3:แผนการชั่วร้ายของฉินซิ่นซื่อ
1/
3:แผนการชั่วร้ายของฉินซิ่นซื่อ
หัวเราะทีหลังดังกว่า!!
(
)
已经是第一章了
3:แผนการชั่วร้ายของฉินซิ่นซื่อ
3 แผนการชั่วร้ายของฉินซิ่นซื่อ ห้าวันผ่านไป “ให้เจ้า...” เชลยสาวคนหนึ่งพูดพลางอาศัยจังหวะที่ทหารเผลอยัดก้อนข้าวเล็กๆ ที่แอบเก็บไว้ใส่มืออีกฝ่ายพลางน้ำตาคลอออกมาด้วยความสงสาร หลังจากที่ทำงานร่วมกันมาหลายวันแล้วเห็นสตรีผู้นี้ไม่ยอมกินอะไรเลย นางไม่เข้าใจว่าเหตุใดสตรีที่ดูบอบบาง ถึงถูกให้มาทำงานเช่นนี้ แถมสภาพอาหารที่ได้รับช่างแตกต่างกับพวกตนยิ่ง ในที่สุดจึงอดรนทนไม่ได้แอบแบ่งอาหารให้ “ของข้าด้วย พอดีข้ากินไม่เยอะ” เชลยหนุ่มอีกคนเอ่ยแล้วยัดส่วนของเขาใส่มืออีกข้างของซู่ซู่ พลางปรายตามองไปยังฝ่ามือของนางที่เต็มไปด้วยบาดแผลอย่างเวทนา ตัวเขาแค่ถูกจับมาทำงานก่อกำแพงก็เหนื่อยจนสายตัวแทบขาดแล้ว แต่เห็นสตรีผู้นี้ทั้งโดนลากไปตักน้ำ แล้วยังต้องไปทำนั่นทำนี่เพียงลำพังอีก ทำให้นึกเห็นใจไม่น้อย ทั้งนับถือที่นางสามารถทำทุกอย่างได้โดยไม่ปริปากบ่นหรือแสดงอาการกระฟัดกระเฟียดใดๆ ออกมา “ขอบใจมาก” ซู่ซู่ยิ้มพร้อมกับตอบด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาพลางรับมากินอย่างหิวโหย ใบหน้าหวานตอนนี้ซูบผอมลงอย่างมากจากการทำงานหนักและไม่ยอมกินเศษอาหารที่ชินอ๋องหน้าโง่ทรงพระกรุณาประทานมาให้ ตั้งแต่บุรุษงี่เง่าผู้นั้นสั่งตัดและเผาต้นกระบองเพชรทิ้ง นางก็ไม่รู้จะไปหาของกินที่ไหน เนื้อกระบองเพชรที่ซุกไว้ในเสื้อบางๆ ก็แบ่งกินจนหมดแล้ว อย่างน้อยก็ยังดีที่ยังมีน้ำให้กินอยู่ ซึ่งแน่นอนว่าไม่ใช่น้ำที่ไปตักมาใส่ถังรวม แต่เดินไปกินเองที่แอ่งน้ำกลางทะเลทราย...เรื่องอะไรนางจะต้องยอมไปก้มหัวขอน้ำจากบุรุษน่าตายผู้นั้นเล่า ถึงแม้ว่านางจะเป็นคนไปตักพวกมันมาใส่ในถังรวมก็ตาม! จะว่าไป รู้สึกว่าหลายวันมานี้ทหารของชินอ๋องนั้นดูไม่ค่อยจะเข้มงวดกับนางสักเท่าไร... หรือว่าจะมีแผนการใดซ่อนอยู่!? กระนั้นงานต่างๆ ซู่ซู่ยังต้องทำเหมือนเดิม ส่วนไอ้กำแพงนี่จะอะไรนักหนาก็ไม่รู้ กะจะก่อให้ยาวเท่าฉางเฉิง[1]เลยหรือ!? “เอาของข้าไปด้วยสิ” เชลยสาวอีกคนที่อยู่ใกล้ๆ พูดพลางหยิบยื่นน้ำใจให้นางบ้าง ทว่าก็มีทหารนายหนึ่งเหลือบมาเห็น ซึ่งผลที่ได้รับก็คือ... เพียะ! เพียะ! เพียะ! เพียะ! เพียะ! เพียะ! เชลยทั้งสามคนที่แบ่งอาหารให้ซู่ซู่ถูกจับไปโบยที่ลานกว้างหน้าตำหนัก โดยมีชินอ๋องยืนคุมการลงโทษด้วยรอยยิ้ม ผิดกับเจ้าของชื่อที่โดนจับคุกเข่าให้นั่งมองภาพตรงหน้า พร้อมกับน้ำตาที่คลอเบ้าอย่างรู้สึกผิด เพราะนางเป็นต้นเหตุให้ทุกคนถูกโบย เพราะข้าแท้ๆ พวกเขาถึงต้องโดนเช่นนี้ เพียะ! เพียะ! เพียะ! เพียะ! เพียะ! เพียะ! เพียะ! เพียะ! เพียะ! เพียะ! เพียะ! เพียะ! “ข้าผิดไปแล้วขอรับ! ขอท่านแม่ทัพเมตตาด้วย” “ข้าผิดไปแล้วเจ้าค่ะ! ขอท่านแม่ทัพ...ว...ไว้ชีวิตด้วย” “ต่อไปข้าไม่กล้าแล้วเจ้าค่ะ!! ฮึก...ได้โปรด...” ทั้งสามคนส่งเสียงร้องขอชีวิตขณะที่แผลบนหลังเริ่มมีโลหิตสีแดงซึมออกมา ก่อนที่จะแปรเปลี่ยนไปเป็นเสียงร้องครวญครางที่เปล่งออกมาอย่างไม่เป็นภาษาด้วยความเจ็บปวด เพียะ! เพียะ! เพียะ! เพียะ! เพียะ! เพียะ! กระนั้นฉินซิ่นซื่อก็ยังสั่งให้ทหารโบยต่อไป “โบยเข้าไปอีก!! โทษฐานที่บังอาจยุ่งไม่เข้าเรื่อง!!” “ขอรับ!!!” เหล่าทหารรับคำอย่างแข็งขัน ด้วยเป็นที่รู้กันมาแต่ไหนแต่ไรแล้วว่าชินอ๋องผู้นี้โหดเหี้ยมแค่ไหน “หยุดเดี๋ยวนี้!! ทุกอย่างเกิดที่ข้า หากจะลงโทษก็ลงโทษข้า!” ซู่ซู่ที่ทนมองภาพตรงหน้าต่อไปไม่ไหวตะโกนใส่ชินอ๋อง พร้อมกับน้ำตาที่รินไหลอาบแก้มเนียน แต่อีกฝ่ายก็หาได้สนใจนางไม่ ราวกับเสียงของร่างบางเป็นเพียงอากาศธาตุ เพียะ! เพียะ! เพียะ! เพียะ! เพียะ! เพียะ! เพียะ! เพียะ! เพียะ! เสียงแส้ที่กระทบลงไปบนเนื้อของเชลยทั้งสามคนยังคงดังต่อเนื่อง พร้อมกับโลหิตที่ไหลนองออกมาเต็มแผ่นหลัง กระทั่งทั้งสามคนสิ้นสติไป... “เอาน้ำเกลือมาราด!!” “อ๊ากกก!!” เสียงของเหล่าเชลยที่ได้สติขึ้นมากรีดร้องอย่างโหยหวน เพียะ! “หุบปาก!!!” ทหารที่ถือแส้ตวาดเสียงดัง พร้อมกับตวัดแส้ลงไปบนแผ่นหลังทั้งสามคนอย่างไม่ยั้งมือ เพียะ! เพียะ! เพียะ! เพียะ! เพียะ! เพียะ! เพียะ! เพียะ! เพียะ! เพียะ! เพียะ! เพียะ! เพียะ! เพียะ! เพียะ! เพียะ! เพียะ! เพียะ! จนกระทั่งเวลาผ่านไปไม่ถึงเค่อ[2]... “เรียนท่านแม่ทัพ พวกมันตายหมดแล้วขอรับ...” ทหารที่ลดแส้ในมือลงแล้วใช้มืออังปลายจมูกของเชลยทั้งสามเอ่ยกับฉินซิ่นซื่อ ร่างสูงพยักหน้ารับ ก่อนจะให้ทหารคนอื่นเข้ามาหามร่างไร้วิญญาณออกไป ทิ้งไว้เพียงคราบโลหิตบนลานกว้างที่รอการทำความสะอาด “ชินอ๋อง...” พลันซู่ซู่ก็ทำท่าจะพูดอะไรบางอย่างพร้อมกับมองมาที่ฉินซิ่นซื่อด้วยแววตาโกรธแค้น “ผู้ใดก็รู้ว่าข้ามันโหดเหี้ยมอำมหิตผิดมนุษย์นา แต่ไม่ถึงครึ่งของเจ้าหรอก...ซู่ซู่” เมื่อเห็นดังนั้น ฉินซิ่นซื่อจึงชิงตัดบท พลางหัวเราะออกมาอย่างเลือดเย็น ก่อนจะหันไปสั่งคนของตนว่า “เอาตัวนักโทษผู้นี้กลับไปทำงานต่อได้แล้ว!!” “ขอรับ!” ทหารสองนายที่ยืนอยู่ตรงนั้นรับคำก่อนเข้ามาคุมตัวของนางตามคำสั่ง แต่ซู่ซู่ก็สะบัดออก พลางเอ่ยว่า “ไม่ต้อง! ข้ามีขา เดินไปเองได้!” แล้วนางก็เดินไปด้วยสีหน้าเรียบเฉยราวกับว่าไม่รู้สึกอันใด ทว่าน้ำใสๆ ที่เกาะอยู่เต็มขอบตาก็บ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าสภาพจิตใจของนางในตอนนี้ย่ำแย่ขนาดไหน ฉินซิ่นซื่อทำเพียงยืนมองนางอยู่เงียบๆ ในใจนึกกระหยิ่มยิ้มย่องกับบทลงโทษที่เตรียมมอบให้นางในวันนี้ อวดดีไปเถิดซู่ซู่ เพราะอีกไม่นานเจ้าก็จะได้รู้ว่าความน่ากลัวที่แท้จริงเป็นอย่างไร… และเมื่อถึงเวลานั้น แม้แต่เศษเสี้ยวของความปราณี เจ้าก็จะไม่ได้รับมัน! ...ที่โรงซักผ้า ซู่ซู่กำลังลงมือทำงานทุกอย่างด้วยสีหน้าเรียบเฉยและท่าทีสงบนิ่งไม่รู้สึกรู้สาอะไร ทว่าความจริงแล้วในใจของนางกำลังเหม่อลอยว้าวุ่นและอยู่ไม่เป็นสุขอย่างยิ่ง! ไม่ว่าจะเป็นสีหน้าทุกข์ทรมานของเชลยที่ถูกโบยเพราะแอบแบ่งอาหารให้นาง... เสียงร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวดกับการวิงวอนร้องขอชีวิตของพวกเขา... ร่างไร้วิญญาณและโลหิตสีแดงกองใหญ่ที่กระเซ็นไปทั่วบริเวณ... ตอนนี้ภาพทุกอย่างยังคงติดค้างอยู่ในหัวของซู่ซู่อย่างชัดเจน รวมทั้งความรู้สึกผิดที่คอยตอกย้ำว่าตนเองเป็นสาเหตุให้ทั้งสามคนถูกโบยจนตาย! ข้าขอโทษ...ขอโทษจริงๆ ทั้งที่พวกเราไม่รู้จักกันแท้ๆ แต่ทุกคนกลับต้องมาตายเพราะข้า... ฉินซื่นซื่อ...