บทที่ 2. อดีตที่กำลังจะกลายเป็นปัจจุบัน
1/
บทที่ 2. อดีตที่กำลังจะกลายเป็นปัจจุบัน
ซ่อนรักดวงใจมาร
(
)
已经是第一章了
บทที่ 2. อดีตที่กำลังจะกลายเป็นปัจจุบัน
บุษกรเดินมานั่งที่ชิงช้าตัวสวยที่ซุ้มดอกบานบุรีและพวงพูที่แข่งกันออกดอกเป็นพุ่มเป็นพวงสีเหลืองกับชมพูตัดกันงดงามลงตัวแม้จะเป็นเวลาค่ำแล้วแต่สีสันของดอกไม้ทั้งสองก็ยังไม่ลดความงดงามลง กลิ่นดอกราตรีหอมรวยรื่นคละเคล้ากับดอกแก้วริมรั้วทำให้เธอรู้สึกผ่อนคลาย เท้าเล็กยันพื้นและโล้ให้ชิงช้าแกว่งไกวเบาๆ อย่างรื่นรมย์ขณะรอพี่ส้มที่กำลังช่วยสาวใช้อีกคนเก็บครัวและตรวจสอบความเรียบร้อยบนเรือนใหญ่ ร่างสูงใหญ่ที่เดินออกมารับลมเย็นๆ ช่วงหัวค่ำหยุดชะงักเมื่อเห็นว่ามีใครคนหนึ่งนั่งอยู่ที่ชิงช้าซุ้มบานบุรี ดูท่าทางเจ้าหล่อนจะมีความสุขอยู่ไม่น้อยเพราะเขาได้ยินเสียงฮัมเพลงเบาๆ ลอยมาตามสายลมแผ่วๆ นาวีเองก็กำลังจะเดินไปที่นั่นเพราะเป็นที่ที่เขาโปรดปรานเช่นกัน หลังจากที่เคร่งเครียดกับงานมาทั้งวัน ทั้งงานที่บริษัทและที่มหาวิทยาลัยที่เขาเป็นอาจารย์พิเศษอยู่ คืนนี้เขาก็คิดว่าเมื่อมารับลมตรงนี้แล้วจะกลับไปเคลียร์งานจากมหาวิทยาลัยให้เรียบร้อยก่อนเพราะเทอมนี้เป็นเทอมสุดท้ายที่เขาจะเป็นอาจารย์พิเศษและนับจากนี้เขาก็จะไม่รับเป็นอาจารย์พิเศษให้กับมหาวิทยาลัยแห่งไหนอีกแล้ว “ทำไมยังไม่กลับไปที่เรือนเล็ก...” เสียงห้าวๆ ดังขึ้นท่ามกลางความเงียบทำให้คนที่นั่งหลับตาฮัมเพลงเบาๆ ในลำคอขณะไกวชิงช้าเบาๆ นั้นลืมตาขึ้นทันทีด้วยอารามตกใจทำให้ร่างเล็กหงายหลังจนแทบจะตกชิงช้าหากเขาไม่รั้งเอวบางไว้พร้อมทั้งจับเชือกชิงช้าไว้ด้วยมืออีกข้าง “อะ เอ่อ...” ดวงตากลมโตเบิกกว้างหาเสียงของตนเองไม่เจอและบุษกรมักเป็นเช่นนี้ทุกครั้งที่เจอหน้าเขา และการที่เธอเงียบไปนานทำให้ชายหนุ่มรู้สึกไม่พอใจคิดไปว่าเธอรังเกียจที่เห็นหน้าเขาหรือไม่ก็กลัวเพราะทำงานส่งเขาไม่ทัน “เป็นใบ้เหรอ แล้วงานที่เอากลับมาแก้น่ะทำเสร็จรึยัง” บุษกรหน้าซีดลงทันทีที่เขาตวัดเสียงใส่หน้าตาขึงขัง ยิ่งทำให้ชายหนุ่มหน้าตึงมากขึ้นเมื่อเห็นเธอไม่พูดอะไรเสียทีเอาแต่นิ่งเงียบทีอยู่กับบิดามารดาของเขาหรืออยู่กับคนอื่นเจ้าหล่อนคุยจ้อยิ้มแย้มสดใส และยิ่งเวลาคุยกับผู้ชายคนอื่นยิ่งระริกรี้เชียวล่ะ นาวีรู้สึกหงุดหงิดทุกครั้งที่นึกถึงภาพเธอคุยกับหนุ่มๆ คนอื่น... “บะ บูม เอ่อดิฉันกำลังจะกลับไปแก้ค่ะ เอ่อ ขะ ขอตัวนะคะ” บอกเขาด้วยน้ำเสียงแผ่วพร่าติดๆ ขัดๆ น้ำเสียงและสรรพนามฟังดูห่างเหินยิ่งทำให้เขาไม่พอใจ ดิฉัน อย่างนั้นหรือ ทีคุยกับคนอื่น น้องบูมอย่างนั้น บูมอย่างนี้ ทีกับเขาเธอพูดอย่างกับเขาเป็นชายแก่ที่ควรวางไว้บนหิ้งหรือยักษ์ใหญ่ที่น่ากลัวจนแทบอยากจะวิ่งหนีเสียทุกครั้ง... “ยายเด็กแก่แดด เห็นหน้าฉันเป็นลุงเป็นตาแก่หรือไงถึงได้แทนตัวเองแบบนี้” “มะ ไม่นะคะ เพียงแค่...” “ยังจะมาเถียงอีก ทำไม.. ฉันนี่มันน่ากลัวมากหรือไงถึงได้ทำท่าเหมือนจะขาดใจตายเสียให้ได้เวลาเจอหน้าฉันน่ะ” นาวีกระชับวงแขนรั้งร่างเล็กให้เข้ามาชิดด้วยความฉุนเฉียวยิ่งเห็นท่าทางหวาดหวั่นของเธอก็ยิ่งกรุ่นในใจ “คุณวี ปละ ปล่อย ฉันเถอะนะคะ” เธอคงจะรู้ตัวว่าใกล้ชิดกับเขามากเกินไปมือเล็กผลักอกแกร่งเบาๆ เบาจนเขาแทบไม่รู้สึก ดีล่ะ.. ในเมื่อเธอกลัวเขานักเรียกเขาเสียห่างเหินนักเขาจะทำให้มันใกล้ชิดเอง.. ชายหนุ่มคิดอย่างเจ้าเล่ห์ยิ่งเห็นตาใสๆ นั้นเต็มไปด้วยความหวาดหวั่นนาวีก็ยิ่งกระหยิ่มใจ คอยดูเถอะพ่อจะทำให้เจ้าหล่อนนอนไม่หลับทั้งคืนเลย... “ถ้าฉันไม่ปล่อยเธอจะมีปัญญาทำอะไรได้ฮึ ยายคุณหนูขี้แย...” เสียงนั้นข่มขู่กรายๆ พร้อมทั้งกระชับวงแขนมากขึ้นแล้วโน้มใบหน้าลงไปหาใบหน้าเล็กๆ ที่แหงนเงยมองเขาอย่างตระหนกด้วยความอยากจะแกล้ง แต่กลิ่นหอมจากกายสาวนุ่มนิ่มในวงแขนทำให้นาวีนึกฉุนตัวเองที่คิดอะไรตื้นๆ แบบนั้น เพราะเมื่อถึงตอนนี้อารมณ์บางอย่างที่กักเก็บมานานก็ปะทุขึ้นมาอย่างที่เขาไม่อาจจะต้านทาน ทันทีที่บุษกรเผยอปากจะค้านขัด เขาก็ทาบริมฝีปากหยักของตนลงไปปิดกลีบปากระเรื่อนั้นอย่างรวดเร็วและฉวยโอกาสที่เจ้าหล่อนมัวตื่นตะลึงสอดลิ้นร้อนเข้าไปในโพรงปากสาวเกี่ยวกระหวัดฉกชิมรสชาติจากเรียวปากอิ่มที่ครั้งหนึ่งเขาเคยได้ลิ้มลอง ยังหวานไม่เปลี่ยน... นั่นคือสิ่งที่รับรู้ได้ทันทีที่เรียวลิ้นเล็กพลิกพลิ้วตอบสนองอย่างลืมตัวเพราะด้อยเดียงสากว่า นาวีบดเคล้าจุมพิตเร่าร้อนร่ายมนต์เสน่หาใส่คนตัวบางที่อ่อนระทวยอยู่ในวงแขนมือน้อยที่คอยผลักอกกว้างออกห่างตอนนี้เลื่อนไล้อยู่ในกลุ่มผมดกดำของเขาทั้งยังขยับกายเบียดชิดร่างแกร่งของเขาอย่างลืมตัว เสียงฝีเท้าเบาๆ ของใครสักคนเดินมาทางพวกเขาทำให้นาวีได้สติปล่อยร่างบางออกจากวงแขนเหมือนว่าเธอเป็นของร้อน