บทที่8. ออกคำสั่ง   1/    
已经是第一章了
บทที่8. ออกคำสั่ง
ทั้งที่บอกตัวเองว่านั่งเสิร์สข้อมูลสำหรับการทำงาน แต่หน้าจอคอมพิวเตอร์กลับมีแต่ภาพของ CEO สุดฮอตที่ชื่อการ์เร็ต แบล็ค นอกจากจะเป็นนักธุรกิจหนุ่มไฟแรงแถมโสดไร้พันธะทั้งที่อายุ 36 แล้วก็ตาม ทว่าดีกรีความหล่อขึ้นปกนิตยสารมาแล้วหลายฉบับ ใบหน้าหวานเผลอจ้องเขม็งอ่านบทสัมภาษณ์อย่างตั้งอกตั้งใจ จนไม่รู้ว่ามีลูกค้าเดินเข้ามาในร้าน ชายหนุ่มขยับแว่นสายตาแล้วระบายยิ้มอ่อนโยนก่อนจะก้าวเข้ามาใกล้โต๊ะทำงาน แต่กระนั้นเขาเห็นสีหน้าเคร่งเครียดของหญิงสาวไม่ได้รับรู้ถึงการมาถึงของเขา มือใหญ่จึงเคาะลงไปที่โต๊ะเบาๆ สองสามครั้งแต่ก็เรียกสายตาของลักษณ์ณาราให้เงยหน้าขึ้นมาได้ “พี่เกริก” ลักษณ์เรียกชื่อเขาเหมือนละเมอ แต่พอรู้ตัวก็รีบปิดหน้าจอคอมพิวเตอร์ มองซ้ายมองขวาหาผู้ช่วยสาวอีกคน “ไม่ต้องมองหาใครหรอก พี่บอกว่าพี่รู้จักน้องหนิง พี่ขอเข้ามาหาเอง” ชายหนุ่มในชุดเสื้อเชิ้ตสีน้ำเงินเข้มพูดปนหัวเราะ “พี่มารบกวนน้องหนิงหรือเปล่าครับ” “เอ่อ... ไม่ค่ะ” ลักษณ์ณาราลุกจากเก้าอี้ “หนิงกำลังหาข้อมูลทำงานให้ลูกค้าอยู่ค่ะ พี่เกริกเชิญนั่งที่นี่ก่อนนะคะ หนิงจะรินเครื่องดื่มให้ เอาน้ำสมุนไพรนะคะ เครื่องดื่มใหม่ของร้านเรา” “อะไรก็ได้ครับ” เกริกตอบ “ร้านสวยนะ พี่ไม่ได้มานานหรือว่าน้องหนิงปรับเปลี่ยนอะไรในร้านหรือเปล่า” ลักษณ์ณาราหยิบขวดเครื่องดื่มในตู้แช่แล้วรินใส่แก้วส่งให้รุ่นพี่และของตัวเอง เกริกรับแก้วเครื่องดื่มจากมือของหญิงสาว เธอไม่แน่ใจว่าเขาจงใจสัมผัสมือเธอหรือเพราะความบังเอิญ แต่เธอก็ทำได้แค่ยิ้มให้เท่านั้นและนั่งลงที่เก้าอี้ว่างตรงข้าม “หนิงปรับมุมชั้นวางของนิดหน่อยค่ะ แต่มีของเข้าร้านเรื่อยๆ อยู่แล้ว ที่แน่ๆ พี่เกริกไม่ได้มาที่นี่ครึ่งปีแล้วละคะ” “นานขนาดนั้นเชียวหรือนี่” เขาพึมพำแล้วยกเครื่องดื่มขึ้นจิบ แล้วก็ทำสีหน้าประหลาดใจ “ว้าว อะไรครับเนี้ย” “เป็นไงคะ สดชื่นไหม” ลักษณ์ณาราทำหน้าตาตื่นเต้น “น้ำใบย่านางค่ะ คลอรอฟิลสูงนะคะ ช่วยให้สดชื่น” “แปลกดี นึกว่าน้ำสมุนไพรจะขมเสียอีก” “ปรับปรุงนิดหน่อยค่ะ มีส่วนผสมของใบเตยให้กลิ่นหอมดื่มง่ายขึ้นค่ะ” เธอยิ้มกว้างจนตาหยี “อ้อ! พี่เกริกมาเยี่ยมหรือมาอุดหนุนหรือมีธุระผ่านมาทางนี้ค่ะ” “ถามดักคอแบบนี้พี่จะตอบยังไงดีล่ะ” เขายิ้มเขินๆ “พี่เป็นห่วงแต่ไม่ค่อยสะดวกมา พี่เป็นห่วงน้องหนิงนะครับ” “หนิงสบายดีค่ะ ไม่ได้เจ็บป่วยอะไร” เธอทำหน้างุนงง แต่เมื่อมือใหญ่เอื้อมมาจับมือและบีบมือเธอแนบแน่น รอยยิ้มบนใบหน้าก็หายไป “พี่อยากให้รู้ว่าพี่เสียใจที่เกิดเรื่องแบบนั้นขึ้น” โลกเหมือนหยุดหมุนไปชั่วขณะ ลักษณ์ณารารีบเรียกสติตัวเองกลับมา บอกตัวเองว่าอย่าได้หวั่นไหวกับท่าทีอ่อนโยนของเขาอีก นานหลายนาทีกว่าเธอจะชักมือกลับหลุดจากมือของเขาได้ “มันไม่มีอะไรมาตั้งแต่ต้นแล้วคะ พี่เกริกเองก็ดูแลคนรักของพี่ให้มากๆ ก็แล้วกันค่ะ” “จนป่านนี้แล้วน้องหนิงก็ยังไม่เข้าใจพี่” “หนิงคิดว่าหนิงเข้าใจดีทุกเรื่องแล้วค่ะ แต่ขอให้พี่เกริกเข้าใจหนิงด้วย ระหว่างเราขอให้เป็นพี่เป็นน้องกันดีกว่าค่ะ” “น้องหนิง” น้ำเสียงตัดพ้อของเขาทำให้ลักษณ์ณารารู้สึกแย่ เกริกเป็นรุ่นพี่ที่คณะอายุมากกว่าเธอเพียงแค่สองปี แต่เพราะเป็นคนเก่งและพื้นฐานทางครอบครัวค่อนข้างดี เขารับช่วงต่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของครอบครัว เขาเป็นรุ่นพี่ที่เธอแอบปลื้มและทำให้มีกำลังใจอยากจะ ‘ดีพอ’ ที่จะยืนเคียงข้างเขา เกริกเป็นผู้ชายที่มีรอยยิ้มอ่อนโยนและคอยให้กำลังใจเธอเสมอ เธอคิดว่าเธอรักเขาแต่เพราะเธออยากทุ่มเทพลังทั้งหมดให้การเรียนทำให้เก็บงำความรู้สึกทั้งหมดไว้ จนกระทั้งเธอเรียนจบและร้านพรรณนากำลังรุ่ง และวันหนึ่งก็มีผู้หญิงรูปร่างบอบบางเข้ามาในร้านพร้อมใบหน้าที่ยังเปื้อนเปรอะคราบน้ำตา “ฉันขอเถอะนะ อย่ามาอ่อยสามีของฉันได้ไหม” “อ่อย? สามี? ขอโทษนะคะ ดิฉันว่าเราคงเข้าใจอะไรกันผิดแน่ๆ” “ไม่ผิดหรอก นังแมวขโมย ชอบแย่งของๆ คนอื่น ระวังเวรกรรมจะตามสนอง” คราวนี้ไม่พูดเปล่า หญิงสาวร่างบางโถมเข้าใส่พร้อมทั้งตบตีลักษณ์ณารา โดยปกติเธอไม่ยอมให้ใครมาทำร้ายเธอแต่เพราะความงุนงงและสับสนทำให้ไม่ทันระวังตัว ใบหน้าถูกมือเล็กตบเข้าให้เต็มแรง หนูนาผู้ช่วยของเธออยู่ในเหตุการณ์ถึงกับหวีดร้องอย่างตกใจ ทีแรกคิดว่าเป็นลูกค้าแต่กลายเป็นคนบ้าที่ไหนก็ไม่รู้มาทำร้ายเจ้านายสาว “น้ำอ้อย! หยุดเดี๋ยวนี้นะ!” เกริกวิ่งตามเข้ามาทีหลังรีบเข้ามารั้งหญิงสาวที่กำลังอาละวาดอยู่ “ทำไมคะ ทำไมพี่เกริกต้องไปช่วยมัน อ้อยเป็นเมียพี่นะคะ” ลักษณ์ณารามองหน้าเกริกด้วยความรู้สึกที่ยากจะอธิบาย เขาเองก็มีสีหน้าทุกข์ร้อนไม่แพ้กัน ความรู้สึกที่เธอมีต่อเขาไม่เคยเปิดเผยให้ใครรู้ แม้กระทั้งเพื่อนสนิทอย่างดารัณ เพราะเธออยาก ‘แอบรัก’ เขาอยู่เงียบๆ จนกว่าเธอจะแน่ใจความรู้สึกของตัวเองมากกว่านี้ “คุณเข้าใจผิดแล้วค่ะ ฉันกับพี่เกริกเราไม่ได้เป็นอะไรกัน” เมื่อสติกลับมาลักษณ์ณาราก็พูดด้วยน้ำเสียงเยียบเย็นจนคนฟังรู้สึกเสียวสันหลังวาบ และเมื่อพิจารณาดูใบหน้าที่ฉ่ำน้ำตาของหญิงสาวร่างเล็ก ลักษณ์ณาราก็จำได้ว่าเป็นนิสิตรุ่นน้องของเธอเอง “ไม่ได้มีอะไรกัน! แต่ก็อี๋อ้อออกนอกหน้า เกรงใจคนเป็นเมียบ้างซิ! หน้าตาก็ดีไม่มียางอาย!” “น้ำอ้อย!” “ดิฉันคงต้องขอให้พวกคุณสองคนออกไปจากร้านของดิฉัน ไม่อย่างนั้นดิฉันจะแจ้งตำรวจมาเชิญคุณทั้งสองออกไปในข้อหาสร้างความวุ่นวายในร้านของดิฉัน เอ๊ะ! หรือจะเป็นข้อบุกรุกและพยายามทำร้ายร่างกาย” เธอไม่รู้สึกเจ็บหน้าที่ถูกตบเลยสักนิด แต่เจ็บใจที่ถูกกล่าวหาเลวร้ายแบบนี้ “พี่เกริกคะ เห็นแก่ความเป็นพี่น้องของเรา พี่ช่วยพา....เธอกลับไปที” เกริกพูดอะไรไม่ออก เขาจับตัวหญิงสาวร่างเล็กแล้วกึ่งลากกึ่งจูงออกไปทันที หนูนารีบวิ่งไปปิดล็อกประตูกระจกของร้านแล้วมาดูเจ้านายที่ทรุดตัวนั่งบนโซฟารับแขกอย่างหมดเรี่ยวแรง “หน้าแดงมากเลยค่ะพี่หนิง เจ็บมากไหมคะไปหาหมอมั้ย” หนูนาถามด้วยความเป็นห่วง “เรื่องแค่นี้ไม่เป็นไรหรอก” ลักษณ์ณาราถอนหายใจหนัก “หนูนาอย่าให้ใครรู้เรื่องนี้เด็ดขาด โดยเฉพาะป้ารดากับคุณมิ้นต์” “หนูนาเข้าใจค่ะพี่หนิง” หนูนาบีบมือให้กำลังใจ “หนูนารู้จักพี่หนิง พี่หนิงไม่ใช่คนแบบนั้นแน่ๆ ถ้าเห็นพวกมันมาอีกนะ หนูนาจะแจ้งตำรวจมาจับพวกมันเลย” “ไม่เอาหนูนา อย่าพูดจาแบบนี้ ใครได้ยินเข้ามันไม่ดีนะ” ลักษณ์ณาราเตือน “เขากลับไปอาจจะไปเคลียร์กันเข้าใจกันดีแล้วมาซื้อของร้านเราก็ได้” “โธ่! พี่หนิง ยังจะมีอารมณ์มาพูดเล่นแบบนี้อีก” สองสาวหัวเราะออกมาพร้อมกัน ความเครียดที่มีจึงละลายหายไป หลังจากนั้นเกริกโทรมาหาและขอพบด้วย เธอไม่อยากเจอเขา เขาจึงพูดได้แค่คำว่า ‘ขอโทษ พี่เสียใจ’ เรื่องของเธอมันจบตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่ม เธอจึงโหมงานหนักเพื่อให้ลืมเรื่องของเขา และเมื่อต้องเจอกันอีกเธอก็รู้สึกกับเขาน้อยลง ยิ้มและหัวเราะเหมือนปกติที่เคยเป็นมา เธอไม่ได้รู้สึกว่าตัวเอง ‘อกหัก’ เพียงแค่ ‘ช็อก’ จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เขาเองก็ทำเหมือนไม่เคยเกิดเหตุการณ์นั้น