บุรุษเลือดเย็น คนอย่างพระองค์สมควรไปลงนรก!! หากไม่พอใจอะไรก็มาทำข้าสิ...ไปทำพวกเขาทำไม!? หากมีโอกาสข้าจะจับอ๋องป่าเถื่อนผู้นี้มามัดไว้แล้วโบยบ้าง จะได้เข้าใจความรู้สึกของผู้อื่น... ซู่ซู่คิดเช่นนั้นซ้ำไปซ้ำมา กระทั่งรู้ตัวอีกทีนางก็ซักผ้าและตากผ้าเสร็จหมดแล้ว จากนั้นร่างบางก็ถูกคุมตัวไปยังโรงเลี้ยงม้าเพื่อเอาหญ้าให้เจ้าฉู่ เจ้าเฉิง และเจ้าฉา อาชาสีน้ำตาลสามตัวที่นางตั้งชื่อให้เอง “อาฉู่ แบ่งคนอื่นด้วย ส่วนอาฉา เจ้าตัวเล็กกว่าเพื่อน ต้องกินเยอะๆ เข้าใจหรือไม่!?” ร่างบางพูดพลางยกมือลูบไปที่แผงคอสีดำของอาฉู่เบาๆ เพื่อคลายเศร้า แต่ก็แทบไม่ช่วยอะไรเลย ทว่าเพราะมัวแต่พะวงกับสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้นในวันนี้ทำให้ซู่ซู่ไม่ทันได้สังเกตว่าแววตาของทหารสองนายที่กำลังยืนคุมนางอยู่นั้นมีบางอย่างผิดปกติ!! พลั่ก!! หลังจากให้หญ้าม้าเสร็จแล้ว ร่างบอบบางของซู่ซู่ก็ถูกจับเหวี่ยงเข้ามาในคอกม้าอันเป็นที่ซุกหัวนอนของนาง ตามด้วยร่างกำยำของทหารสองนายที่เดินเข้ามาหานางด้วยสายตาหื่นกระหาย “ช้าก่อน!! นี่พวกเจ้าคิดจะทำอะไรน่ะ!? อยู่ๆ ก็เหวี่ยงข้าเข้ามาจนล้มคว่ำเช่นนี้!” ซู่ซู่รีบลุกขึ้นมานั่ง พลางแสร้งเอ่ยถามด้วยท่าทีไร้เดียงสา ทั้งที่รู้อยู่เต็มอก แต่คิดว่าดิ้นรนไปก็สู้แรงพวกมันไม่ได้ ทำให้พวกมันตายใจก่อนจะดีกว่า ทหารทั้งสองนายหันมามองหน้ากันแล้วหัวเราะร่วน เพราะคิดว่าสตรีผู้นี้ช่างไม่ประสีประสาเอาเสียเลย ก็ดี! พวกมันจะได้ไม่ต้องมาเสียอารมณ์กับการที่นางดิ้นรนขัดขืนจนต้องลงไม้ลงมือ “ก็จะพาเจ้าขึ้นไปท่องสวรรค์ไงล่ะ!” หนึ่งในนั้นตอบแล้วใช้มือดันร่างของซู่ซู่ให้นอนราบลงบนพื้น “ท่องสวรรค์?” ซู่ซู่แสร้งทวนคำ พร้อมกับกลอกตาไปมาเพื่อมองไปรอบๆ ว่าพอจะมีอะไรที่นางจะเอามาใช้ประโยชน์ได้ ทว่าก็พบเพียงเศษฟางที่กระจัดกระจายอยู่บนพื้น “จะพาข้าไปพร้อมกันเลยหรือ!? ทีละคนได้ไหม...คือข้า...