บทที่12. หลงเสน่ห์เราเข้าแล้วหรือไง
1/
บทที่12. หลงเสน่ห์เราเข้าแล้วหรือไง
ลิขิตรักในเพลิงทราย
(
)
已经是第一章了
บทที่12. หลงเสน่ห์เราเข้าแล้วหรือไง
อารยาเดินไปตามทางที่ถามมาจากเหล่าทหารยาม ห้องพักของจัสมินอยู่ทางปีกขวาของพระราชวัง เรื่องหลงทิศทางหลงทางมันกลายเป็นเอกลักษณ์ประจำตัวที่ไม่ต้องการไปเสียแล้ว แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เธอมาถึงของส่วนพระองค์ขององค์หญิงจัสมินได้สำเร็จ หญิงสาวหยุดยืนหน้าห้องพลางสูดลมหายใจลึกๆ ระหว่างรอให้นางกำนัลเข้าไปรายงาน แต่เพียงไม่นึกห้านาทีประตูห้องก็เปิดออกมาพร้อมใบหน้ายิ้มแย้มจริงใจ “อารยากำลังคิดถึงเชียว เข้ามาซิ” จัสมินยิ้มอย่างดีใจพลางฉุดแขนของเพื่อนใหม่เข้ามาในห้อง “หม่อมฉันต้องขออภัยที่มารบกวนขณะพักผ่อน” “เลิกพูดจาห่างเหินกับฉันเถอะ นี่เพิ่งสองทุ่มฉันยังไม่นอนอยู่แล้วละ” จัสมินเดินไปรินน้ำชาส่งให้อารยาที่นั่งอยู่บนโซฟา หญิงสาวชาวไทยอดสำรวจห้องเรียบง่ายแต่แฝงความหรูหราของจัสมินอย่างชื่นชม แสดงให้เห็นว่าเจ้าของห้องเป็นคนเช่นไร “ไปสอนที่มหาลัยสนุกมั๊ยคะ” เมื่อเห็นว่าในห้องไม่มีใครอื่นอารยาจึงพูดจาด้วยถ้อยคำสามัญ “สนุกซิ! แต่มีคนบอกฉันว่าอีกหน่อยฉันจะเบื่อไปเอง” จัสมินหัวเราะระรื่น เธอเริ่มไปเป็นอาจารย์พิเศษมาได้สัปดาห์หนึ่งแล้ว หญิงสาวผมสีเพลิงสวมชุดนอนง่ายๆ เป็นเพียงเสื้อแขนสั้นกับกางเกงขายาว มีเสื้อคลุมสีชมพูหวานทับอีกชั้น “อ้อ!ขนมที่เธอส่งมาให้ฉันทานนะอร่อยมาก ชื่ออะไรนะ” “กล้วยบวดชีค่ะ” หญิงสาวยิ้มหวาน “ถ้าไปเที่ยวถนนนีลบ่อยๆ ฉันคงได้กินของอร่อยๆ ฝีมือเธอบ่อยๆ เหมือนกันใช่มั๊ย” จัสมินหัวเราะปากกว้างดูร่าเริงและจริงใจ วันนั้นที่สองสาวไปเที่ยวตลาดแบบชาวบ้านๆ ทั้งเธอและอารยาซื้อของกันเยอะมาก จัสมินหนักไปทางพวกของประดับตกแต่งบ้านน่ารักๆ เก๋ๆ ส่วนอารยาได้พวกผ้าพื้นเมืองและผักผลไม้ที่เธอแอบแซวไปว่า ‘ในวังไม่อดอยากขนาดนั้น’ แถมยังหิ้วหนังสือเล่มหนามาอีกห้าหกเล่ม เธอต้องยั้งมืออารยาไว้ไม่ให้ซื้อหนังสือมากเกินไป เพราะบางเล่มที่อารยาอยากได้เธอก็มีเหมือนกัน จึงตกลงจะให้เพื่อนใหม่ที่แก่กว่าสองปียืมอ่าน “อ้อ! ฉันไปห้องสมุดของมหา’ลัย เจอเอกสารนิทานพื้นเมืองที่แปลเป็นภาษาอังกฤษ” จัสมินลุกพรวดไปหยิบเอกสารชุดนั้นส่งให้หญิงสาว “คิดว่าเธอคงชอบ” “ขอบคุณมากค่ะ” อารยารับไว้เปิดดูคราวๆ แล้วยิ้มน้อยๆ ในความมีน้ำใจของอีกฝ่าย “คือ...