บทที่ 2จบตอน
เมื่อสี่ปีก่อน
ในวันฉลองรับปริญญาโทของนาวี บิดามาดาและญาติสนิทไม่กี่คนเดินทางไปที่ที่รีสอร์ตญาติคนหนึ่งของบิดาในจังหวัดเชียงราย และในครั้งนั้นครอบครัวของบุษกรก็ไปร่วมยินดีกับนาวีด้วย การเลี้ยงฉลองวันแรกผ่านไปด้วยดีและวันต่อมาต่างก็พากันเดินสายไปทำบุญในที่ต่างๆ ซึ่งผู้สูงวัยต่างก็ชื่นชอบกันมาก ส่วนเด็กๆ ก็ติดตามไปทำบุญด้วย แต่จากการที่ไปปาร์ตี้ต่อกับเพื่อนๆ ในเมืองทำให้นาวีอ่อนเพลียเกินกว่าจะลุกจากที่นอนไปกับบิดามารดาเขาจึงขออยู่บ้านซึ่งนาวีเองก็ไม่รู้ว่าบุษกรอยู่ด้วย ชายหนุ่มจึงนัดหญิงสาวสวยคนหนึ่งมาพบที่บ้านพักซึ่งปลูกห่างกันพอสมควรเพื่อความเป็นส่วนตัว แน่นอนว่าบรรยากาศฝนพรำๆ กับสาวสวยเซ็กซี่คงไม่มีอะไรดีไปว่าการทำกิจกรรมในร่มอันเร่าร้อนหากไม่ติดที่ว่าเสียงประตูหน้าบ้านหลังเล็กดังขึ้นรัวๆ ทำให้เขาจำต้องผละจากร่างงามพรั่งพร้อมของสาวเจ้าอย่างหงุดหงิด ร่างสูงสวมเพียงกางเกงยีนสีเข้มตัวเดียวโชว์แผงอกเปล่าเปลือยเต็มไปด้วยกล้ามเนื้องดงามเยี่ยงบุรุษเพศที่ทำให้หญิงสาวมองตามเขาตาปรอยเลยทีเดียวนั้นเดินไปเปิดประตูอย่างหัวเสีย
“มีอะไร..” น้ำเสียงฟังดูหงุดหงิดของเขาทำให้ใบหน้าเรียวเล็กนั้นซีดขาวปากสั่นแววตาหวาดหวั่นอย่างเห็นได้ชัด นาวีถอนใจกอดอกมองเด็กสาวตรงหน้านิ่งเมื่อระลึกได้ว่าเธอเป็นเสมือนน้องสาวของเขาและท่าทางของเธอดูไม่สบายนัก
“เอาล่ะ มีอะไรก็ว่ามา ฝนตกแบบนี้เดินตากฝนมาทำไม”
“บูมปวดหัว เห็นว่าที่บ้านของคุณป้าเหมือนมีคนอยู่บูมเลยเดินมาขอยาทานค่ะ”
เธอก้มหน้าตอบแผ่วๆ ไม่เงยหน้าขึ้นมาสบตาซึ่งเขาคิดว่าเจ้าหล่อนคงจะอายกับสภาพของเขานั่นเอง
“เข้ามาแล้วไปหาเอาเองในห้องคุณแม่”
“ค่ะ” ร่างเล็กบางกว่าเขามากเดินเลี่ยงไปยังห้องนอนของมารดา นาวีส่ายหน้าอย่างหงุดหงิดไม่หายและอารมณ์อยากต่างๆ ก็หมดไปทันที เขาเดินกลับไปบอกสาวสวยเซ็กซี่ให้กลับไปก่อนแม้ว่าเจ้าหล่อนดูจะไม่อยากกลับแต่เพราะเงินก้อนโตที่ได้แทนการเสียเวลาก็ทำให้เธอกลับไปโดยดีแต่ไม่วายทิ้งโน้ตนัดหมายเพื่อไปสานต่อวิมานที่ล่มไปให้จบ
นาวีเดินมาหยุดที่ประตูห้องของมารดาก็เห็นว่าร่างเล็กยังจดๆ จ้องๆ อยู่กับกระเป๋าถือใบเล็กที่ว่างอยู่หน้ากระจกโต๊ะแต่งตัวของมารดา เมื่อเห็นเขาก็ทำหน้าตื่นๆ เหมือนเด็กตัวเล็กๆ อยากกินไอศกรีมแต่ไม่กล้าหยิบ
“เธอนี่มันตัวยุ่งจริงๆ คุณอาเขาไม่เคยให้เธอหยิบยากินเองรึไงนะ” ทำเสียงดุหน้าดุใส่คนที่ถอยร่นไปทันทีที่เขาเดินเข้ามาเปิดกระเป๋าแล้วหยิบยาแก้ไข้หวัดให้เธอหนึ่งเม็ด
