยู่และตั้งใจจะวิ่งผ่านไปแบบไม่รู้ไม่ชี้ แต่ก็อดไม่ได้ เธอเลยถอดรองเท้าผ้าใบแสนเหม็นขว้างใส่รุ่นพี่คนนั้น “เฮ้ย! ทำอะไรวะ” “ก็ปารองเท้าใส่ไง โง่เหรอแค่นี้ดูไม่ออก” ลักษณ์ณาราตอบแล้วเดินเขย่งเท้าไปเก็บรองเท้าของตัวเองมาสวม “ไร้มารยาทจริงๆ พวกคนจนนี่มัน...” “จนแล้วไง ไปขอเงินใช้หรือไงเล่า” ลักษณ์ณาราถลกแขนเสื้อขึ้นทำท่าจะชกอีกฝ่าย แต่ดารัณเข้ามาห้ามไว้ก่อน “พอเถอะค่ะพี่ซัน ถ้าพี่ดูถูกคนอื่นแบบนี้ก็คบกับมิ้นต์ไม่ได้หรอกค่ะ” “แต่น้องมิ้นต์” “พี่ซันค่ะ มิ้นต์มีคนที่ชอบอยู่แล้วค่ะ เราเป็นได้แค่พี่น้องกันเท่านั้น ถ้าพี่ซันคิดอย่างอื่นมิ้นต์ก็จนใจค่ะ” รุ่นพี่ม.5 หน้าแตกละเอียด ตวัดสายตามองลักษณ์ณาราอย่างเอาเรื่องก่อนเดินจากไป ดารัณหันมายิ้มให้แต่ลักษณ์ณาราทำเป็นไม่สนใจ หยิบรองเท้ามาสวมใส่อย่างเดิม “ซ้อมวิ่งเหรอ” “เล่นโยคะอยู่มั้ง” ลักษณ์ณาราตัดบทไม่อยากสนทนาด้วย แต่ถึงจะพูดแบบดารัณก็ยังยิ้มกว้างให้แล้วเดินตามเธอมาติดๆ “เดินตามมาทำไม” “มิ้นต์จะกลับทางนี้ต่างหากล่ะ” ลักษณ์ณารามองรอยยิ้มแบบที่... เธอรู้เลยว่าเธอไม่มีวันยิ้มแบบนี้ได้แน่ๆ และแน่นอนว่ามันเป็นรอยยิ้มแบบที่ละลายความขุ่นมัวของใครต่อใครได้ไม่ยากเลย “อยู่ห้องเดียวกันเราไม่ค่อยได้คุยกันเลยนะ” “ฮืม” “เมื่อกี้ขอบคุณนะ” “ฮืม” “ถ้างั้นเราเป็นเพื่อนกันแล้วนะ” “ฮืม เอ๊ะ! อะไรนะ!” คราวนี้ลักษณ์ณาราเกือบสะดุดขาตัวเอง เธอหันมามองคนตัวเล็กเต็มๆ ตาที่ยังเอาแต่ยิ้มและยิ้มอยู่อย่างนั้น “นะ..เราเป็นเพื่อนกันเถอะ มิ้นต์เรียกหนิงเฉยๆ ได้ใช่ไหม” “จะเป็นเพื่อนกับฉันทำไม บ้านฉันไม่รวยหรอกนะ พ่อแม่ก็ตายแล้วทุกวันนี้ก็อาศัยป้าอยู่” “เป็นเพื่อนกันเรื่องนั้นจะต้องไปสนใจทำไม” ดารัณยังคงยิ้มให้ “แม่มิ้นต์ก็เสียแล้ว เหลือแต่คุณพ่อ” “ฮืม” ลักษณ์ณาราได้แต่พยักหน้ารับ แล้วก้าวเดินต่อ “นี่เธอคงไม่ได้ชอบฉันใช่ไหม” “ชอบ? หมายถึงชอบแบบแฟนนะเหรอ” ดารัณหัวเราะคิกคัก “มิ้นต์มีคนที่ชอบอยู่แล้ว สบายใจได้” “งั้นก็...ดีแล้ว” ลักษณ์ณาราจำได้แม่นยำถึงเรื่องราวที่เกิดในนั้น วันที่มิตรภาพเริ่มก่อตัวขึ้น เมื่อสนิทสนมกันมากขึ้นดารัณจึงเล่าความในใจว่าเธอมีเจ้าชายในดวงใจแล้ว เขาอายุมากกว่าเธอและกำลังเรียนแพทย์อยู่ “เข้ามหาวิทยาลัยแล้วมิ้นต์ก็จะหมั้นกับพี่ธันวา” “โอ้โห้ เร็วจัง ไม่คิดจะดูใครไว้บางเหรอ อย่างมิ้นต์นี่สวยเลือกได้นะ” “ไม่ล่ะ มิ้นต์ไม่เลือกใคร จะว่ามิ้นต์แก่แดดก็ได้ มิ้นต์หลงรักพี่ธันวาตั้งแต่เด็กแล้ว” แล้วดารัณก็ได้แต่งงานกับเจ้าชายในฝันของเธอจริงๆ แต่ถึงจะแต่งงานแล้วก็ยังมีหนุ่มๆ มาแอบจีบแบบไม่เกรงใจสามีอยู่เหมือนกัน และก็มีแต่เธอนั้นแหละที่คอยกันผู้ชายเลวๆ ที่ริอ่านจะตีท้ายครัวคนอื่นให้มันกระเด็นออกจากวงโคจรไป ประหนึ่งดาวพลูโตที่ถูกเตะโด่งออกจากระบบสุริยะจักรวาล “ท่าทางมิ้นต์จะมีอะไรในใจนะ” “ก็นิดหน่อยจ๊ะ” ดารัณยิ้มอ่อน “หนิงจำคุณการ์เร็ตได้ไหม?” “การ์เร็ต? หมายถึงการ์เร็ต แบล็ค CEO โรงแรมบลูไดมอนนะเหรอ?” “ใช่ คนเดียวกันนั้นแหละ” “บังเอิญมิ้นต์เจอคุณการ์เร็ตที่โรงพยาบาล เขาเอาเช็คเงินบริจาคช่วยสร้างโรงพยาบาลเด็กมาให้ แล้วเขาก็เปรยๆ ว่าสนใจธุรกิจด้านสปา แต่อยากได้สปาแบบไทยๆ มิ้นต์ก็ดันไปรับปากว่าจะช่วยหาคนเข้าไปคุยงานกับเขาให้ แต่มิ้นต์กำลังจะไปเที่ยวต่างประเทศกับพี่ธันวาก็เลยอยากรบกวนหนิงช่วยไปคุยงานให้หน่อย” “ไปเที่ยวหรือไปฮันนีมูนกันแน่” ลักษณ์ณาราหัวเราะเพื่อนสาว กิติศัพท์ของการ์เร็ต แบล็ค ไม่ธรรมดาเลย เรื่องการบริหารโรงแรมหรูระดับโลกหลายแห่งนั้นเป็นที่เลื่องชื่ออยู่แล้ว แต่เรื่องเจ้าชู้เป็นคาสโนว่าอันดับต้นๆ นี่ก็โด่งดังไม่แพ้กัน ถ้าได้สนใจผู้หญิงคนไหนแล้วจะต้องเอาให้ได้ ขนาดเพื่อนซี้ของเธอแต่งงานแล้ว เขาก็ยังไม่วายคิดจะปีนต้นงิ้วโดยการจีบดารัณต่อหน้าต่อตาสามีอีก แต่เพราะทั้งดารัณและสามีมีรักที่มั่งคงต่อกัน มือที่สามอย่างการ์เร็ตจึงได้แต่กินแห้วไปตามระเบียบ นี่คงกลัวจะเสียหน้าถึงยังได้พยายามตอแหยดารัณอีก “สปาเหรอ? ได้ซิ! ไม่ยาก อยากได้แบบไหนร้านพรรณนาของเรายินดีให้บริการค่ะ” “แน่ใจนะหนิง รายนั้นเขาไม่ธรรมดาเลยนะ” “มิ้นต์ก็รู้ คนอย่างลักษณ์ณาราไม่กลัวอะไรง่ายๆ หรอก” ลักษณ์ณาราหัวเราะ “ไปเที่ยวให้สบายใจเถอะ ดีไม่ดีถ้าฉันได้งานนี้ฉันจะฟันกินเปอร์เซ็นต์เอาให้ขนหน้าแข็งร่วงไปเลย” สองสาวต่างบุคลิกประสานเสียงหัวเราะ เสียงสัญญาณคนเข้าร้านทำให้ลักษณ์ณาราเหลียวไปมองทางประตู หนูนาพนักงานคนเดียวในร้านเดินเข้ามาพร้อมแก้วกาแฟปั่น เธอยกมือไหว้ดารัณด้วยท่าทีนอบน้อม หนูนาเป็นสาวอีสานผิวเข้มคมขำ เดิมทีเธอก็เป็นเด็กสาวธรรมดาที่ไม่มีโอกาสทางการศึกษามากนัก ลักษณ์ณาราพบหนูนาครั้งแรกเมื่อตอนที่เธอไปติดต่อซื้อผ้าขาวม้านำมาทำกระเป๋าใส่แท็บเล็ตเก๋ๆ ลักษณ์ณารารู้สึกถูกชะตากับหนูนา เธอเป็นเด็กดี ช่วยงานที่บ้านซึ่งทำนาปลูกข้าว เมื่อหมดหน้านาก็จะไปทำงานในโรงงาน แต่หนูนามีความรู้ความสามารถด้านทอผ้าบ้าง พืชสมุนไพรบ้าง เธอจึงชวนให้หนูนามาทำงานที่ร้านของเธอ โดยดารัณช่วยสนับสนุนด้านการศึกษา ได้เรียนระบบการศึกษานอกโรงเรียนจนจบและกำลังจะเข้าเรียนในระดับมหาวิทยาลัย ด้วยเหตุนี้หนูนาจึงเคารพลักษณ์ณาราและดารัณมากเพราะถือว่าเป็นผู้มีพระคุณของเธอเลยทีเดียว “หนูนามาพอดี พี่จะออกไปทานข้าวกับพี่มิ้นต์นะ แล้วพี่จะเลยไปซื้อของมาเตรียมจัดชุดของที่ระลึกให้ลูกค้าด้วย ยังไงหนูนาปิดร้านได้เลยนะ” “เข้าใจแล้วค่ะพี่หนิง” “ขอบใจจ๊ะ” ลักษณ์ณาราหยิบย่ามใบสวยสีแดงสดเป็นผ้าปักของชาวเขา หญิงสาวชอบผ้าไทยโดยแต่เดิมเธอก็ไม่คิดว่าตัวเองจะมา ‘เอาดี’ ด้านนี้ได้ เธอไม่ใช่สาวหวานอย่างดารัณและห่างไกลคำว่า ‘พับเพียบเรียบร้อย’หลายสิบกิโลเมตร แต่อาจจะเป็นเพราะว่า คุณป้ารดาชอบนุ่งผ้าถุงสวยๆ ใส่ไปสอนมันเป็นภาพที่เธอเห็นจนชินตา เธอช่วยป้ารดาจัดเก็บผ้านุ่งผ้าซิ่นอยู่บ่อยๆ เธอชอบลวดลายและที่มาที่ไปของลวดลายบนผ้า แต่ก็แอบขัดใจเพราะป้ารดาก็จะนุ่งผ้าสวยๆ เป็นแค่ผ้านุ่งหรือผ้าถุงสำเร็จเท่านั้น เธอจึงขอผ้าชิ้นที่ป้ารดาโปรดน้อยที่สุดมาตัดทำกระเป๋าสะพายแบบที่วัยรุ่นชอบ แม้จะเย็บเบี้ยวๆ บูดๆ ไปหน่อยแต่มันก็ทำให้เธอเริ่มสนุกและสนใจทำอะไรๆ อีกหลายอย่าง แม้ว่าป้ารดาจะดูเป็นคนแก่หัวโบราณแต่ก็ชอบไอเดียของหลานสาว สนับสนุนแนะนำแหล่งซื้อผ้าไทยราคาถูกให้เธอมาลองทำอะไรหลายๆ อย่าง ทั้งกระเป๋า รองเท้า ถุงผ้า และเสื้อผ้าแบบทันสมัย แต่เธอไม่ค่อยมีฝีด้านเย็บปักถักร้อย จึงได้แต่ออกแบบและหาคนทำซึ่งส่วนใหญ่ก็จะเป็นชาวบ้านในชุมชนที่เธอเข้าไปติดต่อขอซื้อของ จากที่เปิดแค่หน้าร้านออนไลน์ ป้ารดาออกทุนให้เธอเปิดร้านของตัวเอง ‘ร้านพรรณนา’ จึงเกิดขึ้น และแน่นอนว่าลูกค้าที่อุดหนุนสินค้าของเธอคือดารัณ “เราจะไปกินข้าวที่ไหนดีล่ะ” “ก็แล้วแต่เจ้ามื้อซิ” ลักษณ์ณารายักไหล่ “งั้นกินร้านใกล้ๆ นี่ก็แล้วกันนะ ได้คุยรายละเอียดกันต่อ” “อยากรีบกิน รีบเสร็จจะได้รีบกลับไปหาคุณสามีละซิ” “ยัยหนิง!” ดารัณเขินอายจนใบหน้าหวานแดงจัด ลักษณ์ณาราหัวเราะร่า เพื่อนสาวมีความสุข เธอก็มีความสุขไปด้วย แล้วจู่ๆ ภาพของชายหนุ่มใบหน้าคมเข้มดวงตาสีเขียวราวกับหยกเนื้อดี มาดเนี้ยบในเสื้อสูทแบรนหรู เขาไม่ใช่ผู้ชายในสเปคเธอเลยสักนิด และเดาได้ไม่ยากว่าเขาก็ไม่ชายตามองเธอด้วยซ้ำ ลักษณ์ณาราเริ่มยิ้มแบบมีเลศนัย ผู้ชายอย่างการ์เร็ต แบล็ค นะเหรอ ไม่เท่าไหร่หรอก. ลฃ
已经是最新一章了
加载中
下载 LoveNovel
海量小说享免费阅读
立即下載
需支付:
0.00
บทที่3. ยิ้มอ่อน
去登录
APP免费观看
自动购买下一章
余额:
0
充值
0
领星星
取消
发布
A
A
A
A
A