ฉันมีเรื่องอยากรบกวนหนะค่ะ” “อะไรเหรอ ว่ามาซิ ถ้าทำได้ช่วยเต็มที่เลย” “ฉันอยากส่งของพวกนี้ไปให้แม่บุญธรรมที่เมืองไทย แต่ฉันไม่รู้ว่าไปรษณีย์อยู่ที่ไหน” อารยายื่นกล่องกระดาษสีน้ำตาลที่จ่าหน้ากล่องเรียบร้อยแล้ว “แม่บุญธรรมฉันชอบผ้าทอมือมาก ๆก็เลยอยากส่งไปให้ท่านค่ะ” “มิน่าละ ถึงได้ซื้อไปหลายผืน” จัสมินรับกล่องสีน้ำตาลนั่นมา “ที่มหาลัยก็มีไปรษณีย์ แล้วฉันจะจัดการให้เอง” “ขอบคุณมากค่ะ” อารยาซาบซึ้งในน้ำใจของมิตรใหม่ ถ้าจัสมินเป็นองค์หญิงที่ถือตัวเธอคงเหงามากกว่านี้เป็นร้อยเท่า “เล่าเรื่องบ้านเมืองเธอให้ฉันฟังบ้างซิ” จัสมินยิ้มกว้างราวกับเด็กอยากฟังนิทาน “ประเทศไทยนี่มีทะเลสวยใช่มั๊ย” “ใช่ค่ะ ฉันเองไม่ค่อยได้เที่ยวไหนหรอกค่ะ ตอนเด็กก็เรียนโรงเรียนหญิงล้วนก็เลยมีชีวิตที่เรียบง่ายไม่โลดโผนอะไร แต่เท่าที่จำได้ตอนที่พ่อแม่แท้ๆ ของฉันพาไปเที่ยวเกาะพีพี ที่นั่นสวยมาก หาดทรายสีขาว มีจุดดำน้ำชมปะการังด้วย” “ฉันก็เรียนโรงเรียนหญิงล้วน” ดวงตาลสีน้ำตาลเบิกกว้างอย่างตื่นเต้น “ตอนดึกๆ ฉันแอบลุกขึ้นมากินช็อกโกแลตที่ซ่อน ฉันหนะเจ๋งนะ แต่ที่ถูกจับได้เพราะกินของหวานก่อนนอนไม่ได้แปรงฟันจนฟันผุหล่ะ” “แต่ฉันแอบเก็บบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปไว้กินตอนดึก ที่ถูกจับได้เพราะมัวแต่แย่งกันแล้วไม่มีใครดูต้นทางถูกมาร์เชอร์ทำโทษกันยกห้องเชียว” สองสาวหัวเราะกันคิกคัก นานแล้วที่อารยาไม่ได้หัวเราะเล่นหัวแบบนี้กับใคร ความทรงจำในวัยเด็กเหมือนขนมหวานที่คิดถึงเมื่อไหร่ก็ยิ้มได้ทุกครั้ง “แล้วทำไมเธอถึงมาเป็นพยาบาลได้ละ” “แม่แท้ ๆ ของฉันร่างกายไม่แข็งแรง เลยฝันอยากเป็นหมอแต่เหมือนหัวสมองฉันจะไปไม่ถึงขั้นนั้น” อารยาหัวเราะน้อยๆ ออกมา “แต่พอหลังจากที่พ่อกับแม่ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตทั้งคู่ ตอนนั้นฉันแย่มากอยากตายตามพวกท่านไป แต่ตอนที่ไปรับศพท่านที่โรงพยาบาลฉันเห็นคนเจ็บที่เดินไม่ได้ก็เลยคิดไปว่าฉันน่าจะทำตัวให้มีประโยชน์กับคนอื่นได้ แม้ว่าแม่จะไม่อยู่แล้วก็ตาม