บทที่17.แค่ไม่เคยถูกยิง
1/
บทที่17.แค่ไม่เคยถูกยิง
มนตร์ทรายเสน่หา
(
)
已经是第一章了
บทที่17.แค่ไม่เคยถูกยิง
ฤทธิ์ยาทำให้หญิงสาวหลับๆ ตื่นๆ แต่ทุกครั้งที่รู้สึกตัวภาพที่เธอเห็นคือใบหน้าคมเข้มที่มีแวววิตกอยู่เสมอ ดวงตาสีเทาเข้มคูนั้นมีความห่วงใยเต็มแววตา แต่เธอไม่อาจคาดเดาได้ว่าความห่วงใยที่เธอรู้สึกได้นั้นเป็นเพราะเธอคือคนเจ็บแล้วเขาเป็นหมอหรือเปล่านะ สการ์เล็ตต์ยันตัวเองขึ้นนั่ง ดวงตาสีน้ำตาลเหลียวมองสำรวจ รอบข้างอย่างสนใจแม้จะเป็นกระโจมของทหารแต่ก็กว้างขว้างกว่าที่เธอคิดไว้ สามวันมานี่เธอไม่รู้สึกเจ็บที่แผลนักเพราะมีหมอเก่งๆ อยู่ตรงนี้หรือเปล่านะที่ทำให้ลุกขึ้นได้ไวกว่าที่คิด มือเรียวเปิดไหล่เสื้อของตัวเองออกเพื่อจะได้มองเห็นแผลของตนแต่เพราะแผลที่ว่านั่นอยู่ข้างหลัง เธอพยายามองหากระจกแต่ก็ไม่เห็นได้แต่เอียงกะเทเร่เอี้ยวคอมอง “คุณทำอะไร” ยามาทขมวดคิ้วยุ่งด้วยความงุนงง เขาเดินเข้ามาพร้อมถาดอาหารและยาสำหรับคนเจ็บที่ไม่เจียมตัว “ฉัน...ฉันแค่อยากเห็นแผล” เธองึมงำตอบแล้วดึงเสื้อขึ้นปกปิดผิวกายของตน “กลัวเป็นแผลเป็นเหรอ” ยามาทวางถาดอาหารลงที่โต๊ะข้างเตียง “ผมรับรองว่าจะไม่เหลือรอยแผลแสนน่าเกลียดนั่น” “ไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อยนี่คะ” เธอทำจมูกย่น “แค่ไม่เคยถูกยิงก็เลยอยากรู้ว่าแผลมันจะเป็นยังไง” ชายหนุ่มอ้าปากค้างแล้วหัวเราะเบาๆ ออกมา “ความคิดนี้เพิ่งเคยได้ยินเป็นครั้งแรก” “คนอื่นเขาก็คงคิดเหมือนฉันนี่แหละเพียงแต่ไม่มีใครพูดออกมา” เธอมองอาหารอ่อนที่เขายกมาให้ “ฉันลุกไหวแล้วยังเอาอาหารแบบนี้มาให้อีกหรือคะ” “ในค่ายทหารก็คงมีแค่อาหารธรรมดาๆ แค่นี้” “ไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น” เธอส่ายหน้าไปมา “แค่คิดถึงอาหารพื้นเมืองนะคะ” “แข็งแรงอีกนิดคุณก็จะได้ทานอาหารอร่อยแล้ว” เขายิ้มแล้วพยักหน้าเรียกเธอมาทานอาหาร “เราจะพักที่นี่อีกกี่วันคะ” เธอถามแล้วทำตามที่เขาสั่งอย่างว่าง่าย “อยากไปจากที่นี่แล้วเหรอ” น้ำเสียงราบเรียบแต่เจือความน้อยใจ นี่เขาคงคิดผิดไป เขาควรจะเรียกเฮลิคอปเตอร์มารับเธอไปตั้งแต่เธอฟื้นแล้ว “เปล่าคะ” เธอปฏิเสธก่อนช้อนตามองเขาอย่างเขินอาย “ฉันไม่เคยอยู่กลางทะเลทรายแบบนี้ก็เลยอยากเห็นว่าเป็นไง...” ยามาทเป่าลมออกทางปาก “เดี๋ยวคุณทานอาหารแล้วผมจะพาไปดูก็ได้” “ขอบคุณค่ะ” เธอยิ้มกว้างแล้วรีบจัดการอาหารที่แสนจืดชืดตรงหน้า “คุณหมอใจดีจัง” ‘คุณหมอใจดีจัง’ เขาควรดีใจใช่ไหมที่ถูกกล่าวชมเช่นนั้น แต่น้ำเสียงสดใสร่าเริงราวเด็กน้อยทำให้เขายิ่งรู้สึกเหมือนตาเฒ่าที่ไม่เจียมตัวยังไงไม่รู้ สการ์เล็ตต์ไม่เข้าใจความหมายในสีหน้าครุ่นคิดของยามาท ได้แต่เอียงคอมองอย่างสงสัย แต่แล้วเธอก็ปัดความสงสัยทั้งหมดทิ้งไปแล้วคิดแค่ว่า เธอจะได้เห็นทะเลทรายของแท้สักที! “ถ้าคุณหมอไม่อยากพาไป ฉันให้คุณอัลลัฟพาไปก็ได้”สการ์เล็ตต์เอ่ยเบาๆ “อัลลัฟ?” เขาไม่คิดว่าจะได้ยินชื่อชายอื่นจากปากน่าจุมพิตของเธอ “สนิทกับเขาหรือ?” “ก็...เขาเป็นคนดี ช่วยชีวิตฉันไงคะ” เธอตอบซื่อ ตั้งแต่บาดเจ็บมาเธอรู้จักแค่นายทหารหนุ่มคนนั้นคนเดียวนี่นะ แล้วเขาไปกินอะไรมาท่าทางอารมณ์ไม่ดีเลย “คุณนี่ตัดสินคนว่าดีหรือไม่ดีเร็วไปหรือเปล่า” เขาทำเสียงดุแล้วลุกขึ้นหยิบเสื้อคลุมและผ้าคลุมผมส่งให้หญิงสาว แต่เห็นท่าทางที่เจ็บไหล่ทำอะไรไม่ถนัดแล้วเขาก็ต้องช่วยจัดการให้ “ไปเถอะ” “ไปไหนคะ” ดวงตาสีน้ำตาลมีแววสงสัยแต่ก็ลุกขึ้นตามแรงพยุงของวงแขนที่แสนอบอุ่น “อยากเห็นอะไรก็จะได้เห็น” น้ำเสียงเฉียบขาดของเขาทำให้สการ์เล็ตต์ไม่กล้าซักถามอะไรอีก ได้แต่ปล่อยให้ยามาทจูงเธอเดินออกมานอกกระโจมดวงตาสีน้ำตาลกวาดสายตามองไปรอบๆ มีกระโจมทหารอยู่หลายสิบหลังเรียงรายอยู่โดยรอบ มีทั้งอูฐ ม้าและเนินทรายทอดตัวสลับกันไปราวกับภาพวาดของจิตกรชั้นเอก “นี่เป็นโอเอซิสเล็กๆ กองทหารตั้งค่ายกันชั่วคราว”ยามาทเอ่ยถามแล้วบีบมือเธอเบาๆ “คุณกลัวหรือเปล่า” “กลัว…กลัวอะไรคะ” “นี่ไม่ใช่สถานที่ท่องเที่ยว” เขาถอนหายใจยาว “นี่ยังยังมีโจร,มีผู้ก่อการร้าย,มีอันตรายอีกมากมาย และถ้าคุณก้าวพลาดไปเพียงก้าวเดียว คุณอาจไม่รู้ตัวเลยว่าตนเองยืนอยู่ที่ไหน” “ชาวทะเลทรายนี่เก่งนะคะที่สามารถรู้ทิศทางในทะเลทรายได้” เธอยอมรับอย่างจริงใจขณะที่เขาพาเธอเดินไปหลบแดดที่ร่มไม้ “มันอยู่ในสายเลือดครับคุณผู้หญิง” สำเนียงอังกฤษแปร่งหูดังขึ้นจากด้านหลังอัลลัฟทำความเคารพคุณหมอยามาทและผู้หญิงที่เคียงข้างคุณหมอ “อัลลัฟ” ยามาทข่มอารมณ์ขุ่นมัวไว้ในใจ แต่หารู้ไม่ว่านายทหารหนุ่มเข้าใจความหมายที่ส่งผ่านน้ำเสียงของเขาได้เป็นอย่างดี “เชิญทางนี้ดีกว่าครับ” อัลลัฟเผยมือเชิญแล้วเดินนำมาด้านหนึ่งซึ่งมีโต๊ะเก้าอี้จัดเป็นชุดเหมาะกับการนั่งพักผ่อนใต้ร่มไม้ ยามาทประคองร่างบางให้นั่งที่เก้าอี้ที่ถูกจัดเตรียมไว้ “คงไม่ได้จัดไว้รอผมหรอกนะ” “มิได้ครับคุณหมอ” อัลลัฟกระตุกยิ้ม “มุมทำงานของผมเอง จากจุดนี้เราสามารถมองเห็นความเคลื่อนไหวรอบข้างได้ชัดเจน” “และมองทิวทัศน์ได้สวยที่สุด” สการ์เล็ตต์เอ่ยต่อ “สายตาคุณดีจังค่ะ” “ผมเป็นทหารที่คลุกทรายมากกว่าประจำการในวังนี่ครับ” เขาตอบแล้วอดประชดหมอหนุ่มที่ทำตาดุใส่เขาไม่ได้ “ผมจะรายงานท่านลุงคาร์ดัลว่าได้รับการต้อนรับและดูแลอย่างดีจากพลทหารพิเศษอัลลัฟ” ยามาทเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบจนยากจะคาดเดาอารมณ์ได้ แต่ที่แน่ๆ เขาจำชื่อของนายทหารคนนี้ได้แม่นยำเพราะมันได้ฝั่งในสมองเขาเรียบร้อยแล้ว “ทุกอย่างมันคือหน้าที่ของผมเหมือนกับที่หมอมีหน้าที่รักษาคนเจ็บ” อัลลัฟขยับผ้าโพกศีรษะให้เข้าที่ “เสียดายที่ไม่มีเวลาสนทนากับมิส ผมต้องขอตัวไปตรวจงานด้านอื่นก่อนครับ” “เชิญค่ะ” สการ์เล็ตต์ยิ้มรับคำขอตัวของเขา และส่งร่างสูงเดินจากไปด้วยสายตาชื่นชม “ชอบผู้ชายแบบนั้นเหรอ” เขาถามเสียงหงุดหงิดทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ แล้วรินกาแฟให้ตนเอง “ก็...ดูแข็งแรง...พึ่งพาได้” เธอตอบตามตรงแล้วยักไหล่ หญิงสาวไม่ชอบคนหงุดหงิดไร้เหตุผลจึงลุกขึ้นเดินไปด้านหลังซึ่งมีต้นไม้ขึ้นหนาแน่น แล้วสายตาของเธอก็สะดุดกับดอกไม้เล็กๆ สีขาวขอบชมพู เธอนั่งลงแล้วจ้องมองด้วยสายตาชื่นชม แม้แต่ในที่แห้งแล้งและร้อนระอุก็ยังมีความงามซุกซ่อนอยู่ แม้จะไม่งดงามเท่าดอกไม้ในเมืองใหญ่ ทว่ามันก็ เป็นความงามที่ไร้เดียงสาน่ายกย่อง “กุหลาบทะเลทราย” “คะ?” สการ์เล็ตต์หันไปตามเสียงที่เอ่ยลอยอยู่เหนือศีรษะ “มันชื่อกุหลาบทะเลทราย” ยามาทย้ำอีกครั้งแล้วทรุดตัวลงนั่งข้างๆ “เข็มแข็งเด็ดเดี่ยวและอดทน” “ฉันมองว่าสดใสไร้เดียงสา” เธอแย้งแต่ก็ยิ้ม “อย่าเดินไปไหนมาไหนคนเดียวอีก” น้ำเสียงราบเรียบของเขาเอ่ยอยู่ริมหู “คุณทำเหมือนฉันเป็นเด็กเล็กๆ “ และเธอรู้สึกเหมือนถูกคุณครูดุ “สการ์เล็ตต์...