บทที่ 9   1/    
已经是第一章了
บทที่ 9
รถจากัวร์เลี้ยวเข้ามาจอดหน้าประตูคฤหาสน์หลังงาม ดวงสาวใช้ประจำบ้านเจ้าสัวเป็นคนเปิดประตูรถ อำนวยความสะดวกให้ช่อทิพย์ก้าวลงมาจากรถ สาวใช้ไม่คิดจะไปประคองร่างของเจ้านายสาว เนื่องจากช่อทิพย์ตั้งกฎเหล็กไว้ว่า ห้ามให้ใครช่วยเหลือเธอเด็ดขาด ถ้าเธออยู่ในบ้าน เธอจะเดิน ไปไหนด้วยตัวเอง เพราะบ้านหลังนี้หญิงสาวอยู่มาตั้งแต่เกิด รู้ดีว่าอะไรอยู่ตรงไหน หญิงสาวคลี่ไม้เท้าคู่กายออก ให้มันทำหน้าที่เป็นเครื่องนำทางที่ซื่อสัตย์ของเธอ “ช่อ มาหาป๊าหน่อย” เชิงชายเอ่ยบอกลูกสาวเมื่อเห็นเธอก้าวเข้ามาในบ้านช่อทิพย์หันมาทางซ้ายมือใช้ไม้เท้าคลำไปข้างหน้า จนกระทั่งไม้เท้าชนกับเก้าอี้มุกตัวเล็ก เธอจึงใช้มือคลำแทน ก่อนจะทรุดนั่งลงบนเก้าอี้ตัวนั้น “มีอะไรคะป๊า” “ป๊าอยากให้ช่อไปรักษาดวงตาที่เมืองนอก หมอที่นั่นเขายืนยันมาว่า ตาของลูกมีทางรักษาหาย ถ้าปล่อยไว้นานกว่านี้ อาจจะรักษาไม่ได้นะช่อ ป๊าไม่อยากให้ช่อตาบอดไปตลอดชีวิต” ไม่ใช่ครั้งแรกที่เชิงชายพูดเรื่องนี้กับลูกสาว เขาพูดมาตลอดสามปีที่ช่อทิพย์จมอยู่กับความมืด แต่ทุกครั้งช่อทิพย์ปฏิเสธเสียงแข็งยืนยันเสียงหนักแน่นว่า เธอจะไม่เข้ารับการรักษาดวงตาที่มืดมิดคู่นี้เด็ดขาด กลับบอกว่าเป็นอย่างนี้ก็ดีแล้ว ซึ่งเขาเองก็รู้ความหมายกับคำพูดประโยคนั้น เชิงชายไม่ละความพยายามพูดเรื่องนี้อยู่บ่อยครั้งเพราะนายแพทย์บอกกับเขาว่าจอประสาทตาของช่อทิพย์ได้รับความกระทบกระเทือนเท่านั้น มีสิทธิ์กลับมามองเห็นเหมือนเดิม หากได้รับการรักษาอย่างถูกวิธี เชิงชายหวังว่าสักวันลูกสาวสุดที่รักจะใจอ่อน ยอมเข้ารับการรักษา เขาหวังว่าครั้งนี้เธอจะตอบตกลง “ไม่!” ช่อทิพย์ตอบเสียงดังฟังชัด “ป๊าไม่ต้องมาสนใจช่อหรอก ช่อไม่มีความสำคัญกับป๊าอยู่แล้ว ไปเอาอกเอาใจเมียใหม่ลูกใหม่ของป๊าเถอะ ถ้าไม่มีอะไรแล้วช่อขอตัวก่อนนะคะ” ความน้อยใจทำให้เธอพูดออกไปเช่นนั้น หญิงสาวลุกขึ้นยืนและเดินไปยังบันไดบ้าน นำพาตัวเองขึ้นไปห้องพัก สถานที่ที่เธอรู้สึกมีความสุขที่สุดในบ้านหลังนี้ ขณะก้าวเดินน้ำตาแห่งความน้อยใจเสียใจกำลังหลั่งรินลงมา เธอรีบปาดน้ำตาแห่งความอ่อนแอนั้นทิ้งไป ต่อไปนี้เธอต้องเข้มแข็ง ต้องช่วยเหลือตัวเองให้ได้ ความพิการทางสายตาของตัวเธอเองจะต้องไม่ให้ใครเดือดร้อน นี่คือสาเหตุที่ช่อทิพย์สั่งทุกคนในบ้านไม่ให้ช่วยเหลือเธอในการใช้ชีวิตประจำวัน จะมีข้อยกเว้นอยู่เรื่องที่เจ้าสัวเชิงชายไม่ยอมคือ หากลูกสาวออกไปนอกบ้านไม่ว่าจะไปที่ใด จะต้องมีคนขับรถไปรับไปส่ง ช่อทิพย์ยอมรับข้อตกลงในข้อนี้ และสถานที่เดียวที่เธอไปทุกวันคือ บ้านพักผู้พิการทางสายตา โรงเรียนสอนคนตาบอดบ้านครูน้อม สถานที่ที่สอนให้เธอรู้จักการช่วยเหลือตัวเอง