พอมาเรียนด้านกายภาพบำบัดก็รู้ว่าเหมาะกับตัวเองมากที่สุด” เธอยิ้มบางๆ ไม่ได้เศร้าโศกกับชะตาชีวิตตัวเอง แต่กลับคิดว่าอุปสรรคต่างๆ มีให้ทดสอบชีวิตตัวเอง “ดีจริง” จัสมินรินน้ำชาเพิ่มให้ตัวเองและเพื่อนใหม่ “ก่อนหน้านี้ฉันรู้สึกว่าเสด็จพ่อไม่โปรดลูกสาว ไม่ใช่แค่ฉันหรอก คนอื่นก็ด้วย ลูกชายเท่านั้นที่จะสืบทอดนามสกุลเรื่องแบบนี้มันมีกันทั่วโลกแต่ฉันก็อดน้อยใจไม่ได้ พอแม่ฉันตาย ฉันก็ถูกส่งไปอยู่อังกฤษ แทนที่จะส่งไปอยู่อเมริกาบ้านเกิดของแม่ ฉันพยายามเรียนหนังสืออย่างหนัก อยากให้ท่านเห็นว่า ฉันมีความสามารถไม่แพ้ลูกชายเลย เพื่อหวังว่าสักวันเสด็จพ่อจะยอมรับว่าฉันเป็นลูกท่านคนหนึ่งเหมือนกัน ” “แต่ตอนนี้พระองค์ก็ทรงยอมรับแล้วไม่ใช่หรือคะ” “นั่นซิ! ง่ายดายจนฉันแปลกใจ” จัสมินหัวเราะออกมาเมื่อนึกถึงวันที่ได้ไปเข้าเฝ้าพร้อมพี่ชายต่างมารดา “ได้ยินคนอื่นพูดว่าเสด็จพ่อเปลี่ยนไปตั้งแต่เธอมาอยู่ที่นี่นะอารยา” “พูดเกินจริงไปแล้วละคะ” อารยายิ้มบางๆ ในน้ำเสียงของคู่สนทนาไม่ได้มีแฝงการประชดประชันต่างจากคนอื่น โดยเฉพาะเจ้าของดวงตาสีน้ำเงินเข้มคู่นั้น “อาจจะเป็นเพราะว่าฉันเคยเจอคนไข้ที่ขี้บ่นเอาแต่ใจมาเยอะ และได้ทำงานกับคนแก่มาแยะก็เลยเข้าใจพระองค์ ถ้าไม่มีเรื่องยศศักดิ์ กษัตริย์ฮัสซันก็เป็นเพียงชายชราอายุหกสิบแปดที่รอคอยลูกหลานมาเอาอกเอาใจเท่านั้นแหละค่ะ” “นั่นซินะ” จัสมินพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ “ได้ยินว่าเธอใช้วิชานวดสกัดจุดรักษาเสด็จพ่อใช่มั๊ย” “นวดแผนโบราณค่ะ” อารยาหัวเราะจนน้ำตาไหล “นั่นมันในหนังจีนกำลังภายในต่างหาก” “อ้าว! เหรอ...ฉันก็นึกว่าเหมือนในหนังที่เคยดู ใช้ฝ่ามือรักษาคนไง” จัสมินหัวเราะขำตัวเองมากกว่า นี่เธอกำลังจะเป็นอาจารย์พิเศษในมหาวิทยาลัยแห่งชาติเชียว แต่เรื่องง่ายๆ แค่นี้กลับถูกหนังจีนกำลังภายในหลอกเอาได้ “มันเป็นการรักษาอีกทางเลือกหนึ่งนะคะ” “ฮืม...