บทนำ
เรือลำน้อยล่องลอยอย่างไร้จุดหมาย ถูกคลื่นใหญ่สาดซัดเข้าชายฝั่งครั้งแล้วครั้งเล่า บ้างชนขอบหินจนหัวสั่นหัวคลอน สตินึกคิดที่มีถูกเลือนหายไปกับคลื่นพายุที่โหมกระหน่ำ ได้แต่ปล่อยให้เรือลำน้อยคล้อยตามสายน้ำที่เชี่ยวกรากพาล่องลอยไปให้ถึงชายฝั่ง
บางเวลาคลื่นลมซัดกลับอบอุ่นชวนให้ถวิลหา บางเวลาโหมกระหน่ำจนต้องร้องขอความเมตตา ทว่าสุดปลายทางมิอาจรู้เป็นเช่นไร รู้เพียงแค่เหลือเรือลำน้อยยังคงล่องลอยตามสายน้ำยามค่ำคืนตลอดจนรุ่งสาง....
จางลี่ลืมตาขึ้นเมื่อแสงแดดยามเช้าสาดส่องเข้ามาภายในห้อง นางรู้สึกปวดร้าวไปทั้งร่างกาย ร่างบอบบางพยุงกายลุกขึ้นอย่างระมัดระวัง ใบหน้าจิ้มลิ้มยามนี้แดงระเรื่อเมื่อคิดถึงเหตุการณ์เมื่อคืนที่ผ่านมา
ทว่าดวงตากลมโตกวาดมองรอบห้องกลับไร้วี่แววคนข้างกาย หากร่างกายไม่เจ็บระบมนางคงคิดว่าเป็นเพียงความฝันเท่านั้น
เมื่อคืนเป็นวันที่เข้าหอของนาง ไม่สิ...ควรจะเรียกว่าเข้าหอของพี่หญิงใหญ่เสียมากกว่า ทว่าพระราชทานที่ไม่ได้กำหนดว่าเป็นคุณหนูตระกูลจางคนใดที่จะตกแต่งเข้าตำหนักองค์ชายสี่ นางที่เป็นเพียงบุตรีของอดีตฮูหยินเอกซึ่งไม่มีมารดาคุ้มครองจึงถูกยัดเข้าเกี้ยวอย่างไร้ความปราณี
ด้วยชื่อเสียงขจรไกลขององค์ชายสี่ที่เป็นคนอารมณ์เกรี้ยวกราด ชอบดื่มน้ำเมา ฉุดคร่าขมขื่นลูกชาวบ้านเที่ยวเข้าหอนางโลมทุกค่ำคืนจนเป็นที่หวาดกลัวของบุตรหลานสกุลสูงศักดิ์ อีกทั้งพระองค์เป็นคนที่ไร้ประโยชน์ทางการเมืองอย่างสิ้นเชิงย่อมไม่มีขุนนางคนใดอยากส่งบุตรหลานของตนมาผูกสัมพันธ์
“พระชายาท่านตื่นแล้ว หม่อมฉันมีนามว่าฮุ่ยหลานจะมารับใช้พระชายาตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป หม่อมฉันขออนุญาตเข้าไปถวายงานเพคะ”
เสียงข้ารับใช้ดังแว่วเข้ามาเมื่ออีกฝ่ายได้ยินการเคลื่อนไหวภายในเตียงหลังใหญ่ นางเดินถือขันน้ำล้างหน้าเข้ามา ใบหน้านางเรียบเฉยไม่มีรอยยิ้มทว่าการพูดคุยกลับดูมีมารยาทพอควร จางลี่มองอีกฝ่ายอย่างพิจารณาเงียบๆ ก่อนจะเอ่ยถามคนที่ร่วมเรียงเคียงหมอน
“องค์ชายสี่อยู่ที่ใดหรือ”
นางล้างหน้าพลางเอ่ยถามเสียงเบา ข้ารับใช้ช่วยนางแต่งตัวอย่างเรียบร้อยพร้อมตอบกลับมาราวกับทุกอย่างเป็นเรื่องปกติ
“องค์ชายอยู่หอเซียงดาวเพคะ พระชายาทรงเตรียมตัวเถอะเพคะ บรรดาอนุมารอถวายน้ำชาพระชายาอยู่ด้านนอก ขาดแต่อนุเหลียนที่ยังอยู่กับองค์ชายเพคะ”
จางลี่นิ่งงันเมื่อได้รับตอบที่ยากจะทำใจรับได้ ใบหน้าจิ้มลิ้มขบริมฝีปากไว้แน่นอนาคตข้างหน้าคงจะมืดมนไม่ต่างจากจวนเสนาบดีฝ่ายซ้าย นางเป็นบุตรีของอดีตฮูหยินแม้จะตำแหน่งดูดีในสายตาชาวเมือง ทว่าภายในกลับเน่าเฟะยิ่งกว่าสิ่งใด ยามนี้นางคงทำได้แค่อดทนเท่านั้น
“เจ้านำทางเถอะ”
จางลี่บอกกล่าวพลางลุกขึ้นยืน ทว่าร่างกายที่ผ่านมรสุมพายุมาอย่างหนักหน่วงเมื่อคืนก็ทำให้นางแทบทรุดกลับไปนั่งที่เดิม ยังดีที่ข้ารับใช้มาช่วยประคองนางและพาเดินไปยังห้องโถงอย่างระวัง นางอดที่จะมองดูสาวใช้ข้างกายอีกครั้งมิได้
“ขอบคุณ”
นางกล่าวเสียงเบา เพราะอย่างน้อยฮุ่ยหลานก็อายุมากกว่านาง อีกทั้งต่อไปนี้ยังคงต้องพึ่งพาอาศัยนาง คนที่เย่อหยิ่งไม่ดูสถานการณ์ของตนเองจุดจบมักจะไม่สวยนัก หากนางมัวแต่โง่งมเอาแต่ใจตนเอง นางคงไม่อยู่รอดมาถึงทุกวันนี้
“เป็นหน้าที่ของหม่อมฉันเพคะ”
จางลี่ไม่ได้พูดคุยต่อจนกระทั่งเดินมาถึงห้องโถงที่ยามนี้มีสตรีนับสิบมีทั้งนั่งและยืนพูดคุยกันอย่างออกรส นางมองดูเหล่าสตรีอย่างอึ้งๆ พวกนางแต่ละคนแต่งกายอวดประชันความงามของตนเองมาอย่างเต็มที่ บ้างมีสีสันแสบตาจนทำให้นางรู้สึกมึนเบลอ นางรู้สึกเหมือนกำลังเข้ามาชมนกแก้วที่อวดความงามกันอย่างไรอย่างนั้น
“อุ้ย พระชายาเสด็จมาแล้วเพคะ หม่อมฉันคิดว่าวันนี้พระชายาจะลุกออกจากเตียงไม่ได้เสียอีก คิก คิก”