เพียงแค่ลักษณ์ณารารักษาระยะห่างไม่ให้ใกล้ชิดจนเกินไป “ตกลงวันนี้พี่เกริกจะมาอุดหนุนอะไรดีคะ” เกริกถอนหายใจหนักๆ เธอใจแข็งกว่าหน้าหวานๆ ที่คิดไว้มาก เขาเองก็ชอบลักษณ์ณาราอยู่ไม่น้อยแต่ไม่อยากผลีผลามแต่กลายเป็นพลาดท่าเสียทีให้รุ่นน้องอีกคน จากที่คิดแค่เป็นคู่ขาคืนเหงาดันไปทำให้ท้องเข้าจนได้ เขาเลยต้องรับผิดชอบน้ำอ้อย แต่เขาก็ไม่ได้แต่งงานหรือจดทะเบียนสมรส แค่รับเด็กเป็นพ่อเด็กและส่งเสียเลี้ยงดู น้ำอ้อยเองคิดว่าจะได้อยู่บ้านเขาในฐานะลูกสะใภ้ แต่เจอคุณแม่ของเขากำราบเข้าให้จึงได้แต่อยู่อย่างเจียมตัวฐานะไม่ต่างจากคนรับใช้นัก แน่นอว่าผู้หญิงที่จะเป็นภรรยาของเขาต้องเพียบพร้อมทัดเทียมกับเขา ลักษณ์ณาราแม้จะไม่ได้มาจากครอบครัวร่ำรวย แต่เธอเรียนเก่งเป็นนักเรียนทุนมาตลอด การทำงานก็เรียกได้ว่าเป็นที่ถูกจับตามอง มีบริษัทใหญ่ๆ หลายแห่งติดต่อให้เธอทำงานด้วย แต่ลักษณ์ณาราเลือกที่จะทำกิจการของตัวเองซึ่งก็เป็นแบรนด์น้องใหม่ที่ถูกจับตามองอย่างยิ่ง ผู้หญิงแบบนี้ต่างหากที่เหมาะจะควรออกงานไม่อายใคร “โอเคครับ เราพูดเรื่องงานกันก็ได้” เกริกยิ้ม ยังไงเขาก็ไม่หมดหวังง่ายๆ ถ้าไม่ได้เป็นภรรยา ก็เอาเป็นเมียน้อยก็ยังดี “เดือนหน้าจะเปิดตัวโครงการบ้านจัดสรร ทีมขายเสนอให้มีของที่ระลึกแจกผู้มาเยี่ยมชมโครงการฯ เพื่อเป็นแรงจูงใจ พี่ก็เลยคิดถึงของเก๋ๆ มีประโยชน์ที่ร้านของน้องหนิงขึ้นมา” “ถ้าเป็นเรื่องงานยินดีให้รับใช้ค่ะ เดี๋ยวหนิงจะให้หนูนาแนะนำสินค้าให้นะคะ” ลักษณ์ณาราแอบระบายลมหายใจอย่างโล่งอก ภายใต้ใบหน้าที่ยิ้มละมุนกลับมีแต่ความคิดชั่วร้ายที่ลักษณ์ณารามองไม่ออก “น้องหนิงไม่มีเวลาแนะนำให้พี่เลยหรือครับ” “เอ่อ...” ลักษณ์ณาราฝืนยิ้ม เธอพยายามหาทางไม่ใกล้ชิดเขา แต่มันเป็นเรื่องงานเธอก็ต้องทำหน้าที่ของตัวเอง แล้วสายตาของเธอก็มองข้ามแผ่นของของเขาไปหยุดที่ร่างสูงใหญ่ที่เสื้อเชิ้ตสีกากีแต่เขาไม่ได้ผูกเนทไทแบบที่เธอเคยเห็น แถมพับแขนเสื้อขึ้นมาถึงข้อศอก ดูสบายๆ เหมือนไม่ได้จะมาพูดคุยเรื่องงาน แม้ใบหน้าคมเข้มเจ้าของเรือนผมสีน้ำตาลเข้มนั้นจะมีแว่นกันแดดสีดำสนิทสวมปิดบังดวงตาสีเขียวเหมือนท้องทะเลลึก “คุณการ์เร็ต” เธอเรียกเขาเหมือนไม่มั่นใจนัก อะไรทำให้เขามายืนตรงนี้ได้อย่างเหมาะเจาะ เรียกว่าถูกที่ ถูกเวลา เพราะเธอต้องการตัวช่วยดึงเธออกจากสถานการณ์ชวนอึดอัดนี่เสียที “ครับ” การ์เร็ตถอดแว่นกันแดดออกแล้วมองชายหนุ่มอีกคนด้วยหางตา ประเมินอีกฝ่ายแล้วเผลอหัวเราะในลำคอ หน้าตาตี๋ๆ แบบนี้ไม่ใช่คู่แข่งของเขาหรอก “มาถึงร้านของหนิงมีธุระอะไรหรือเปล่าคะ” ลักษณ์ณาราลุกขึ้นต้อนรับ เธอหันไปเรียนหนูนาให้ช่วยดูแลเกริกแทนเธอโดยไม่ได้สนใจสายตาขุ่นเคืองของเกริกที่จ้องมองไม่พอใจ “อย่าบอกว่ามาทวงงานนะคะ นี่เพิ่งห้าวันเอง” หญิงสาวหัวเราะออกมา น่าแปลกที่อยู่กับเขาแล้วผ่อนคลายกว่าอยู่กับเกริก ทั้งที่เกริกเป็นคนที่เธอ ‘แอบรัก’ มานานหลายปี “จะว่าอย่างนั้นก็ได้” เขายิ้มเจ้าเล่ห์แล้วทำทีเป็นเดินชมสินค้าในร้าน “คุณจัดร้านได้ดีทำให้สินค้าน่าสนใจ ดูทันสมัยไม่เหมือนสินค้าโอท็อปทั่วๆ ไป” “เหมือนคุณจะพูดชมแต่ทำไมฟังแล้วไม่ค่อยรื่นหูเลยนะคะ” ลักษณ์ณาราเดินเคียงข้างปล่อยให้เขาเลือกดูสินค้าในร้าน “ภาษาไทยผมไม่ค่อยแข็งแรงมั้งครับ” “ฉันว่าคุณพูดภาษาไทยได้ชัดกว่าคนไทยบางคนเสียอีก” “ผมคงไม่ได้มาขัดจังหวะคุณกับแฟนหรอกนะครับ” เขาหันมาจ้องมองดวงตากลมโตสีนิลของเธอ “แฟน?” ลักษณ์ณาราขมวดคิ้วแล้วนาทีต่อมาก็ร้องอ้อ “นั่นรุ่นพี่ที่มหาวิทยาลัยค่ะ ไม่ใช่แฟน” “คนนั้นไม่ใช่แฟนหรือคุณยังไม่มีแฟนครับ” “นี่สัมภาษณ์ฉันหรือคะ” “เปล่าครับ แต่ถ้าเราทำงานร่วมกันเราควรรู้รายละเอียดของกันและกันบ้าง เพื่อไม่ให้มีปัญหาภายหลัง” “ฉันยังไม่มีแฟนค่ะ” เธอพูดไปตามจริง ไม่แน่ใจว่าเขาพูดแบบนั้นเพราะประชดหรือคิดอย่างที่พูดจริงๆ แต่เอาเถอะ เธอเองก็มีประสบการณ์แย่ๆ ที่ถูกเข้าใจผิดเรื่องแฟนมาแล้ว ยังไงเคลียร์ตัวเองไว้ก่อนสบายใจกว่า ส่วนเขาจะมีใครไหม? มันไม่ใช่เรื่องของเธอ “งั้นก็โสด ทำไมยังโสดอยู่ละครับ” หญิงสาวอ้าปากค้างแล้วก็ฉีกยิ้มหวาน เธอยื่นหน้าไปใกล้เหมือนจะกระซิบ มันใกล้จนการ์เร็ตได้กลิ่นน้ำหอมจากกายของเธอ “ขอโทษนะคะ ความโสดของฉันมันไปทำความลำบากให้คุณหรือคะ” การ์เร็ตแหงนหน้าหัวเราะ ดีแล้ว คุ้มแล้วที่มาหาถึงที่นี่ แถมบังเอิญได้เจอฉากเด็ดอีก แต่การได้ต่อปากต่อคำเล็กๆ น้อยๆ กับลักษณ์ณาราก็ช่วยให้เขาผ่อนคลายจากเรื่องงานเครียดๆ ได้มากทีเดียว “เอาล่ะ ถ้าคุณโสดก็แล้วไป” ‘ก็แล้วไป’ พูดแบบนี้สงสัยจะชอบผู้หญิงแบบมีเจ้าของแล้ว พอเจอผู้หญิงโสดก็เลยอยู่นอกสายตาไปเลย “แล้ว?” “คุณบอกให้เลขาฯ ผมโทรหาคุณ แต่ผมคิดว่าผมมาเองจะเร็วกว่า” “เรื่องอะไรคะ” “ลืมไปแล้วหรือครับ คุณรับปากติดต่อคุณดารัณไปดูรีสอร์ทกับผมไง” “เรื่องนั้นไม่ลืมหรอกค่ะ แต่จะให้ไปวันนี้เลยหรือคะ” เธอลืมจริงๆนั้นแหละ แต่เรื่องอะไรจะยอมรับว่าลืมล่ะ “ผมสะดวกวันนี้ แล้วผมก็จะไปอังกฤษคราวนี้ผมต้องตรวจโรงแรมที่โน้นคงจะอีกหลายวันกลับก็เลยอยากไปดูก่อนเดินทาง หรือคุณดารัณไม่สะดวกครับ” “เอ่อ...” ลักษณ์ณาราสตั๊นไปสามวินาทีแล้วยิ้มหวานเหมือนไม่มีผิดปกติ “เกรงว่าคุณการ์เร็ตต้องหิ้วฉันไปแทนดารัณแล้วล่ะค่ะ” “เกิดอะไรขึ้นหรือครับ” เขาแสร้งทำหน้าตกใจเล่นละครตามลักษณ์ณาราไปด้วย “คุณแม่สามีของดารัณไม่สบายค่ะ ดารัณต้องดูแลท่านคงไม่สะดวกไปกับคุณแน่ๆ” “แย่จริง ผมว่างแค่วันนี้ด้วยซิ” “ถ้าไม่รังเกียจ ดิฉันขอรับหน้าที่ค่ะ แล้วจะจดรายละเอียดทุกอย่างไปรายงานดารัณเองค่ะ” “ผมต่างหากที่รู้สึกเป็นเกียรติ” เขายิ้มและแอบเหลือบมองไปทางผู้ชายหน้าตี๋ที่มีสีหน้าไม่พอใจจ้องมองอยู่ “ขอฉันบอกเด็กที่ร้านก่อนนะคะ” เอาแต่ใจตัวเองจริงๆ ลักษณ์ณาราได้แต่บ่นในใจแล้วหมุนตัวเดินกลับมาทางหนูนากับเกริกที่คุยงานกันอยู่ เธอยิ้มให้เขานิดๆ และกล่าวขอโทษที่ไม่อาจต้อนรับเขาได้เต็มที่ “พี่หนิงไปทำงานเถอะคะ ทางนี้หนูนารับมือไหว เอ่อ..พอดีจะมีเพื่อนหนูนามาช่วยอีกคนด้วยนะคะ” “อ้อ...งั้นพี่ฝากร้านด้วยนะ พี่ออกไปกับลูกค้าก่อน” ลักษณ์ณารายกมือไหว้ลาเกริกแล้วหยิบกระเป๋าย่ามขึ้นคล้องไหล่ ร่างเพรียมเดินตรงมาทางที่การ์เร็ตยืนรออยู่ก่อนแล้ว เธอเดินตามแผ่นหลังของเขามาจนถึงลานจอดรถ หญิงสาวเดินไปที่รถของตัวเองและเขาก็เดินตาม “คุณหยิบเอาแค่ของที่จำเป็นต้องใช้แล้วไปรถคันเดียวกับผม” “อะไรนะคะ” เธอถามแบบงงๆ แล้วเขาก็ฉวยกุญแจรถของเธอมาไว้ในมือของเขา หญิงสาวทำหน้างงเขาจับข้อมือเล็กๆ ให้เดินตามที่รถเก๋งของเขา พนักงานขับรถก้มศีรษะให้อย่างนอบน้อม แล้วรับกุญแจรถที่การ์เร็ตยื่นให้ “คุณไปพร้อมผม ผมให้คนขับเอารถคุณไปจอดที่บ้านของคุณ” “คุณจะขับรถเองหรือคะ” ระดับเขาแล้วไม่ต้องมาขับรถเองหรอก “ขึ้นรถ” เขาออกคำสั่งเฉียบขาดและลักษณ์ณาราก็ทำตามอย่างไม่โต้เถียง เอาแต่ใจตัวเองเป็นที่สุด เขาเป็น CEO แบบไหนกัน เอาแต่ใจตัวเอง คิดเอง เออเอง ไม่ได้ถามผู้ร่วมงานว่าพร้อมหรือเปล่า นิสัยเหมือนเด็กเอาแต่ใจ เวลาบริหารเงินเป็นร้อยล้านพันล้านนี่จะทำงานมีแบบแผนอะไรบ้างไหมเนี้ย.
已经是最新一章了
加载中