เสด็จพ่อก็ไม่ใช่เด็กๆ การผ่าตัดรักษาอาจไม่ใช่วิธีที่เหมาะนัก” อารยาพยักหน้ารับสายตาเหลือบมองไปที่นาฬิกาก็ต้องตกใจ ไม่รู้เลยว่าเกือบเที่ยงคืนไปแล้วที่เธอมานั่งพูดคุยกับจัสมินจนลืมเวลาไปเลย “เสียดายจังกำลังสนุกเชียว” จัสมินเอ่ยออกมาอย่างเข้าใจสายตาของอารยา เธอเองก็มีสอนตอนเช้าไม่อยากไปทำงานสาย เดี๋ยวคนอื่นจะคิดว่าเธอเริ่ม ‘เบื่อ’ ที่จะทำงาน อารยาลุกขึ้นโดยมีจัสมินเดินไปส่งที่หน้าประตูห้อง “อ้อ! ศุกร์หน้าจะมีงานเลี้ยงต้อนรับให้ฉัน เธอมาด้วยนะ จริงๆ ฉันไม่อยากจัดหรอกแต่คนอื่นๆ บอกว่าฉันควรจัดงานนี้จะได้รู้ว่าฉันเป็นองค์หญิงในราชสกุลคนหนึ่งเหมือนกัน” จัสมินยักไหล่ “ได้ค่ะ อยากให้ช่วยอะไรก็บอกได้นะคะ” อารยากล่าวลาแล้วเดินออกมา โดยไม่ทันสังเกตเห็นคิ้วที่ขมวดกันของจัสมิน “ฉันเชิญเธอมาร่วมงานไม่ได้ให้มาช่วยงาน เธอเข้าใจฉันมั๊ยเนี่ยอารยา” หญิงสาวเสยเส้นผมที่ยาวสลวยถึงกลางหลังของตนเอง ใบหน้าหวานอมยิ้มตลอดเวลา นานแล้วที่ไม่ได้คุยกับใครมากมายขนาดนี้ องค์หญิงจัสมินช่างเต็มเปี่ยมไปด้วยน้ำพระทัยที่งดงาม นอกจากกษัตริย์ฮัสซันที่เอ็นดูเธอราวกับเป็นลูกหลานคนหนึ่ง ก็มีองค์หญิงจัสมินนี่แหละที่ดีกับเธอเหลือเกิน “ฉันจะตั้งใจทำงานเพื่อตอบแทนบุญคุณค่ะ” อารยาบอกกับตัวเองเบา ๆ พลางเงยหน้าไปนอกหน้าต่าง คืนนี้จันทร์เต็มดวงทำให้อุทยานดูสว่างไสวกว่าทุกค่ำคืนที่ผ่านมา เธอตัดสินใจเปลี่ยนเส้นทางมาเดินในสวนยามค่ำ กลิ่นหอมของดอกไม้ไม่รู้ชื่อทำให้อดสูดดมไม่ได้ ลมพัดแผ่วๆ ให้ความรู้สึกที่ผ่อนคลาย ริมสระน้ำมีศาลาน่านั่ง เธอจรดปลายเท้าเดินตรงไปที่นั่งและนั่งลงที่เก้าอี้ที่เป็นชิงช้าโยกรูปม้าน่ารัก หญิงสาวหยิบเอาเอกสารที่องค์หญิงจัสมินให้มาเปิดอ่าน แสงจันทร์ส่องสว่างผสานกับแสงไฟจากดวงไฟในศาลาทำให้เธอมองเห็นตัวอักษรได้ถนัด เธอโยกเก้าอี้ให้แกว่งไปมาช้าๆ เผลอฮัมเพลงเบา ๆ ร่างสูงสง่าสะดุดและหยุดมองร่างงามได้สัดส่วนที่นั่งอยู่ในศาลาริมน้ำ เขาเผลอตกตะลึงกับภาพที่เห็น ราวกับมีนางพรายนั่งอยู่ริมสระน้ำ ผมยาวสลวยแกว่งไปมาตามแรงโยกของเก้าอี้ชิงช้าที่เขาสั่งให้คนนำมาวางไว้ที่นี่ ใบหน้าหวานซึ้งในแสงนวลชวนหลงใหลดวงตาสีฟ้าเข้มจ้องมองอย่างเพลิดเพลินและโดยไม่รู้ตัว เขาก็เดินมาหยุดยืนอยู่ด้านหลัง มือใหญ่ของเขาเกี่ยวเส้นผมยาวขึ้นสูดดมกลิ่น กลิ่นละมุนที่ชวนให้อบอุ่นใจ มันเป็นกลิ่นพิเศษเฉพาะที่น้ำหอมแพงๆ ชนิดไหนก็ไม่สามารถเทียบได้ ราเฟย์แปลกใจที่ตนจำกลิ่นหอมละไมนี่ได้ มันเป็นกลิ่นหอมสดชื่นชวนให้อบอุ่นในใจ อารยารู้สึกว่าปลายผมของตนเองถูกกระตุกเล็กน้อยจึงหันไปมองด้านหลัง แต่ก็ต้องตกใจจนลนลานลุกขึ้นยืนเมื่อเห็นว่าผู้มาเยือนคือองค์รัชทายาทแห่งบาฮาเนีย “มาทำอะไรที่นี่” น้ำเสียงเขาแผ่วเบาผิดกับทุกครั้งแต่ยังคงใบหน้านิ่งขรึมเหมือนเดิม “หม่อมฉันไปหาองค์หญิงจัสมิน แล้ว...