คิดว่า…” มารยาหญิงที่เคยใช้ออดอ้อนฉินชงเฉินถูกนำมาใช้เพื่อเอาตัวรอด แต่กับเหล่าทหารที่อดอยากปากแห้งมานานคิดหรือว่ามันจะได้ผล!? ฟึ่บ! ผ้าคาดเอวของนางถูกมือหยาบกร้านของทหารนายหนึ่งกระชากออก ส่วนอีกมือก็ไล้ไปตามส่วนต่างๆ ด้วยความชอบใจ ขณะที่ทหารอีกนายยื่นหน้าเข้ามาหาจนซู่ซู่สัมผัสได้ถึงลมหายใจเหม็นเน่าและกลิ่นสาบเหงื่อของมัน ก่อนจะจู่โจมลงไปที่ซอกคอขาวเนียน ส่วนฝ่ามือทั้งสองข้างก็พยายามแหวกสาบเสื้อของนางออก แม้จะรู้สึกหวาดกลัวและขยะแขยงแค่ไหน แต่ซู่ซู่ก็ไม่ยอมแสดงอาการอะไรออกมา นอกจากปล่อยให้พวกมันทำตามอำเภอใจ กรณีที่เลวร้ายที่สุด ก็แค่กัดลิ้นตายดีกว่ายอมตกเป็นของพวกมัน! คิดพลางรีบใช้สองมือควานไปตามทางเผื่อจะพบอะไรบางอย่างที่จะช่วยชีวิตนางได้ แควก! วินาทีที่แขนเสื้อซ้ายถูกกระชากจนขาดเผยให้เห็นไหล่ขาวเนียนข้างใน ท่อนไม้ที่ซู่ซู่คว้าติดมือมาได้ก็ถูกฟาดใส่หัวของทหารที่อยู่ใกล้ที่สุดทันที! ปึก!! “โอ๊ย!!” มันรีบผละออกด้วยความตกใจ พร้อมกับข้อเท้าทั้งสองข้างที่ถูกโซ่ตรวนเส้นเขื่องสีดำพันธนาการไว้ก็ได้ยกขึ้นมาประสานไปที่ท้ายทอยของทหารอีกคนที่กำลังสนุกอยู่กับการลูบไล้ขาเรียวสวยของนางแล้วออกแรงรัดไว้แน่น ทำให้อีกฝ่ายหายใจไม่ออกราวกับถูกรัดคอด้วยบ่วงชั้นดี “อึก...” มันพยายามใช้สองมือตะกุยไปยังสิ่งที่รัดคอมันอยู่เพื่อเปิดทางเดินหายใจของตน ทว่า...ยิ่งตะกุยมากเท่าไร ซู่ซู่ก็ยิ่งออกแรงรัดมากขึ้น “นังนี่!!” ทหารคนแรกที่ตั้งสติได้รีบพุ่งเข้ามาหานาง พร้อมกับง้างหมัดขึ้นมาเตรียมจะต่อยใส่ร่างบาง ซู่ซู่จึงต้องสะบัดเท้าทั้งสองข้างออกจากคอของทหารคนที่สองเพื่อกลิ้งตัวหลบการโจมตีของมัน กร๊อบ!! “อั๊ก...” ผลจากการกระทำเมื่อครู่ทำให้กระดูกคอของทหารคนที่สองหัก ก่อนที่ร่างของมันจะทรุดลงไปนอนอ้าปากพะงาบๆ อยู่บนพื้นด้วยใบหน้าที่เขียวคล้ำ ร่างบางไม่รอช้ารีบลุกขึ้นมาพร้อมกับใช้มือเรียวกระชับปลายท่อนไม้ทั้งสองข้างไว้แน่น แล้วรีบยกมันขึ้นตั้งรับฝ่าเท้าของอีกฝ่ายที่เตะตวัดมายังท้องของตน หลังจากต่อยนางพลาด เปรี้ยง! แรงปะทะทำให้ท่อนไม้หักออกเป็นสองท่อน ทั้งยังทำให้ซู่ซู่รู้สึกเจ็บแปลบขึ้นมาที่ข้อมือ จนอดคิดมิได้ว่าหากลูกเตะของมันพุ่งเข้ามากระทบถูกท้องของตนเองโดยตรง นางคงกระอักโลหิตตายไปแล้ว