คุณยังเป็นเด็ก” ‘อายุคุณกับผมห่างตั้งสิบสี่ปี ในโลกของคุณผมอาจจะเป็นอา, เป็นน้า,หรือลุงของคุณก็ได้’ นั่นคือสิ่งที่เตือนเขาอยู่เสมอ “ฉันไม่ใช่เด็กแล้วนะ” สการ์เล็ตต์ลุกพรวดขึ้นมาแต่ร่างกายขาดการทรงตัวที่ดีจึงเสียหลัก ไม่ใช่โชคที่เข้าข้างแต่เพราะชายหนุ่มที่อยู่ใกล้ไหวตัวทันลุกขึ้นรับร่างบอบบางมากักเก็บไว้ในอ้อมแขน ดวงตาสีน้ำตาลมองเขาอย่างรอคอยและเปี่ยมไปด้วยความหวัง “เด็ก” เขาย้ำกับตัวเองแต่สายคาจับจ้องที่ริมฝีปากที่เผยอขึ้นอย่างเชิญชวน “ไม่เด็ก...” ยามาทโน้มหน้าลงชิดใบหน้าหวานสวยแล้วใช้ริมฝีปากดูดกลืนคำพูดของเธอซึมซับความหวานอย่างอ่อนโยนจากความอบอุ่นกลายเป็นร้อยระอุ สมองน้อยๆ ของสการ์เล็ตต์มึนงงลืมเรื่องเมื่อครู่ไปหมดสิ้น “ยามาท” พระเจ้า! ทำไมเขาช่างอ่อนหวานอย่างนี้! ริมฝีปากบางเผยอขึ้นอย่างเชิญชวนโดยไม่รู้ตัวเธอยกสองแขนขึ้นคล้องคอเขาไว้ไม่ให้เขาถอยห่าง นิ้วมือแตะต้นคอเขาเบาๆ เหมือนขลาดกลัวเธอไม่เคยรู้จักรสสัมผัสเช่นนี้มาก่อนในชีวิต แบรดไม่เคยทำแบบนี้ เขามีแค่หอมแก้มเธอเบาๆ หรือไม่ก็จุมพิตที่หลังมือทว่าเมื่อริมฝีปากของยามาทไล้ริมฝีปากเธอสมองของเธอก็ขาวโพลนไปหมด เขาขบริมฝีปากล่างของเธอเบาๆ และไล้มันด้วยปลายลิ้นเขากำลังทรมานเธอด้วยอารมณ์ที่แสนรัญจวนนี้ เธอรู้สึกเหมือนจะขาดใจตายให้ได้! ยามาทไม่สามารถเก็บเสียงครางอย่างสุขสมของตัวเองได้ ลิ้นน้อยๆ ของเธอแตะริมฝีปากเขาอย่างขลาดกลัวและไร้เดียงสา แต่มันกลับเร้าอารมณ์ปรารถนาของเขาให้ลุกโชนเมื่อเธอต้อนรับเขาด้วยความเต็มเปี่ยมเช่นนี้จึงไม่มีความลังเลที่เขาจะแทรกลิ้นของตนเข้าไปชิมความหวานในโพรงปากและโอบกระชับเธอแน่นขึ้นจนรู้สึกได้ถึงหน้าอกที่สะท้อนขึ้นลงอย่างแรงตามลมหายใจที่ขาดห้วงของเธอ นิ้วมือของสการ์เล็ตต์ไต่อยู่ที่ต้นของเขาเธออยากดึงเอาผ้าโพกศีรษะของเขาออกเพื่อได้สัมผัสผมนุ่มลื่นของเขาอย่างใกล้ชิด ทว่านิ้วเล็กๆ กลับแตะเอาสร้อยเส้นหนึ่งที่เขาสวมอยู่ เธอไม่รู้เลยว่านิ้วของเธอดึงสร้อยที่เขาสวมออกมา และเป็นจังหวะที่ยามาทถอนจุมพิตจากปากนุ่มแล้วจ้องมองใบหน้าหวานที่ยังหอบหายใจแรงอยู่ในอ้อมแขนของเขา “นี่คือวิธีที่คุณบอกว่าตัวเองไม่ใช่เด็กกับคนอื่นหรือเปล่า...