บทที่26. เป็นลม
1/
บทที่26. เป็นลม
รักร้อนซีอีโอเจ้าเสน่ห์
(
)
已经是第一章了
บทที่26. เป็นลม
ลักษณ์ณารากระพริบตาถี่ๆ ปรับสายตากับสิ่งที่มองเห็น เธอยกมือขึ้นบังแสงที่สาดเข้ามาแล้วก็รู้สึกได้ว่าแขนข้างนั้นมีสายน้ำเกลือโยงขึ้นไปเหนือศีรษะ เธอแหงนมองตามสายยางไปถึงกระปุกน้ำเกลือที่ห้อยอยู่ด้านบนแล้วขมวดคิ้ว ร้อยวันพันปีเธอถึงจะป่วยไข้ไม่สบาย ยิ่งถึงขนาดนอนโรงพยาบาลหรือให้น้ำเกลือก็แค่ไม่กี่ครั้งในชีวิต แล้วเธอเป็นอะไรถึงขนาดต้องให้น้ำเกลือ? “ตื่นแล้วเหรอ” เสียงทุ่มดังอยู่อีกด้าน เธอหันไปมองเห็นการ์เร็ตเดินเข้ามาแล้วนั่งลงบนเตียงข้างๆ เธอ “ฉันเป็นอะไร” เธอถามเสียงแหบแห้ง “ทำไมต้องให้น้ำเกลือ” “เป็นลม” เขาอยากยิ้มแต่มันยากเย็น ลักษณ์ณารารู้สึกกังวลของเขาจนเธอต้องยื่นมือไปแตะใบหน้าเขาเบาๆ “ปกติฉันไม่เป็นอะไรง่ายๆ นะ” เขาจับมือเธอไว้แล้วพลิกจูบฝ่ามือของเธอ “คุณหมดสติไป ผมตกใจมากจะพาคุณไปโรงพยาบาลแต่พศินบอกว่าคุณแค่เป็นลม ผมก็เลยตามหมอมาดูอาการคุณที่นี่” “หนักหนาขนาดให้น้ำเกลือเลยรึคะ” เธอหัวเราะเบาๆ ไม่คิดว่าเขาจะเครียดขนาดนี้ “คุณหมอบอกว่าคุณอ่อนเพลียมากก็เลยให้น้ำเกลือ” “ฉันว่าฉันจะดีขึ้นกว่านี้ถ้าเอาสายน้ำเกลือออก” ลักษณ์ณาราขยับตัวลุกขึ้นนั่ง การ์เร็ตประคองให้เธอเอนหลังพิงหมอนใบใหญ่ได้สบายๆ “ฉันคงต้องขอบคุณพศินที่ทำให้ฉันไม่ต้องไปนอนโรงพยาบาล” “คุณหลับไปคืนกับวันเชียวนะ ใครจะไม่เป็นกังวลล่ะ” คราวนี้เขาทำเสียงดุใส่ ทำให้หญิงสาวอ้าปากค้างแล้วเกาจมูกตัวเองแก้เขิน “ก็ฉันขี้เซานี่นะ” หญิงสาวแลบลิ้นทำทะเล้นแต่การ์เร็ตโผเข้ากอดเธอแนบแน่น “อ่อนแอบ้างก็ได้ ให้ผมได้ปกป้องคุณบ้าง ไม่ต้องทำเป็นเก่งไปทุกเรื่องหรอกนะ ” “การ์เร็ต...คุณคงไม่ได้หมายถึงที่ฉันทุ่มผู้ชายพวกนั้นหรอกใช่มั้ย” “นั้นก็ด้วย คราวหน้าคราวหลังไม่ต้องตามไปแบบนั้นนะ” เขาดีดนิ้วที่หน้าผากเธอไม่แรงนัก ยอมรับว่าตกใจที่เห็นลักษณ์ณาราสู้กับผู้ชายได้ “ก็ฉันต้องเดินทางไหนมาไหนคนเดียวตลอด มันก็ต้องฝึกไว้บ้าง อีกอย่างคุณคงลืมไปว่าฉันเป็นนักกิฬาของโรงเรียน...” “ยกเว้นว่ายน้ำ” “จะย้ำทำไมเล่า