“จะต้องให้ป้อนด้วยมั้ย”
“มะ ไม่ต้องค่ะ บูมกินยาเองได้...” แล้วบุษกรก็เดินลิ่วออกไป นาวีมองแผ่นหลังบางภายใต้ชุดนอนแบบกระโปรงผ้าฝ้ายลายการ์ตูนเหมือนเด็กหญิงของบุษกรแล้วก็นึกสงสัยว่าเธอมีอายุเท่าไหร่แล้ว ปกติเขาก็ไม่ค่อยได้สุงสิงกับเธอนักเพราะวัยที่ค่อนข้างห่างกันอีกทั้งเขาก็ไม่ชอบเด็กผู้หญิงที่ดูแล้วน่ารำคาญน่าปวดหัวไม่เหมือนสาวๆ ที่พร้อมจะไปกับเขาได้ทุกที่ เข้ากันได้ทุกท่า อีกทั้งส่วนใหญ่ครอบครัวของบุษกรจะอาศัยอยู่ที่อังกฤษมากกว่าเมืองไทยเพราะมารดาของเธอเป็นลูกครึ่งไทยอังกฤษและไปๆ มาๆ ระหว่างเมืองไทยกับอังกฤษเขาจึงไม่ค่อยได้พบหน้าบุษกรบ่อยนัก แต่มีช่วงหลังๆ มานี้ที่ได้ข่าวว่าครอบครัวของบุษกรจะกลับมาอยู่ที่เมืองไทยเป็นการถาวรเพียงแต่ยังเคลียร์งานที่อังกฤษยังไม่เรียบร้อย
“บ้าจริง ฝนมาตกอะไรตอนนี้นะ”
ชายหนุ่มสบถเบาๆ ในลำคอเมื่อจู่ๆ ฝนก็เทกระหน่ำลงมาอย่างไม่ลืมหูลืมตา บุษกรที่กำลังจะเดินกลับบ้านพักของตนเองจำต้องถอยหลังกลับเข้ามาในบ้านแล้วไปทรุดนั่งที่โซฟารับแขก ในขณะที่นาวีเดินไปที่บาร์เครื่องดื่มแล้วรินวิสกี้ยี่ห้อดังออกมาดื่มเพื่อสงบสติอารมณ์ แต่ในก็ไม่มีทีท่าว่าจะหยุดท้องฟ้าก็มืดครึ้มจนต้องเปิดไฟในบ้านแทบทุกดวง
“หิวรีเปล่า...” จู่ๆ เขาก็ถามขึ้นทำให้คนที่ทำท่าเหมือนจะหลับสะดุ้งหันมามองนาวีตาโต
“เอ้อ.. คือ หะ หิวค่ะ”
“ที่ถามนี่คือจะบอกว่าไปหากินเองในครัวนะ คุณแม่พี่ซื้ออาหารมาใส่ตู้เย็นไว้ตั้งแต่วันที่มาแล้วไม่รู้มีอะไรบ้าง และจะให้ดีช่วยทำอะไรมาให้พี่กินเล่นด้วยก็ไม่เลวนะ” สั่งด้วยท่าทางราวเจ้าชายสั่งสาวใช้
“ค่ะ...” รับคำเบาๆ แล้วลุกขึ้นเข้าครัวอย่างว่าง่าย นาวียกยิ้มมุมปากอย่างพอใจก่อนจะยกแก้ววิสกี้ขึ้นดื่ม แม้จะเริ่มรู้สึกมึนๆ เล็กน้อย แต่เขาก็ไม่คิดว่าตนจะคออ่อนเมาได้ ไม่นานกลิ่นอาหารหอมกรุ่นก็ลอยมาแตะจมูกน้ำย่อยก็เริ่มทำงานขึ้นมาทัน นาวีปรายตามองคนที่ถือถาดใส่จานอะไรสักอย่างออกมา
“พอดีบูมเห็นมีแหนมเอ็นข้อไก่อยู่ในตู้เลยทอดมาให้พี่วีค่ะ” เธอวางจานลายสวยไว้ตรงหน้าเขาแล้วก็จะเดินกลับเข้าไปในครัว แต่ทันใดนั้นเองไฟฟ้าที่สว่างไสวก็ดับพรึบตามมาด้วยเสียงสายฟ้าฟาดเปรี้ยงสนั่นหวั่นไหวไปทั้งผืนฟ้าและยังสามารถรับรู้ได้ถึงแรงสั่นสะเทือนแม้อยู่ในบ้านหลังเล็กที่มิดชิดแข็งแรง
เปรี้ยงงงง...
