บทที่9. คนใจร้าย   1/    
已经是第一章了
บทที่9. คนใจร้าย
9. ริมฝีปากดุจกลีบกุหลาบเม้มจนเรียบตึงกลายเป็นเส้นตรง ทำให้ราเฟย์ยิ้มได้ใจ อารยาอ้าปากจะพูดอะไรออกมาแต่ก็พอดีที่บริกรยกอาหารมาเสิร์ฟ แล้วเธอก็ต้องอ้าปากค้างเมื่อเห็นอาหารบนโต๊ะมองกุ้งตัวเท่าท่อนแขน ขาหมูชิ้นมหึมา แล้วปลาอะไรไม่รู้บนจานสวยงาม แต่... ‘คนใจร้าย แล้วจะกินยังไงนี่!’ โธ่! อารยาหลงคิดไปว่าเขาคงสั่งอะไรง่ายๆที่กินได้สะดวกๆ ไม่ใช่ชุดใหญ่อย่างนี้ แล้วนั่งกันแค่สองคนใครจะกินหมด หญิงสาวกลืนน้ำลายอย่างฝืนคอรู้สึกว่ากำลังตกที่นั่งลำบากยิ่งกว่าตอนโดนเชิญให้ออกจากงานที่โรงพยาบาลเสียอีก “พี่ราเฟย์!” ชายหนุ่มหันไปตามเสียเรียกที่คุ้นเคย ร่างเพรียวของน้องสาวต่างมารดาโบกมืออย่างดีใจแล้วเดินตรงไปหา จัสมินมองเก้าอี้ว่างและใช้สายตาถามพี่ชาย เมื่อใบหน้าคมเข้มพยักหน้าเธอก็เลื่อนเก้าอี้นั่งลงอย่างไม่รอบริกรมาเลื่อนเก้าอี้ให้นั่ง อารยายิ้มกว้างเหมือนได้เจอนางฟ้ามาช่วยตอนกำลังเดือดร้อน แน่ซิ!สภาวการณ์นี้เธอต้องการคนช่วยอย่างที่สุด “ดีใจจังที่ได้เจอพี่ราเฟย์ พี่ก็มาทานอาหารที่นี่เหรอคะ น้องต้องจองคิวตั้งแต่เดือนที่แล้วกว่าจะได้ที่นั่ง” จัสมินยิ้มทะเล้น ผมยาวหยักสวยถูกรวบเป็นหางม้า เธอสวมเสื้อเชิ้ตสีน้ำเงินเข้มกับกางกางยีนรองเท้าบู๊ตหุ้มข้อ คงไม่มีใครรู้ว่าหญิงสาวผมแดงคนนี้มีเลือดของชาวบาฮาเนียถึงครึ่งหนึ่ง “จองคิว” เขาเลิกคิ้วอย่างฉงน “ถ้าอยากมาทานอาหารที่นี่ก็ใช้ชื่อพี่ก็ได้มาแล้ว” “แบบนั้นมันง่ายไป แล้วอีกอย่างใครจะเชื่อว่าสาวฝรั่งผมแดงคนนี้เป็นน้องสาวพี่ราเฟย์ละคะ” จัสมินยิ้มทะเล้นแล้วหันมาทักทายกับเพื่อนร่วมโต๊ะอาหาร ตอนแรกที่เห็นแต่ด้านหลังนึกว่าอยู่ว่าเป็นคู่ควงลำดับที่เท่าไหร่ของพี่ชาย แต่พอเห็นว่าเป็นอารยา ไม่ใช่สาวๆ ที่ตกเป็นข่าวคราว (คาว) กับพี่ชายต่างมารดาของตนก็อดแปลกใจปนดีใจไม่ได้ “มาเที่ยวหรือคะ คุณอารยา” “เอ่อ...