แล้วเอ่อ ได้นิทานพื้นบ้านมาอ่าน” เธอยื่นกระดาษชุดนั้นให้เขาดูว่าเธอพูดจริง เจ้าของดวงตาสีฟ้าเข้มหรี่ตามองก่อนขึ้นมองใบหน้าหวานที่ชวนหลงใหล ปลายนิ้วมือที่สัมผัสกันโดยไม่ได้ตั้งใจแต่กลับสร้างความรู้สึกแปลกประหลาดให้กับอารยา มันเป็นความรู้สึกที่ยากจะอธิบาย แม้ว่าเธอจะทำงานเป็นนักกายภาพบำบัดเคยถูกเนื้อต้องตัวคนไข้ชายหญิงมานักต่อนัก แต่ทำไม...แค่ปลายนิ้วมือที่สัมผัสกันกลับสร้างความรู้สึกร้อนผ่าวที่ท้องน้อยจนทำให้เธอรู้สึกร้อนไปถึงแก้มเนียน หรือเพราะแสงนวลของดวงจันทร์ที่ทำให้เธอมองเห็นแววตาของเขาอ่อนโยนอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ‘หรือเขาวางแผนจะมาแกล้งเธออีก’ “ชอบอ่านหนังสือเหรอ” เขาถามเหมือนไม่ต้องการคำตอบ แต่เดินอ้อมมานั่งที่เก้าอี้ที่เมื่อครู่หญิงสาวเพิ่งนั่ง “ค่ะ” ‘ถ้าไม่ชอบคงไม่หลงเข้าไปห้องหนังสือของคุณหรอก!’ อารยาพยายามสงบปากสงบคำเวลาอยู่กับคนที่ไม่อาจเดาความรู้สึกคนนี้ แต่เพราะแสงจันทร์ที่สว่างไสวหรือเพราะแสงจากหลอดไฟในศาลาก็ไม่รู้ อารยาเห็นริ้วรอยความเหนื่อยอ่อนเต็มใบหน้าคมเข้มของอีกฝ่าย เหนือริมฝีปากมีหนวดเคราบางๆ ขึ้นปกคลุม คงเพราะต้องดูแลงานต่างๆ แทนผู้เป็นบิดาจึงดูเหมือนคนพักผ่อนไม่พอ “หลงเสน่ห์เราเข้าแล้วหรือไร” “เอ๊ะ!” “ก็เจ้าจ้องหน้าข้าเช่นนี้” “ไม่ใช่นะ!” อารยาหน้าร้อนผ่าวขึ้นมา ภาวนาไม่ให้เขารู้ว่าตอนนี้เธอหน้าแดงไปถึงหูแล้ว “หม่อมฉันเห็นพระองค์ท่าทางเครียดๆ” “ฮืม” เขายอมรับ “นอกจากเศรษฐกิจของบ้านเมืองแล้ว พวกคณะรัฐมนตรีก็ใช่ว่าจะพึ่งพาได้ แต่ละคนก็ห่วงแต่ตนเองจะเสียผลประโยชน์แต่ลืมคิดไปถึงประชาชน แล้วยังต้องจัดการกบฏแบ่งแยกดินแดนอีก” เป็นครั้งแรกที่ราเฟย์นึกอยากตบปากตัวเอง ทำไมเขาถึงเอาเรื่องราวพวกนี้มาพูดคุยกับผู้หญิงแถมยังเป็นผู้หญิงที่เขาเกลียดหน้ามากที่สุดด้วย! อารยาเผลอยิ้มออกมา แม้เขาจะร้ายกาจกับเธอเพียงใด