“กรี๊ดดดด...” บุษกรกรีดร้องด้วยความตกใจและอารมตกใจทำให้สะดุดข้อเท้าตัวเองร่างเล็กเสียหลักเกือบจะล้มหัวฟาดพื้นแต่สุดท้ายกลับเซถลาเข้าสู่วงแขนแกร่งของนาวีที่ลุกขึ้นคว้าร่างเธอไว้ได้ก่อน
“โอ๋ๆ นิ่งซะคนดี ไม่ต้องตกใจนะ” ไม่รู้ว่าเพราะอะไรที่ทำให้เขาพูดไปแบบนั้นซึ่งนาวีเองก็ไม่คิดว่าตนเองจะพูดอะไรที่ดูงี่เง่าแบบนั้นกับคนที่ตัวสั่นอยู่กับอกกว้างเปล่าเปลือยของตน เพราะเขาไม่ได้กลัดกระดุมเสื้อ
ร่างเล็กดูบอบบางราวแก้วใสทว่าอวบอิ่มตามวัยสาวเบียดชิดกับร่างแกร่งด้วยความตระหนกนั้นสั่นเทาด้วยความหวาดหวั่นตกใจกับเสียงฟ้าผ่าและแสงแปลบปลาบบนท้องฟ้านั้นไม่ได้เฉลียวใจเลยว่ามีสิ่งที่น่ากลัวกว่าอยู่ใกล้ตัว และไม่รู้เลยว่าวงแขนแกร่งของคนตัวโตที่ตนซุกซบอยู่นั้นเกี่ยวกระหวัดรัดรอบเอวบางแน่นขึ้นและตอนนี้เธอก็กึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนร่างกึ่งเปลือยของเขาอยู่บนโซฟาตัวใหญ่ที่เพิ่งลุกไปเมื่อครู่นี้
ในขณะที่สาวน้อยกำลังหวาดหวั่นกับสถานการณ์ธรรมชาติที่เหมือนบ้าคลั่งอยู่ภายนอก คนที่กำลังถูกธรรมชาติของร่างกายเล่นงานก็กำลังข่มอารมณ์ฝ่ายต่ำที่รบกวนจิตใจอยู่อย่างสุดกำลัง แต่เพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ที่อยู่ในร่างกายบวกกับความต้องการที่ถูกขัดขวางเมื่อครู่ก่อนหน้านี้ รวมทั้งกลิ่นสาบสาวกรุ่นกลิ่นยั่วเย้าและบรรยากาศนำพาไปเช่นนี้นาวีจึงทำในสิ่งที่อำนาจฝ่ายมืดดำบงการ โดยไม่ได้คิดถึงผลที่จะตามมาภายหลัง...
บุษกรเงยหน้าขึ้นมองหน้าคนที่โอบกอดตนไว้เมื่อรู้สึกถึงวงแขนที่กระชับขึ้นมาแต่ทันทีที่เผยอปากจะทักท้วงถึงความใกล้ชิดระหว่างกัน ริมฝีปากหยักสวยราวสตรีของนาวีก็ทาบลงมาปิดกลีบปากระเรื่อตามวัยสาวไว้ก่อนจะฉวยโอกาสที่เธอมึนงงสอดลิ้นร้อนผ่าวเข้าไปในโพรงปากนุ่มอย่างย่ามใจพร้อมทั้งดูดดึงดื่มชิมความหวานจากปากสาวอย่างไม่เกรงอกเกรงใจผู้เป็นเจ้าของ
บุษกรนิ่งงันด้วยความสับสนสมองขาวโพลนมึนงงกับรสสัมผัสที่ได้เจอครั้งแรกในชีวิตสาว ความร้อนซ่านแปลกๆ แล่นพล่านไปทั้งกายสาว ลมหายใจติดขัดเหมือนอากาศมีไม่เพียงพอแต่ก็ไม่ได้ทำให้เธอขาดอากาศหายใจแต่อย่างใด
“พะ พี่วี... จะ จะทำอะไรคะ...” ถามเหมือนละเมอแต่ก็ไม่ได้คำตอบนอกจากจุมพิตเร่าร้อนที่สร้างปั่นป่วนในอกสาว เนื้อตัวของบุษกรร้อนผ่าวไม่รู้ว่าเพราะพิษไข้หรือเพราะพิษพิศวาสกันแน่ บุษกรรู้สึกร้อนวูบวาบไปทั้งตัวโดยเฉพาะช่องท้องน้อยที่ไหวโหวงแปลกๆ ทั้งยังรู้สึกว่าใจกลางกายสาวมันร้อนชื้นไปด้วยอะไรบางอย่างที่เธอไม่อาจจะเข้าใจ
ในขณะที่นาวีเองไม่ได้สนใจจะตอบคำถามที่ฟังดูงี่เง่าของสาวน้อยในอ้อมแขนสักเท่าไหร่ ตอนนี้เขารู้แต่เพียงว่าต้องการเธอ ยิ่งเมื่อเขาพาเธอเข้ามาในห้องนอนของตนได้อย่างง่ายดายด้วยแล้ว มือหนาก็ปลดเปลื้องชุดนอนลายการ์ตูนน่ารักให้พ้นร่างเล็กๆ อย่างรวดเร็ว นาวีแทบลืมหายใจกับความงามตรงหน้า...