สอนให้อ่านอักษรเบรลล์ที่เธอไม่เคยรู้จักมาก่อนและสอนให้ทำใจกับการที่จะต้องสูญเสียการมองเห็นไปตลอดชีวิต เชิงชายถอนหายใจอย่างกลัดกลุ้ม เรื่องนี้เขาเองก็ไม่รู้จะแก้ไขอย่างไร ช่อทิพย์เกลียดอรณีภรรยาใหม่ของเขามาก สาเหตุที่ช่อทิพย์ตาบอดก็มาจากเรื่องนี้ด้วย เหตุการณ์ในวันนั้นเขาจำได้ดีไม่มีวันลืม เขาพาอรณีมาแนะนำให้ชาติชายและช่อทิพย์ได้รู้จัก เขาบอกกับลูกทั้งสองว่าอรณีจะเข้ามาอยู่ในบ้านหลังนี้ในฐานะภรรยาของเขา ชาติชายไม่ยินดียินร้ายที่บิดาจะมีภรรยาใหม่ แต่สำหรับช่อทิพย์ เธอไม่ยินดีและแสดงความรังเกียจออกมาอย่างชัดเจน ช่อทิพย์ต่อว่าบิดาที่ไม่รักษาสัญญา บิดาสัญญาว่าจะไม่มีภรรยาใหม่ จะรักมารดาที่ตายจากไปเพียงคนเดียว เชิงชายจึงมีปากเสียงกับช่อทิพย์ ก่อนจะบอกกับเธอว่า ตอนนี้อรณีท้องได้สามเดือนแล้ว เขาจำเป็นต้องพาอรณีกับลูกเข้ามาอยู่ในบ้านหลังนี้ ช่อทิพย์ช็อกไปชั่วครู่ เมื่อตั้งสติได้เธอรีบวิ่งไปขึ้นรถของตัวเอง แล้วขับออกไปจากบ้านอย่างรวดเร็ว เชิงชายจะวิ่งตามไปก็ไม่ได้ เพราะตอนนั้นอรณีเกิดอาการหน้ามืดขึ้นมากะทันหัน เชิงชายเลือกที่จะอยู่ดูแลอรณีมากกว่าจะตาม ช่อทิพย์ไป แต่ระหว่างนั้นเขาก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ ทั้งวันแม้จะดูแลภรรยาใหม่ เชิงชายก็คอยตามข่าวลูกสาวอยู่ตลอดเวลา มายืนรอหน้าบ้านจนดึก แต่ก็ไม่สามารถติดต่อช่อทิพย์ได้เลย ให้คนไปตามหาก็ไม่พบ จนกระทั่งกลางดึกคืนนั้น เจ้าหน้าที่ห้องฉุกเฉินโทรศัพท์มาบอกว่า ตอนนี้ช่อทิพย์อยู่โรงพยาบาลเนื่องจากประสบอุบัติเหตุรถพลิกคว่ำ เชิงชายรีบรุดมาโรงพยาบาล และก็แทบล้มทั้งยืนเมื่อได้ฟังคำวินิจฉัยของแพทย์ว่าช่อทิพย์จะสูญเสียการมองเห็น เพราะดวงตาได้รับความกระทบกระเทือนอย่างหนัก ...มันเป็นข่าวร้ายดั่งเช่นวันที่ภรรยาเก่าเสียชีวิต เพราะแม้แพทย์จะบอกว่ามีทางรักษาให้หายได้ แต่เชิงชายก็อดที่จะโทษตัวเองไม่ได้ ถ้าเขาตามลูกสาวไป ไปหยุดช่อทิพย์ไว้ก่อนจะหุนหันพลันแล่นออกไป ถ้าเขาไม่มัวแต่ห่วงอรณี เรื่องแบบนี้ก็จะไม่เกิดขึ้น มันเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาดที่สุดในชีวิตเลยก็ว่าได้ รุ่งเช้าตอนที่ช่อทิพย์ฟื้นขึ้น ขณะที่แพทย์เข้ามาอธิบายอาการของช่อทิพย์ ยังไม่ทันที่เขาจะบอกให้รักษา ช่อทิพย์ยืนยันก็เสียงแข็งว่าจะไม่เข้ารับการรักษาดวงตาเด็ดขาด ไม่ว่าเขาและชาติชายจะพูดอย่างไร ช่อทิพย์ไม่ใจอ่อนเลยสักครั้ง จนกระทั่งถึงทุกวันนี้ความตั้งใจของเธอก็ยังคงเดิม “เจ้าสัวคะ อรรู้สึกผิดมากๆ เลยค่ะที่เป็นสาเหตุให้เจ้าสัวกับคุณช่อผิดใจกัน ให้อรกับลูกไปอยู่ที่อื่นก็ได้นะคะ” อรณีเดินเข้ามาออดอ้อนบีบน้ำตากับเชิงชายทันทีที่สาวตาบอดเดินขึ้นไปบนบ้าน เชิงชายโอบไหล่ภรรยาสาววัยยี่สิบเก้าปีอย่างรักใคร่ เธอซบลงบนอกของสามีร้องไห้สะอื้นเรียกคะแนนความสงสาร เจ้าสัวคนดังไม่คิดว่าความผิดอยู่ที่เธอ ถ้าจะมีใครผิดก็ต้องเป็นเขา ไม่ใช่อรณีกับลูกชายคนเล็กและไม่ใช่ช่อทิพย์ด้วย “ไม่ใช่ความผิดของอรหรอก อย่าคิดมากเลยนะ สักวันช่อเขาจะเห็นความดีของอรเอง” เชิงชายพูดปลอบใจภรรยา ระบายลมหายใจออกมาอย่างกลัดกลุ้ม เขาไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรให้ช่อทิพย์หายโกรธและเข้าใจเขาได้ ช่อทิพย์และชายชาญถึงแม้จะต่างแม่กัน แต่ก็เป็นลูกของเขาทั้งคู่ ถ้าจะให้เขาเลือกจะทิ้งคนใดคนหนึ่งก็ทำไม่ได้ จะผลักอรณีและชายชาญให้ออกไปจากชีวิตก็ไม่ได้อีก เขาไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรกับเรื่องนี้ดี สามปีมานี้เจ้าสัวพยายามคิดหาทางออกมาตลอด อยากให้ครอบครัวของเขากลับมารักใคร่และอบอุ่นเหมือนวันวานอีกครั้ง แต่จนแล้วจนรอดเขาก็ไม่สามารถคิดหาทางออกได้เลย อรณียิ้มมุมปาก ซ่อนความร้ายกาจเอาไว้ภายในใจไม่ให้เชิงชายได้รับรู้หรือสงสัยว่าเธอนี่แหละคือ นางมารร้ายตัวจริง ไม่มีใครรู้หรอกว่าสาเหตุที่แท้จริงที่ช่อทิพย์ไม่ยอมเข้ารับการรักษาดวงตาคืออะไร สาเหตุนั้นก็คือตัวของเธอเอง วันที่เชิงชายและชาติชายเข้าไปคุยกับแพทย์ เธอแอบเข้ามาเยี่ยมช่อทิพย์ตามลำพัง แล้วบอกเล่าเรื่องราวในวันนั้น วันที่ช่อทิพย์ได้รับอุบัติเหตุ ‘จะบอกอะไรให้นะคะคุณช่อ จริงๆ แล้วเจ้าสัวจะตามคุณออกไป แต่เผอิญอรเกิดหน้ามืดคล้ายจะเป็นลมซะก่อน เจ้าสัวเลือกที่จะหันมาสนใจอรกับลูกแทน ลืมลูกเก่าอย่างคุณไปเลย ตอนที่เจ้าสัวได้รับโทรศัพท์จากโรงพยาบาลก็เหมือนกัน เจ้าสัวพูดออกมาทันทีว่า ทำไมคุณไม่ตายไปซะจะได้สิ้นเรื่องสิ้นราว อยู่ไปก็ขัดขวางความสุขของเขาเปล่าๆ อรได้ฟังยังตกใจเลยค่ะ ไม่คิดว่าเจ้าสัวจะพูดคำนี้ออกมา โถๆๆ คุณช่อของอร น่าสงสารจริงๆ เลยนะคะ พ่อก็ไม่รักแถมยังตาบอดอีก เคราะห์ซ้ำกรรมซัดเหลือเกินนะคะ ถ้าอรเป็นอย่างนี้ อรตายไปเลยดีกว่าค่ะ ไม่ทรมาน ไม่ให้ใครเขาเดือดร้อนกับความพิการของตัวเองด้วย อ้อ...ลืมไป อย่าไปบอกเรื่องที่อรพูดนะคะ เดี๋ยวเจ้าสัวจะไม่เชื่อคุณช่อ ทีนี้แหละจะกลายเป็นหมาหัวเน่า ฮ่าๆๆ’ อรณีพูดความเท็จให้ช่อทิพย์ได้รับฟัง เชิงชายไม่ได้หลงลืมช่อทิพย์ ไม่ได้คิดว่าช่อทิพย์คือมารขวางความสุขอย่างที่อรณีพูดออกมาเลยสักนิดเดียว ตรงกันข้ามเขารักช่อทิพย์มาก แต่ตอนนั้นเหตุการณ์มันทำให้เขาต้องสนใจอรณีเพราะคิดว่าคงไม่เกิดเรื่องร้ายแรงกับลูกสาว คำพูดทั้งหมดของอรณีแทรกซึมเข้าไปสมองของช่อทิพย์ ความน้อยเนื้อต่ำใจ ความเสียใจ ความเข้าใจผิด ทำให้ช่อทิพย์ไม่เข้ารับการรักษาดวงตา ปล่อยให้ตัวเองจมอยู่กับความมืดมิดเหมือนกับชีวิตของเธอที่ดับมืดลงในวันที่อรณีก้าวเข้ามา ความตึงเครียด ความหมางเมินของสองพ่อลูกเกิดขึ้นตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมาเช่นกัน
已经是最新一章了
加载中