ฉึก!!! ฉึก!!! “อ๊าก!!” ยังไม่ทันที่มันจะได้ทำอะไรต่อ ท่อนไม้ปลายแหลมในมือซ้ายของร่างบางก็พุ่งเข้าใส่ใบหน้า ส่วนมือขวานั้นเสือกแทงใส่ลำคอของมัน แล้วถูกกระชากกลับมาอย่างรวดเร็ว โลหิตสีแดงสดพุ่งกระฉูดออกมาใส่ตามใบหน้าและลำตัวของซู่ซู่ ก่อนที่ร่างของมันจะล้มลงขาดใจตายทันที พลันสายตาของร่างบางก็เหลือบมาเห็นว่าทหารอีกนายที่ถูกนางรัดคอในตอนแรกยังมีชีวิตอยู่ จึงเอ่ยด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น “ข้าจะช่วยให้เจ้าไปสบายเอง...” ก่อนที่ร่างบางจะใช้ฝ่าเท้าเล็กๆ กระทืบลงไปที่ลำคอของมันเต็มแรง โดยปราศจากความเห็นใจใดๆ “อ...อึก” เอ่ยได้เพียงเท่านั้น สองตาของมันก็เหลือกขึ้นพร้อมกับลมหายใจที่ดับลง ภายในไม่กี่อึดใจ…ซู่ซู่ก็ยืนอยู่กลางร่างไร้วิญญาณของทหารสองนายที่คิดจะข่มเหงนาง แฮกๆๆ ร่างบางหายใจหอบด้วยความเหนื่อย ก่อนที่น้ำตาแห่งความหวาดกลัวและเจ็บปวดจากการถูกหยามเกียรติซึ่งกลั้นไว้จะหลั่งไหลออกมาจากนัยน์ตาคู่สวย ตั้งแต่เกิดมาไม่มีคราใดที่นางรู้สึกอัปยศเช่นนี้มาก่อน ไหนจะยังภาพสยดสยองที่ต้องเห็นวันนี้อีก เลือด…แส้…ศพ…ความเจ็บปวด… ทุกอย่างที่ถาโถมเข้ามาใส่มันช่างมากมายเกินกว่าที่สตรีตัวเล็กๆ เช่นนางจะทนรับไหว! ในที่สุดซู่ซู่ในสภาพอาภรณ์ขาดหลุดลุ่ยก็วิ่งออกไปจากคอกม้าอย่างไม่ลืมหูลืมตา พร้อมกับไม้ปลายแหลมเปื้อนเลือดในมือขวา ทว่าก็ต้องผงะ เมื่อเจอกับร่างสูงของฉินซิ่นซื่อที่กำลังเดินมาหาพร้อมกับทหารอีกห้านาย “มีสิ่งใดให้ข้าช่วยหรือไม่!?” ฉินซิ่นซื่อเอ่ยถามด้วยรอยยิ้มเย้ยหยันบนใบหน้า หลังจากได้เห็นน้ำตาและสภาพของร่างบาง ก่อนจะกล่าววาจาแดกดัน “ข้าล่ะอยากให้เสด็จพี่มาเห็นจริงๆ ว่านี่คือสตรีอ่อนแอที่พระองค์บอกว่าแม้แต่แรงยกคันศรก็ยังไม่มี!! ตัวคนเดียวยังสามารถจัดการทหารสองนายได้ถึงขนาดนี้ ไม่เสียแรงที่ข้าเคยสอนทักษะการต่อสู้ให้เจ้า” “อย่าบอกนะว่าที่สองคนนี้คิดจะ...” ซู่ซู่ยกมือปาดน้ำตาแล้วถามออกไปด้วยน้ำเสียงเย็นชา “มิผิด ข้ากล้าทำกล้ารับอยู่แล้ว” ร่างสูงตอบด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยปราศจากความละอายใดๆ ขณะที่แววตาทั้งสองข้างเต็มไปด้วยความสะใจ สิ่งใดที่เป็นความทรมานของนาง สิ่งนั้นก็คือความสนุกของเขา!! คำตอบที่ได้รับทำให้นางอึ้งจนมิอาจเก็บอาการไว้ได้ ด้วยมิคิดว่าคนที่เป็นถึงเชื้อพระวงศ์จะมีความคิดต่ำตมเช่นนี้ “ทรงใช้อะไรคิดเพคะ...