ร่างเล็กบางนั้นหลอกตานักเมื่อเห็นสิ่งที่ซุกซ่อนอยู่ภายใต้เสื้อผ้ารุ่มร่ามที่เจ้าหล่อนสวมใส่อยู่เสมอตลอดเวลาที่มาพักอยู่ที่นี่ ทรวงอกอวบอิ่มกลมกลึงไหวสะท้านตามแรงหอบหายใจปลายยอดสีชมพูแดงเข้มหดเกร็งเป็นไตไหวระริกเหมือนรอคอยอะไรบางอย่าง ลาดไหล่เนียนละมุนกับเรียวแขนเสลา เอวเล็กแบบบางที่แทบจะสามารถโอบรอบด้วยมือเพียงข้างเดียวหน้าท้องเนียนเรียบกับสะดือน่ารักและต่ำลงไปกว่านั้นที่แม้จะมีชั้นในบางๆ กางกั้นแต่ก็ทำให้เขาลำคอแห้งผากขึ้นมาทันที ดวงตาคมพยายามมองเลยผ่านจุดนั้นไปเพื่อมองเรียวขาเพรียวได้รูป เธอมีขาที่สวย สวยกว่าผู้หญิงที่เขาเคยควงบางคนเสียอีก
ยายคุณหนูขี้แย ซ่อนรูปเสียจริง... นาวีไล้มือหนาไปตามแนวโค้งเว้าของร่างแบบบางอย่างหลงใหล
“อย่าปิด น้องบูมจ๋าสวยเหลือเกิน..” นาวีครางเบาๆ พลางจับมือเล็กที่พยายามจะปิดทรวงสาวอวบอิ่มของตนจากสายตาคมด้วยความเอียงอายไว้
บุษกรอ่อนแรงเกินกว่าจะต้านทานแรงรั้งจากมือหนาได้ ทั้งแข้งขาก็พานสั่นไร้แรงจะยืนตอนนี้เธอจึงได้แต่นอนระทวยอยู่บนเตียงกว้างของเขามองร่างแกร่งที่สะบัดเสื้อเชิ้ตออกจากกายแกร่งตามด้วยกางเกงยีนสีเข้มเผยให้เห็นร่างเปลือยเปล่าที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้องดงามเยี่ยงบุรุษพึงมี สาวน้อยกลืนน้ำลายลงคอได้อย่างยากลำบากเมื่อกางเกงชั้นในสีขาวสะอาดพ้นสะโพกแกร่งบุษกรตาโตหายใจติดขัดรู้สึกเหมือนว่าไม่มีแรงแม้แต่จะหายใจเอาอากาศเข้าปอด จนเมื่อนาวีโน้มกายลงมาทาบทับร่างบางของตนไว้กรายๆ ใบหน้าหล่อเหลาที่ทำให้ใจสาวสะท้านไหวอยู่ใกล้ชิดเพียงแค่เส้นด้ายกางกั้น...
นาวีประทับจูบลงบนกลีบปากช้ำจากแรงบดขยี้จากตนครั้งแล้วครั้งเล่าอย่างเร่าร้อนอีกครั้ง มือทั้งสองข้างก็สำรวจฟอนเฟ้นทั้งร่างสาวอย่างหลงใหล ผิวเนื้อเนียนนุ่มมือราวผิวเด็กนั้นทำให้หัวใจหนุ่มคะนองโลดลิ่วไปในเพลิงเสน่หาที่ลุกไหม้จนปวดร้าวไปทั้งแก่นกายที่เหยียดขายพร้อมรบ
“พะ พี่วี มันมะ ไม่ ถูกต้อง อืม...”