คนนะไม่ใช่ยอดมนุษย์จะได้เก่งทุกอย่าง” เธอเบ้ปาก แต่การต่อปากต่อคำของเธอทำให้เขารู้ว่าเธอสบายดีแล้ว “เชื่อหรือยังว่าฉันแข็งแรงดี” “หมอบอกว่าคุณพักผ่อนไม่พอ อ่อนเพลียมีเรื่องกดดันมากก็เลยเป็นลมไป ผมรู้สึกแย่มากเลยนะที่ไม่สามารถดูแลคนที่ตัวเองรักได้เลย” “มันไม่ใช่แบบนั้นหรอกค่ะฉันเป็นแบบนี้แหละ คุณก็คงเหมือนกัน ถ้าได้ทำงานแล้วก็คงเต็มที่กับมัน” เธอยิ้มแล้วหอมแก้มเขา “จริงซิแล้วคุณเอริก้าเป็นยังไงบ้าง” “ยังจะห่วงคนที่ทำร้ายตัวเองอยู่อีกเหรอ” เขาถอนหายใจแต่ก็ยิ้มให้ นี่ซิ ผู้หญิงที่เขารัก “เธอก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรนักหรอก แล้วฉันก็ไม่ได้เป็นอะไรด้วย” “ก็ตัวเองไม่เป็นอะไรถึงพูดได้นี่” เขาทำสีหน้าไม่ค่อยพอใจนัก “ตกลงคุณเอริก้าเป็นยังไงบ้างคะ” คราวนี้เธอลงทุนออดอ้อนอย่างที่ไม่ค่อยทำกับใครนัก “อยู่โรงพยาบาล โดนพศินยิงที่มือ ไม่อย่างนั้นคุณอาจกลายเป็นคนที่โดนยิง” ลักษณ์ณาราอ้าปากค้างอย่างตกใจ “เป็นอะไรมากไหมคะ” “แค่มือเป็นรู” เขาขมวดคิ้ว “คุณเองก็เหมือนกัน ไม่ต้องเอาตัวเองมากันผมอย่างนั้นอีกนะ” “พูดเหมือนจะมีเรื่องแบบนั้นอีก ศัตรูเยอะหรือคะ” เธอหัวเราะออกมาไม่อยากให้เขาซีเรียส “ใช่” น้ำเสียงเขาจริงจัง “กว่าจะมาอยู่ตรงนี้ผมต้องเหยียบย่ำคนอื่นมากนักต่อนัก คราวนี้คุณอาจเอาตัวรอดได้แค่ครั้งหน้า...” “ฉันไม่เป็นอะไรหรอกค่ะ” เธอยิ้มให้เขา “เพราะฉันมีคุณอยู่ไง” การ์เร็ตถอนหายใจ เขาแพ้รอยยิ้มของเธอจริงๆ “คุณวอลเรซอยากเจอคุณนะ” “ได้ซิค่ะ” เธอยกแขนข้างที่มีสายน้ำเกลือขึ้นให้เขาดู “ถอดสายน้ำเกลือแล้วไปได้เลยค่ะ” “ไม่ได้ รอให้น้ำเกลือหมดก่อน แล้วผมก็ไม่ให้คุณไปไหนด้วย” “แต่คุณวอลเรซไม่ค่อยแข็งแรงคงจะเดินทางลำบากนะคะ” เธอช้อนตามองอ้อนเหมือนแมวน้อย “ไม่ได้” เขาพูดเสียงแข็งไม่ยอมใจอ่อนแล้วลุกขึ้นยืน “คุณต้องนอนพัก อีกสองชั่วโมงน้ำเกลือคงหมดกระปุก ห้ามถอดสายเองด้วย ส่วนคุณวอลเรซผมจะนัดเวลาเอง” ลักษณ์ณาราได้แต่ทำหน้ามุ่ย อะไรกันนะ จู่ๆ ก็ขึ้นเสียงทำดุใส่ แล้วลุกขึ้นเดินออกไปเฉยๆ ไม่กี่นาทีต่อมาเสียงประตูห้องนอนก็ดังขึ้นพร้อมกับร่างสูงกำยำของพศินบอดี้การ์ดของการ์เร็ตก้าวเข้ามาในห้อง พศินยิ้มที่เห็นลักษณ์ณาราได้สติแล้ว “คุณทำให้บอสผมแทบคลั่ง” เขาพูดยิ้มๆ “ฉันไม่ได้ทำอะไรเสียหน่อย” ลักษณ์ณาราถอนหายใจเบาๆ “ขอบคุณที่ช่วยนะคะ” “มันเป็นหน้าที่ครับ อีกอย่างที่คุณควรรู้ คราวหน้าคราวหลังถ้าเกิดเหตุการณ์แบบนี้อีกไม่ต้องวิ่งตามหรือเอาตัวเข้าไปเสี่ยงนะครับ ผมตามอยู่ไม่ไกล แล้วในกระเป๋าของคุณมีเครื่องติดตามอยู่ในนั้นแล้ว” “อ้าว อย่างนี้ฉันก็เจ็บตัวฟรีนะซิ” พศินก้มหน้าซ่อนเสียงหัวเราะ “ผมได้ข้อมูลมาว่าคุณเคยฝึกศิลปะป้องกันตัวแต่ไม่คิดว่าคุณจะเก่งเอาตัวรอดได้ ผมนับถือครับ” ลักษณ์ณาราส่ายหน้าไปมา “แต่ฉันก็ไม่ได้หนังเหนียวสู้กระสุนปืนได้หรอกค่ะ” “ผมคงพูดอะไรมากไปกว่านี้ไม่ได้ แต่เอาเป็นว่าผมยินดีที่คุณจะมาเป็นนายหญิงนะครับ” เรื่องยุ่งๆ ผ่านไปแล้ว ต่อไปนี้เธอคงต้องเตรียมตัวเรื่องงานแต่งงานของตัวเองได้แล้วซินะ เรื่องที่เธอไม่เคยคิดกับคนที่ไม่คาดฝัน การใช้ชีวิตร่วมกับใครสักคน เธอจะทำได้ไหมนะ เธอเอนหลังพิงหมอนใบใหญ่ที่เขาเอามาให้เธอหนุนหลัง แล้วคิดถึงเพื่อนสาวที่แต่งงานไปก่อนเธอแล้ว พศินก้มศีรษะให้เล็กน้อยแล้วเดินออกไปอย่างเงียบๆ ทิ้งให้คนที่กึ่งนั่งกึ่งนอนหน้าแดง เขาปิดประตูห้องแล้วเดินผ่านเจ้านายที่นั่งหน้ายุ่งอยู่ “พศิน” “ครับบอส” “อยู่กับฉันตั้งหลายปี คิดอยากไปมีครอบครัวบ้างหรือยัง” พศินขมวดคิ้ว “จะไล่ผมออกจากงานหรือครับ” “ไม่ใช่แบบนั้น” การ์เร็ตโบกมือไปมา “ฉันเพิ่งรู้สึกว่าการมีครอบครัวมันดีแบบนี้นี่เอง นายเองก็อยู่กับฉันมานานฉันก็เลยคิดว่านายน่าจะมีครอบครัวเป็นของตัวเองได้แล้ว” พศินยักไหล่นิดๆ “จะให้ผมไปมีครอบครัวเนี้ย ผมต้องหาภรรยาให้ได้ก่อนนะครับ” “อ้าว นายยังไม่มีรึ” “ผมเดินตามบอสต้อยๆ นี่คงมีเวลาไปหาใครหรอกนะครับ” พศินถอนหายใจหนักๆ “นี่นายพูดตรงๆก็ได้ว่าฉันทำให้นายไม่มีเมีย” “ผมก็ไม่ได้ลำบากใจอะไรนี่ครับ” จะให้บอกยังไงว่าเมียไม่มีแต่ไม่ขาดแคลนผู้หญิงนี่นะ แม้หน้าที่หลักของเขาคือบอดีการ์ดให้การ์เร็ต แบล็ค ค่อยเก็บกวาดเรื่องที่เปิดเผยไม่ได้ ทว่าเขาเองก็มีเงินเก็บ เงินลงทุนอะไรอยู่บ้าง หากวันหนึ่งเขาไม่ได้ทำงานตรงนี้ ก็ยังพออยู่ไหว “คือ...