สการ์เล็ตต์” “ฉะ...ฉัน...ฉันไม่เคย...” ‘จูบ’ จะพูดได้ไหม ว่าเธอไม่เคยจูบกับใครเลย มันคงเป็นเรื่องน่าอายที่ผู้อายุยี่สิบสองอย่างเธอไม่เคยถูกจูบนี้นะ! สการ์เล็ตต์เพิ่งเข้าใจความรู้สึกของคนที่ถูกกระชากให้ตกลงมาที่ก้นเหวเป็นยังไง! ใบหน้าเธอแดงกล่ำแต่ไม่ใช่เพราะความร้อนระอุที่เขามอบให้เมื่อครู่ แต่เป็นพิษความโกรธที่แล่นพล่านอยู่ภายใน เธออยากจะผลักเขาให้สุดแรงแต่ตนเองก็ไม่สามารถทำอย่างที่คิดได้ โอ้ว! ถ้าเธอจะผลักเขาให้กระเด็นได้นั้นเธอคงต้องกลายร่างเป็นรถแทร็กเตอร์นั้นแหละพอคิดว่าทำอะไรคนตรงหน้าไม่ได้เธอก็ชักมือที่คล้องคอเขากลับทว่านิ้วดันเกี่ยวเอาสร้อยของเขามาด้วย “อ๊ะ!” ทั้งคู่อุทานพร้อมกันแต่ดวงตาสีน้ำตาลก็ต้องเบิกกว้างเมื่อเห็นสิ่งที่เกี่ยวนิ้วเธอไว้ “แหวน! แหวนวงนี้ของฉัน!” “อะไรนะ!” เขาก้มมองสิ่งที่เธอพูดถึง เขาเก็บสร้อยที่มีแหวนวงเล็กประดับเพชรสีชมพูไว้กับตัวทุกครั้งที่เดินทางราวกับมันคือเครื่องรางเตือนใจเขา “แหวนที่ห้อยอยู่สร้อยคอนี้เป็นของฉัน! นี่มัน...แหวนของพ่อที่ให้แม่ของฉันไว้” ดวงตาสีน้ำตาลโชนแสงแรงกล้า ความอ่อนแอบอบบางที่เคยเห็นมลายไปสิ้น “คุณคิดว่าฉันโกหกใช่มั๊ย!คุณคงคิดว่าคนทำตุ๊กตาจนๆ อย่างฉันไม่มีปัญญาเป็นเจ้าของแหวนแบบนี้ใช่มั๊ย! สการ์เล็ตต์ผวาเข้าใส่เพื่อจะได้มาซึ่งของสำคัญที่สุดในชีวิต แต่ยามาทไม่ยอมมอบแหวนซึ่งเขาคล้องคอมาตลอดสองปีมือเรียวกำแน่นแล้วทุบรัวที่อกกว้างของเขาแต่มันก็เหมือนเอามือไปทุบกำแพงหินที่แสนแกร่ง เขาไม่ได้สะดุ้งสะเทือนเลยแม้แต่น้อย “หยุดก่อนสการ์เล็ตต์!!!” เขาพยายามที่จะหยุดการกระทำที่เหมือน ‘สติแตก’ ของเธอ อ้อ! ไม่ซิ! นี่เรียกสติแตกของแท้และแน่นอน เพราะดูท่าทางเธอไม่สามารถควบคุมอารมณ์ของตนเองได้ แต่เพราะความไม่ทันระวังของเขาทำให้ฝ่ามือน้อยๆ สะบัดเข้าใส่ซีกแก้มของเขาอย่างแรง! แม้จะไม่สามารถสร้างความเจ็บปวดได้แต่มันทำให้เส้นความอดกลั้นของขาดผึ่ง! “สการ์เล็ตต์” ยามาทเผลอตวาดเธอเข้าให้ก่อนใช้มือใหญ่รวบมือเล็กของเธอไพล่ไปด้านหลังแต่เธอยังดิ้นร้นเหมือนลืมการบาดเจ็บของตนเอง เขารัดร่างเล็กๆ แน่นจนเท้าลอยขึ้นมาเหนือพื้นแถมขาเรียวของเธอยังเตะไปมาอย่างไม่ยอมแพ้ “เอาของๆ แม่ฉันคืนมานะ!” สการเล็ตต์เผลอหวีดร้องออกมาเมื่อเขาโถมกายใหญ่เข้าใส่ทำให้เธอหงายหลังนอนแนบพื้นทราย ต้นขาแข็งแรงของเขาทับเรียวขาที่ดิ้นร้น และในวินาทีถัดมาเสียงของเธอก็ถูกกลืนหายไปทันที! เมื่อริมฝีปากอิ่มและฉ่ำหวานของเธอถูกเขาครอบครอง! ทว่าผิดกับทุกครั้งที่เธอเคยได้รับ! มันช่างเปี่ยมไปด้วยพลังและอำนาจที่ประกาศว่าเขาอยู่เหนือกว่า เธอไม่รู้ตัวเลยว่าลิ้นของเขาเข้ามาเกี่ยวกระหวัดภายในโพรงปากตั้งแต่เมื่อไหร่! เขาเปลี่ยนมาดูดกลืนริมฝีปากเธออย่างรุนแรงและความร้อนแรงที่เขามอบให้ทำเธอแทบลืมหายใจ หญิงสาวเผลอครางอย่างรัญจวนกับสิ่งที่ได้รับ แต่ไฟปรารถนาของเขาทำให้เธอขยับตัวไปมาเพื่อหลบหนีความร้อนระอุที่ทาบทับอยู่หน้าท้อง มือใหญ่ปล่อยจากแขนเรียวเล็กแล้วเลื่อนผ่านผ้าเนื้อหนาที่ปกปิดร่างเนียนนุ่ม แต่เนินอกที่เครียดจัดท้าทายสัมผัสของเขาอยู่สะโพกสอบของชายหนุ่มเคลื่อนไปมาราวกับงูใหญ่ที่เลื้อยบนพื้นทรายแสนร้อนระอุ หน้าอกของเธอสะท้อนขึ้นลงตามแรงหอบหายใจรุนแรง ในขณะที่มือของเคลื่อนไหวบนร่างกายที่ดิ้นเร่าอยู่บนพื้นทราย เขารู้สึกว่ามือของเธอนั้นเหนอะหนะจนต้องเหลือบตามอง สีแดงที่เปื้อนฝ่ามือของเขาทำให้ดวงตาสีเทาเบิกกว้างอย่างตกใจและมันทำให้สติเขากลับมา “สการ์เล็ตต์!” เขาเรียกเธอแล้วเปลี่ยนเป็นโอบเธอขึ้นจากพื้นทรายให้พิงไหล่ของเขา “บ้าชิบ! แผลคุณเปิด!” “ฉัน...ฉัน” สการ์เล็ตต์ถูกความร้อนแรงของเขาเผาแทบมอดไหม้ ร่างกายไร้เรี่ยวแรงแม้แต่จะยกแขน “ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว” เขากลับมาเป็น ‘หมอยามาท’ อีกครั้ง แล้วช้อนร่างบอบบางขึ้นอุ้ม “เราต้องคุยกันยาวเลยสาวน้อย!” “แหวนนั่น ของแม่ฉัน มันเป็นของฉัน” เธอพึมพำเหมือนคนจับไข้ ดวงตาสีเทาเครียดจัดจนแทบลืมหายใจ โดยสัญชาตญาณแล้วเขารู้ดีว่าเธอไม่ได้พูดปดทว่า...สร้อยเส้นนี้เขาได้มาเมื่อสองปีก่อนในค่ำคืนที่เขาถูกทำร้าย! ถ้าสการ์เล็ตต์คือเจ้าของสร้อยเส้นนี้ แล้วเรอิโกะทำไมถึงกลายเป็นคนช่วยชีวิตเขาไปได้เล่า!.
已经是最新一章了
加载中
下载 LoveNovel
海量小说享免费阅读
立即下載
需支付:
0.00
บทที่17.แค่ไม่เคยถูกยิง
去登录
APP免费观看
自动购买下一章
余额:
0
充值
0
领星星
取消
发布
A
A
A
A
A