จะเรียกอย่างนั้นก็ได้ค่ะ” อารยายิ้มแหย “แล้วองค์จัสมินละเพะคะ” “บอกกี่ครั้งแล้วว่าให้พูดแบบเป็นกันเอง” จัสมินหัวเราะ “ฉันมาซื้อหนังสือไปเตรียมตัวสอน อย่าบอกใครว่าฉันเห่อนะคะ” เธอยิ้มให้อย่างเป็นกันเอง ราเฟย์ส่ายหน้าที่ได้ยินน้องสาวพูดออกมา พลันสายตาเขาเหลือบไปเห็นที่มุมหนึ่งของร้าน เพียงเขาสบตากับฝ่ายตรงข้าม ร่างอ้วนเตี้ยก็สะดุ้งและลุกขึ้นเดินมาทางเขา “ไม่คิดว่าองค์รัชทายาทจะมาถึงที่นี่พระเจ้าข้า” “อย่ามากพิธีเลยเสด็จอา” ราเฟย์ลุกขึ้นยืนและทักทาย “นี่หลานจัสมินซินะไม่เจอกันหลายปี ตอนนั้นเจ้ายังตัวเล็กนิดเดียว” ชายร่างเตี้ยอ้วนทักพร้อมรอยยิ้มที่ดูไม่เป็นมิตรนัก “แต่หม่อมฉันจำเสด็จอานาวาทได้เป็นอย่างดีเพคะ” จัสมินลุกขึ้นและย่ออย่างงดงามราวกับเธอเองก็ถูกฝึกสอนมาให้เป็นกุลสตรีที่เหมาะสมกับเป็นเชื้อพระวงค์ แต่ทำให้อารยาลุกขึ้นและทำตาม นาวาทมองร่างบอบบางสมส่วนของอารยาแล้วรู้สึกน้ำลายสอนาน ๆ จะมีหญิงสาวชาวเอเชียมาให้ยลโฉม แต่เมื่อเห็นว่ามากับราเฟย์เขาจึงต้องพยายามเก็บอารมณ์ของตัวเอง “ได้ข่าวว่ากลับมาจากลอนดอนนานแล้ว น่าจะจัดงานเลี้ยงต้อนรับ คนอื่นจะได้รู้ว่าเจ้ายังมีตัวตน” นาวาทพูดยิ้ม ๆ แบบมีเลศนัย “ไหนๆ เราได้เจอกันทั้งที กระหม่อมขอเชิญไปสนทนาที่โต๊ะของกระหม่อมเถิดพระเจ้าข้า” นาวาทเชิญ “หม่อมฉันขอนั่งคุยกับเพื่อนตรงนี้ดีกว่าเพคะ” จัสมินขอตัวเพราะถ้าไปนั่งร่วมโต๊ะกับคนแบบนั้น การที่เธอต้องจองคิวเพื่อมารับประทานอาหารที่นี้ อาจไร้ความหมาย และต่อให้อาหารเลิศรสแค่ไหน ก็อาจสู้อาหารข้างถนนไม่ได้ก็เป็นได้ “งั้นพี่ไปคุยกับเสด็จอา แล้วฝากเจ้าดูแลอารยาด้วย พี่อาจจะเลยกลับไปจัดการงานต่อ” ‘ดีไปเลย’ อารยาแอบว่าในใจแต่ยิ้มหวาน ราเฟย์กลั้นหัวเราะ แต่ใช้สายตาบอกเธอไปว่า ‘อย่าคิดว่าจะลามือเพียงแค่นี้’ ชายหนุ่มเปลี่ยนโต๊ะมานั่งร่วมวงกับเสด็จอาลำดับที่สี่ของเขา เสด็จปู่มีลูกมากมายจนเขาเองก็นับญาติไม่หวาดไหวมีเพียงแค่ไม่กี่พระองค์เท่านั่นเขารู้จัก เพราะทำงานในราชการด้วยกัน “ผู้หญิงคนนั้น...” นาวาทถามอย่างไม่เกรงใจ “พยาบาลพิเศษของเสด็จพ่อ ท่านคาร์ดัลจัดหามาให้” “ชิ!” ‘เสียดายจริง สวยแปลกตาแบบนี้หายากนัก’ นาวาทสบถในใจแต่ฝืนยิ้มออกมา และแสร้งทำหน้าวิตกจนราเฟย์ต้องเอ่ยถาม “อย่าไปไว้ใจไอ้คนที่ชื่อคาร์ดัลมากนักนะหลาน คนของอาสืบมาว่าเจ้างูพิษนี่แอบซ่องสุ่มคนไว้จำนวนหนึ่งพร้อมอาวุธ” ราเฟย์พยักหน้ารับรู้ เขาเองก็ได้ข่าวเช่นนั้นเหมือนกัน มันยิ่งทำให้เขาไม่ไว้ใจหญิงสาวเจ้าของดวงตาสีนิลและเรือนผมยาวสลวยดุจแพรไหมคนนั้นยิ่งขึ้น! จัสมินถอนหายใจยาวเมื่อเห็นว่าทั้งพี่ชายและอาเดินออกจากภัตตาคารไปแล้ว เธอหันกลับมามองอาหารบนโต๊ะที่สามารถเลี้ยงคนได้ถึงสี่คนให้อิ่มอย่างสบาย ๆ “สงสัยพี่ราเฟย์อยากให้เธอได้กินของดีๆ” จัสมินยิ้มกว้าง หญิงสาวทั้งสองไม่สามารถจัดการอาหารบนโต๊ะได้หมด “ใจจริงฉันอยากกินของหวานที่นี่มากกว่า เห็นลงข่าวในหนังสือพิมพ์ว่าอร่อยมาก แต่คงต้องเป็นงวดหน้าแล้ว” จัสมินสารภาพพลางดื่มน้ำผลไม้ “มาชอปปิ้งเหรอคะ ทำไมไม่เห็นได้อะไรเลย” “คือ...” อารยาอึกอักไม่รู้จะพูดยังไงดี ถึงยังไงจัสมินก็เป็นน้องสาวของราเฟย์ “นี่ถึงฉันจะมีศักดิ์เป็นองค์หญิง แต่ฉันอยู่นอกวังมากกว่าในวังนะจ๊ะ” “ค่ะ...องค์รัชทายาทพามา” อารยาตอบเสียแผ่ว “ไม่ชอบเหรอ หรือว่ายังไม่เจอของถูกใจ วันนี้ฉันว่างจะพาเที่ยวต่อก็ได้นะหรือมีที่ไหนที่อยากไปละ” “ตอนที่นั่งฉันนั่งรถมาจากสนามบิน รู้สึกว่าเคยเห็นถนนเส้นหนึ่งน่ารักมาก มีข้าวของของพื้นเมืองขายแต่ไม่รู้ว่าที่นั่นเรียกว่าอะไรแล้วก็ไม่แน่ใจว่าอยู่ตรงไหนด้วย” “ของพื้นเมืองเหรอ” นิ้วเรียวยกขึ้นแตะริมฝีปากอย่างครุ่นคิดเหมือนชื่อนั้นมันติดอยู่ที่ปาก “อ้อ! ฉันนึกออกแล้ว แต่เธออยากไปที่นั่นจริงๆเหรออารยา” “จริงเพคะ เอ๊ย! ค่ะ ฉันชอบสินค้าพื้นเมืองมันดูมีเอกลักษณ์และจิตวิญญาณของชนพื้นเมืองอยู่ ตั้งแต่มาทำงานที่นี่ฉันก็ไม่ได้ไปไหนเลย” ดวงตาสีนิลเปล่งประกายระยับอย่างตื่นเต้น “ดีใจจังเธอนี่ชอบอะไรเหมือนฉันเลย ฉันก็คิดเหมือนเธอนะ แต่เพื่อนฉันไม่มีใครชอบเหมือนฉันเลย เวลาไปเที่ยวก็ต้องไปคนเดียว” จัสมินหันไปเรียกบริกรมาเช็คบิลพลันสายตาก็ไปเห็นร่างคุ้นตาขององครักษ์ประจำตัวราเฟย์ เธอยิ้มเจ้าเล่ห์ก่อนยกมือเรียกเขาให้มาใกล้ๆ “เรียกหม่อมฉันหรือพระเจ้าข้า”
已经是最新一章了
加载中