ฉันจะแต่งงาน กำลังจะมีครอบครัว แล้วนายก็ช่วยชีวิตเมียฉันไว้ได้ทันเวลา จะว่าไปนายก็เป็นมากกว่าบอดีการ์ด ฉันกำลังจะมีความสุขแล้วก็เลยนึกถึงนายว่านายมีใครบ้างหรือยัง ถ้าชอบสาวคนไหนอยากให้ไปสู่ขอ ฉันยินดีช่วยเต็มที่นะ” “ขอบคุณสำหรับความใจดีของบอสครับ ผมจะรีบหาเมียให้ได้เร็ววัน บอสจะได้ตอบแทนผมเสียที ว่าแต่ไอ้ที่พูดมาทั้งหมดนี่แค่หาเพื่อนเข้าสมาคมคนกลัวเมียอยู่หรือครับบอส” พศินมันจะหยอกเจ้านายด้วยสีหน้านิ่งขรึมเสมอ การ์เร็ตแหงนหน้าหัวเราะ “ทำเป็นปากดี ลองมีดูซิแล้วจะรู้ว่าเป็นไง” “ไม่ใช่ตอนนี้แน่ๆ ละครับ” “เอาเถอะ ไปพักผ่อนได้แล้ว ฉันจะดูแลเมียฉันเอง” “ครับบอส” พศินก้มศีรษะให้การ์เร็ตเล็กน้อยแล้วเดินออกมา เขาสั่งลูกน้องให้ตรวจดูเวรยามให้เรียบร้อย เขาได้เวลาพักผ่อนดี ถึงเขาไม่อยู่ ก็ต้องมีคนเป็นบอดี้การ์ดแทนเขา ข้างกายการ์เร็ต แบล็ค ไม่เคยมีมีบอดี้การ์ด เพียงแค่จะรักษาระยะห่างและความเป็นส่วนตัวให้เจ้านาย พศินเดินออกมานอกโรงแรม เขามีห้องพักที่บอสให้คนตระเตรียมให้ เขาเป็นเสมือนคนสนิทที่เดินทางกับเจ้านายเสมอ แต่เขาเองก็ชอบใช้ชีวิตติดดินแบบคนธรรมดามากกว่า อาจเพราะเขาเติบโตมากับกลุ่มนักเลง พวกค้ายาและต่อให้อยู่กับเจ้านายที่ร่ำรวยมหาศาล เขาก็ไม่รู้สึกว่าการใช้ชีวิตหรูหราแบบนั้นจะเหมาะกับคนอย่างเขา ชายหนุ่มปลดเนคไทออกแล้วม้วนใส่กระเป๋าเสื้อด้านในของเสื้อนอก ปลดกระดุมเม็ดบนออกเผื่อความผ่อนคลายแล้วเดินไปตามท้องถนนที่คุ้นเคย อยากหาบาร์เล็กๆ เพื่อจิบเบียร์เย็นๆ สักแก้วสองแก้ว ขณะเดินผ่านตรอกเล็กๆ นั้น เท้าของเขาหยุดด้วยสัญชาตญาณ เสียงผู้หญิงสำเนียงคนไทยร้องโวยวาย เขาถอนหายใจเบาๆ ด้วยนิสัยที่ชอบแส่หาเรื่องวุ่นของตัวเขาเอง ร่างใหญ่เดินเข้าไปอย่างเงียบๆ เห็นชายสองคนกำลังยื้อยุดฉุดกระชากข้อมือเล็กๆ ของผู้หญิงคนหนึ่ง “นี่ๆ ผู้หญิงเขาไม่เล่นด้วยก็น่าจะสำนึกหน่อยนะ ไม่ใช่มาใช้กำลังฉุดกระชากกันแบบนี้” “ไม่เกี่ยวอย่ามายุ่งไม่เข้าเรื่อง