เสียงสั่นพร่าพยายามดึงสติของเขาและของตัวเองกลับคืนมาแต่ก็ไร้ผล ยิ่งเมื่อนิ้วแกร่งลูบไล้ที่เนินเนื้ออิสตรีฉ่ำชื้นและปากร้อนผ่าวดูดดื่มยอดทรวงอย่างเร่าร้อนสติที่มีอยู่น้อยนิดก็ปลิดปลิวไปตามแรงไฟสวาทที่โหมกระหน่ำ ร่างบางบิดเร่าราวใบไม้ต้องพายุเสียงครางแผ่วพร่าคละเคล้ากับเสียงพายุฝนที่กระหน่ำอยู่ด้านนอก มือน้อยลูบไล้อกแกร่งที่มีขนนุ่มประปรายทั้งยังสะกิดยอดอกสีเข้มของเขาอย่างอยากรู้อยากเห็นก็ยิ่งทำให้นาวีรวดร้าวด้วยความปรารถนา
การตอบสนองอย่างน่ารักของเธอทำให้นาวีไม่อาจยับยั้งชั่งใจอะไรได้อีกต่อไป มือร้อนที่สำรวจดงดอกไม้สดฉ่ำละออกไปถูกทดแทนด้วยปากและลิ้นร้ายกาจพลิกพลิ้วดื่มกินน้ำหวานจากกายสาวที่ไหลเอ่อ ความหวานหอมของกลิ่นเนื้อสาวแรกแย้มยิ่งทำให้มึนเมาเกินกว่าจะคิดถึงความเหมาะสมผิดชอบชั่วดี ยิ่งเสียงครางกระเส่าเร่าร้อนของแม่สาวน้อยร่างบางที่ดังก้องไปทั้งห้องก็ยั่วเย้าให้อารมณ์หนุ่มกระเจิดกระเจิง ใบหน้าหล่อเหลาละจากใจกลางร่างสาวแล้วขยับร่างกายให้พรักพร้อมที่จะโจนจ้วงเข้าสู่แอ่งเสน่หา และทันทีที่แก่นกายใหญ่โตแทรกเข้าไปเพียงนิดแม่สาวน้อยที่สั่นเร่าอยู่ใต้ร่างก็กรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดน้ำตาใสๆ เปรอะเปื้อนเต็มใบหน้าแดงก่ำ
“โอ๊ย.. จะ เจ็บ ฮือ พี่วีออกไปนะ..” มือน้อยที่เคยลูบไล้กายแกร่งอย่างหลงใหลบัดนี้ทั้งผลักไสทุบตีเขาพัลวัน...
“ชู่ววว คนดีนิ่งๆ ก่อน แล้วมันจะดีขึ้นพี่สัญญา น้องบูมคนดีนิ่งก่อนนะครับ...”
ปลอบเธอทั้งใบหน้าบิดเบ้ด้วยความทรมานและอึดอัดจนแทบหายใจไม่ออกกับช่องทางคับแน่นที่โอบรัด นาวีพรมจูบไปทั้งใบหน้าแดงก่ำเรื่อยมายังทรวงอกอิ่มฟ้อนเฟ้นลูบไล้เรือนกายอรชรสร้างความหวั่นไหวเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจและให้สาวเจ้าคล้อยตามอีกครั้ง และเมื่อสัมผัสได้ถึงความผ่อนคลายของคนใต้ร่างเขาก็ขยับเรียวขาเสลามาไว้บนบ่าแกร่งก่อนจะค่อยๆ โหมสะโพกเข้าหาร่างอ่อนนุ่มอย่างร้อนแรงตามอารมณ์ที่เดือดปะทุ ความเสียวซ่านแล่นพล่านไปทั้งกายของหนุ่มสาว สำหรับบุษกรที่ความเจ็บปวดจางหายไปก็กำลังดื่มด่ำกับความรู้สึกใหม่ที่เข้ามาแทนที่
ความเสียวซ่านกระสันอยู่ในอกสาวทำให้สะโพกกลมกลึงร่อนระรัวรับการกระแทกโรมรันจากชายหนุ่ม เพลิงเสน่าหาลุกไหม้เผาผลาญสำนึกทุกสิ่งที่อยู่ในใจของเขาและเธอจนหมดสิ้นมีเพียงเพลงสวาทที่ร่ายร้อนเร่าโบยบินไปสู่ดินแดนฉิมพลีอันสุขสม....