ซึ่งทันทีที่เขาปล่อยบุษกรก็เซเล็กน้อยหน้าตาเหลอหลาก่อนจะเปลี่ยนเป็นแดงซ่านด้วยความอับอายในขณะที่นาวีเดินเลี่ยงอีกทางโดยไม่ใส่ใจว่าคนที่ถูกเขาจูบอย่างเร่าร้อนเมื่อครู่จะรู้สึกอย่างไร... “คุณหนูขาเรากลับเรือนกันเถอะค่ะพี่ส้มจัดการบนเรือนใหญ่เรียบร้อยแล้ว” พี่ส้มยิ้มร่าเข้ามาหา บุษกรลูบใบหน้าตัวเองที่รู้สึกร้อนชาไปทั้งหน้าเบาๆ เพื่อเรียกสติของตนกลับมาแล้วรีบปรับสีหน้าให้เป็นปกติที่สุดส่งยิ้มให้พี่ส้มบางๆ “นึกว่าพี่ส้มจะลืมน้องบูมแล้ว” “จะลืมได้ยังไงคะ พี่ส้มรีบช่วยเด็กๆ มันเก็บจานชุดใหม่เข้าตู้เลยช้า” “ไม่เป็นไรค่ะ เราไปกันเถอะค่ะ” “เอ๊ะ แต่เมื่อกี้เหมือนพี่ส้มเห็นคุณวีแว้บๆ นะคะ เธอมาทำอะไรแถวนี้คะ” บุษกรใจเต้นแรงไม่คิดว่าพี่ส้มจะตาดีทันเห็นเขา “เอ่อ.. มะ ไม่เห็นมีใครนี่คะ พี่ส้มตาฝาดหรือเปล่า คุณวีเขารังเกียจบูมจะตาย เขาจะมาตรงที่มีบูมอยู่ทำไมล่ะคะ” พูดออกไปแล้วก็ลอบถอนใจเบาๆ เมื่อพี่ส้มพยักหน้าเห็นด้วย “นั่นสิคะ สงสัยพี่ส้มตาฝาด ช่างเถอะค่ะ เรากลับไปนอนพักผ่อนดีกว่านะคะ คุณหนูมีสอบไม่ใช่เหรอคะสองสามวันนี้” “ค่ะ” บุษกรตอบเบาๆ แล้วเดินกลับเรือนเล็กกับพี่ส้มไปเงียบๆ และเมื่อกลับถึงห้องของตนเองสาวน้อยก็ทรุดนั่งลงบนเตียงเล็กสีหวานอย่างหมดแรงมือบางยกขึ้นลูบที่ริมฝีปากบวมน้อยๆ ของตนเบาๆ พร้อมทั้งรู้สึกร้อนผะผ่าวไปทั้งกายสาว ทั้งอับอาย น้อยเนื้อต่ำใจและร้อนรุ่มในเวลาเดียวกัน “ทำไมพี่วีต้องทำแบบนี้กับบูมด้วยคะ พี่วีเกลียดอะไรบูมนักหนา” บุษกรพึมพำกับตนเองเบาๆ น้ำใสๆ คลอหน่วยตางามดวงใจน้อยๆ ราวกับถูกบีบเค้นจากมือยักษ์ใหญ่ใจร้ายที่หมายเอาชีวิตผู้คนให้สิ้นซาก... และเธอก็เป็นหนึ่งในชีวิตเล็กๆ เหล่านั้นที่ตกอยู่ในอุ้งของยักษ์ใจร้ายนามว่านาวี... ทางด้านนาวีที่กลับเข้าห้องทำงานของตนก็ทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้ตัวใหญ่ของตนอย่างหงุดหงิดไม่สบอารมณ์กับความร้อนระอุที่อัดแน่นอยู่ในกาย ซึ่งอาการเหล่านี้มันเกิดขึ้นทุกครั้งที่เขาคิดถึงเธอ ยายคุณหนูขี้แย บุษกร... เด็กในปกครองของเขา คำคำนี้มันคือเส้นบางๆ ที่กางกั้นเขาไว้จากความรู้สึกทั้งมวลที่มีต่อเธอ.. “บ้าที่สุด...” ชายหนุ่มสบถเบาๆ ในลำคอแล้วหลับตาลงด้วยความเคร่งเครียดกับอารมณ์ที่เริ่มไม่มั่นคงของตนเอง แล้วภาพในอดีตก็แล่นเข้ามาในสมองเพียงแค่เขาหลับตาลง...
已经是最新一章了
加载中
下载 LoveNovel
海量小说享免费阅读
立即下載
需支付:
0.00
บทที่ 2. อดีตที่กำลังจะกลายเป็นปัจจุบัน
去登录
APP免费观看
自动购买下一章
余额:
0
充值
0
领星星
取消
发布
A
A
A
A
A