เดี๋ยวก็ตายไม่รู้ตัวหรอก” “ช่วยด้วยค่ะ ช่วยด้วย” น้ำเสียงร้องขอด้วยความตื่นตระหนก ทำให้พศินเดินเข้าไปใกล้ ร่างเล็กโผเข้ากอดเขาเต็มแรงอย่างต้องการที่พึ่ง เพราะเขาตัวสูงใหญ่หรือไรกันถึงได้รู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้ตัวเล็กนิดเดียวเท่าลูกแมวน้อย แถมยังมีกลิ่นตัวหอมเหมือนดอกไม้..ดอกอะไรนะ...กลิ่นแบบนี้...กลิ่นดอกมะลิ “ก็บอกแล้วไงว่าอย่า...” มันพูดได้เพียงแค่นั้นก็ชะงักไปเพราะปืนทอรัส PT1911 ขนาด 9 มม. สีเงินวาวออกมาจากซองเก็บปืนสะพายไหล่ซึ่งมีเสื้อสูทที่เขาสวมอยู่คลุมไว้จึงไม่มีใครเห็น พศินเล็งไปที่คนทั้งสองแล้วเอียงปืนเป็นเชิงสั่ง “ก็เลือกเอาแล้วกันว่าจะไปดีๆ หรือได้เลือดออกไป” สองคนขบฟันด้วยความโกรธแล้วค่อยๆ ถอยออกไป พศินได้แต่ระบายลมหายใจทางปากแล้วมองดูผู้หญิงตัวเล็กที่สั่นสะท้านราวลูกนกตัวน้อย “นักท่องเที่ยวเหรอ” เขาถาม อาจเพราะใช้ภาษาไทยทำให้เธอกล้าเงยหน้าขึ้นสบตาเขา แม้จะอยู่ในที่แสงน้อยเขากลับเห็นประกายวิบวับราวกับมีดวงดาวในดวงตาของเธอ “เอ่อ...ค่ะ” “กระเป๋าสตางค์ พาสปอร์ตอยู่ครบนะครับ” เขาถามด้วยความกังวล เอ่อ...เป็นความกังวลแบบเพื่อนมนุษย์พึ่งมีต่อกันเท่านั้น ไม่ใช่เพราะกลิ่นหอมละมุน ผิวกายเนียนนุ่มหรือดวงตากลมโตเลยสักนิด “ค่ะ...ค่ะ” เธอได้สติแล้วเปิดกระเป๋าสำรวจข้าวของก่อนจะยิ้มอย่างโล่งอก “จะให้เดินไปส่งที่พักไหม? คุณพักแถวไหน” “ไม่เป็นไรค่ะ ฉันกลับเองได้ ไม่ไกลนักหรอกค่ะ แล้วก็ขอบคุณ...คุณ...” “พศินครับ” “ขอบคุณคุณพศินมากค่ะ” เธอยกมือไหว้ พศินรีบยกมือรับไหว้ เธอนี่...ทำให้เขาดูแก่พิลึกยังไงไม่รู้ หญิงสาวกอดกระเป๋าตัวเองแล้วรีบเร่งเท้าเดินออกไปอย่างรวดเร็ว พศินได้แต่มองตามแผ่นหลังของเธอไปจนลับตา ทว่ากลิ่นหอมละมุนยังคงลอยกรุ่นอยู่จนเขานึกประหลาดใจจนต้องสะบัดศีรษะไปมา จู่ๆ หัวใจเขาก็เต้นจังหวะแปลกๆ คงจะความดันต่ำเพราะนอนน้อย และคงต้องหาแอลกอฮอร์มาช่วยปรับสมดุลแล้วล่ะ.
已经是最新一章了
加载中
下载 LoveNovel
海量小说享免费阅读
立即下載
需支付:
0.00
บทที่26. เป็นลม
去登录
APP免费观看
自动购买下一章
余额:
0
充值
0
领星星
取消
发布
A
A
A
A
A