แต่อย่างน้อยเขาก็มีความรับผิดชอบเป็นว่าที่ผู้นำประเทศที่คิดถึงประชาชนเป็นสิ่งสำคัญ หญิงสาวเดินอ้อมไปด้านหลังและวางนิ้วมือลงบนไหล่กว้าง “เจ้าจะทำอะไร?” “อยู่นิ่งๆ แล้วผ่อนคลายเพคะ” ปลายนิ้วของเธอทำงานอย่างเชี่ยวชาญ “พระองค์สะสมความเครียดไว้มาก กล้ามเนื้อตึงไปหมด ” เธอออกแรงเพียงนิดก็ดันให้เขาเอนตัวไปด้านหน้าได้ เพื่อให้ทุกส่วนของมือไล่บีบนวดลงมาตามกระดูกสันหลัง “อาการเจ็บป่วยของคนเรามักสั่งสมมานาน มันก็เหมือนภูเขาไฟที่เมื่อถึงจุดหนึ่งก็ปะทุลาวาออกมา แต่ทางที่ดีดูแลสุขภาพอย่างสม่ำเสมอจะดีกว่าโดยเฉพาะไต ชากาแฟก็อย่าดื่มจัดนัก โดยเฉพาะเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอร์ ดื่มน้ำผักผลไม้จะดีต่อสุขภาพนะเพคะ แล้วก็หาเวลาพักผ่อนออกกำลังกายบ้างก็ดี” ราเฟย์รู้สึกผ่อนคลายอย่างอธิบายไม่ถูก เขาไม่เคยถูกบีบนวดเช่นนี้และไม่รู้ว่าทำไมยอมให้เธอทำกับเขาอย่างนี้น้ำเสียงอ่อนหวานแผ่วเบาอยู่ริมหูจนเขาแทบจะเคลิ้มไปทีเดียว “ดีขึ้นมั๊ยเพคะ” หญิงสาวยื่นหน้ามาถามพร้อมรอยยิ้มกระจ่างสดใส แต่เธอลืมไปว่าขณะนี้เธอยืนอยู่ด้านหลังและเมื่อยื่นหน้าข้ามไหล่มานั่น เขาก็หันไปตามเสียงของเธอ ปลายจมูกที่ชนกันและลมหายใจอบอุ่นที่รินรดทำให้แก้มเนียนแดงระเรื่อขึ้นมา ราวกับนาฬิกาหยุดเดินไปชั่วขณะเมื่อสายตาของคนทั้งคู่ประสานกันนิ่งนานจนสะท้อนภาพของกันและกันในดวงตาของคนทั้งคู่ “ดี...” เขาพึมพำเหมือนคนละเมอดวงตาสีฟ้าเข้มจ้องมองเรียวปากบางราวกลีบกุหลาบ มือใหญ่กำลังจะเอื้อมาจบร่างบางไว้ แต่อารยาเอนตัวกลับแสร้งเสยผมยาวของตัวเองแก้เขิน “ดึก...ดึกมากแล้ว หม่อมฉันขอตัว” หญิงสาวย่อตัวทำแบบเดียวกับที่นางกำนัลทั้งหลายทำต่อหน้าเขา หัวใจเธอเหมือนถูกบีบที่ต้องบังคับตัวเองไม่ให้หวั่นไหวกับคนที่ฐานะต่างกันราวกับฟ้าและดินเช่นนี้ ร่างบอบบางซอยเท้าถี่ๆ จนแทบจะกลายเป็นวิ่งมุ่งหน้าสู่ห้องพักของตน ไม่กล้าแม้จะเหลียวกลับมามองร่างสูงใหญ่ที่ยืนมองร่างบางด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน เป็นรอยยิ้มที่ห่างหายไปจากใบหน้านี้มานานเหลือเกิน!.
已经是最新一章了
加载中
下载 LoveNovel
海量小说享免费阅读
立即下載
需支付:
0.00
บทที่12. หลงเสน่ห์เราเข้าแล้วหรือไง
去登录
APP免费观看
自动购买下一章
余额:
0
充值
0
领星星
取消
发布
A
A
A
A
A