ทรงทำแบบนี้กับหม่อมฉันได้อย่างไร!?” ซู่ซู่ตะคอกใส่อีกฝ่ายอย่างสุดทน พร้อมกับน้ำตาที่ไหลออกมาอีกครั้งด้วยความเจ็บปวด “เพียงเพราะอยากเห็นความทรมาน ถึงกับสั่งให้สองคนนี้มาทำลายศักดิ์ศรีของหม่อมฉัน...เลวที่สุด!! พระองค์มันไม่ใช่คน!! ชั่วช้ายิ่งกว่าสัตว์!!” “ขอบคุณที่ชม” แทนที่จะบันดาลโทสะฉินซิ่นซื่อกลับเอ่ยพร้อมกับยิ้มบางๆ แล้วพูดต่อด้วยน้ำเสียงเหี้ยมเกรียม “เอาเป็นว่าถ้าสองคนเจ้าไม่ชอบ เช่นนั้นข้าจะยกให้ทั้งกองทัพเลยละกัน คนของข้าจะได้มีอะไรทำแก้เซ็งด้วย” ก่อนจะค่อยๆ เดินเข้าไปหาร่างบางด้วยท่าทางสบายๆ ขณะเดียวกัน สองเท้าของซู่ซู่ก็ค่อยๆ ถอยหลังร่นไปเรื่อยๆ พร้อมกับท่อนไม้ปลายแหลมเปื้อนโลหิตในมือที่ยกขึ้นมาขู่อีกฝ่าย “ย...อย่าเข้ามานะ!!!” ฉินซิ่นซื่อหัวเราะร่วนอย่างอารมณ์ดีเมื่อเห็นท่าทางลนลานของนาง พลางปรายตามองไปยังไม้เปราะๆ สั้นๆ ในมือเรียว “ลืมไปแล้วหรือว่าข้าเป็นใคร? ไม้กระจอกเพียงแค่นี้จะทำอะไรข้าได้งั้นหรือ!?” จากนั้นร่างสูงก็พูดต่อด้วยน้ำเสียงท้าทาย เพราะรู้อยู่แล้วว่านางไม่มีทางทำอะไรเขาได้ ก่อนจะกางแขนทั้งสองข้างออกมา “เช่นนั้นข้าก็จะเมตตาให้เจ้าแทงสักแผลละกัน ถือเป็นค่าตอบแทนล่วงหน้าก่อนที่เจ้าจะต้องไปมอบความสุขให้คนของข้า เอ้า! เข้ามาสิ” ซู่ซู่มองบุรุษตรงหน้าด้วยแววตาอาฆาตแค้นพลางครุ่นคิด ฉินชงเฉิน หม่อมฉันเสียใจที่จะไม่มีโอกาสได้กลับไปพบหน้าพระองค์อีกแล้ว คราที่ยอมก้มหน้าก้มตาทำงานหนักโดยไม่ปริปากบ่นก็เพราะมิคิดว่าพระอนุชาของพระองค์จะไร้หัวคิดได้ถึงเพียงนี้ ในเมื่อหนีอย่างไรก็หนีไม่พ้น... หม่อมฉันขอยอมตายตอนนี้ดีกว่าไปเป็นของเล่นของพวกทหารชั้นเลวนั่น! ข้าซู่ซู่เป็นถึงท่านหญิงแห่งวังหลวงแคว้นฉิน แม้ตัวตายก็ยังขอคงไว้สิ่งศักดิ์ศรี… เมื่อตัดสินใจได้แล้ว นางจึงเอ่ยออกไปว่า “ทรงอยากให้หม่อมฉันทุกข์ทรมานยิ่งกว่าตายขนาดนั้นเลยหรือเพคะ!?” แล้วซู่ซู่ก็พูดต่อโดยไม่สนใจรอคำตอบจากอีกฝ่าย “เช่นนั้นหม่อมฉันก็จะตายเสียตั้งแต่ตอนนี้!!!” ฉึก!! กล่าวจบซู่ซู่ก็เสือกปลายไม้แทงใส่อกของตนเองทันที ก่อนที่โลหิตสีแดงจะไหลทะลักออกมาท่ามกลางความตกใจของทุกคน โดยเฉพาะฉินซิ่นซื่อที่ถึงกับหน้าซีดราวกับเป็นคนละคนกับเมื่อครู่!! “พานางเข้าไปในห้องของตำหนักเล็กแล้วตามหมอมา!!” ร่างสูงรีบปรับสีหน้ากลับมาเป็นปกติแล้วออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงดุดัน พลางตรงเข้าไปดูซู่ซู่ที่ทหารของตนกำลังช่วยกันย้ายร่างของนางอย่างระมัดระวังไม่ให้แผลฉีกขาดไปมากกว่านี้ “อึก...หม่อมฉันเคยบอกแล้วว่าพระองค์จะไม่มีวันได้ในสิ่งที่ต้องการ! ไม่ว่าจะเป็นความหวาดกลัว...หรือเสียงร้องขอความเห็นใจของหม่อมฉัน...แค่กๆ พระองค์...จะไม่มีวันได้เห็นและได้ยินมัน!!” ซู่ซู่ตะคอกใส่ชินอ๋องพร้อมกับสำลักเลือดออกมา “หุบปาก!!!” ฉินซิ่นซื่อตวาดเสียงดังใส่นาง เพื่อกลบความหวาดหวั่นที่พุ่งขึ้นมาในจิตใจของตน สตรีตรงหน้าไม่ตอบอะไรนอกจากยกยิ้มอย่างผู้มีชัย ก่อนจะหมดสติไป... สามเค่อต่อมา “ตอนนี้นางปลอดภัยแล้วขอรับ โชคดีที่นางหมดแรงไปเสียก่อน ปลายไม้ก็เลยไม่ได้แทงเข้าไปลึกเท่าไร ส่วนแผลห้ามไม่ให้โดนน้ำอย่างน้อยห้าวัน แล้วก็ระหว่างนี้ข้าจะต้มยาให้นางดื่มนะขอรับ” เมื่อเห็นท่านแม่ทัพพยักหน้ารับ ท่านหมอหวงที่เข้ามารายงานอาการของซู่ซู่ก็ค้อมหัวให้แล้วเดินออกไป ทิ้งให้ฉินซิ่นซื่อนั่งครุ่นคิดอยู่คนเดียว ความจริงแล้วเขาแทบไม่ได้ยินอะไรเลยนอกจากประโยคที่ท่านหมอบอกว่านางปลอดภัยแล้ว มีแค่นี้แหละที่เขาอยากรู้... นอกนั้นปล่อยให้เป็นหน้าที่ของสาวใช้ละกัน และต้องคิดหาวิธีป้องกันไม่ให้นางฆ่าตัวตายด้วย... ใช่...ผู้ที่ออกคำสั่งให้ทหารเลวสองนายลงมือขืนใจซู่ซู่คือเขาเอง! คราแรกฉินซิ่นซื่อวางแผนจะใช้อาชาทั้งสามตัวด้วยซ้ำ แต่คิดไปคิดมาแล้วก็สงสารม้าของตัวเอง จึงเปลี่ยนเป็นทหารเลวที่ร้างลาจากบุปผางามมานานแทน ก็ผู้ใดเล่า ใช้ให้นางทำตัวอวดดีใส่เขาก่อน!? แต่ซู่ซู่ยังอุตส่าห์รอดมาได้… รอด…เพราะสิ่งที่เขาตั้งใจทุ่มเทถ่ายทอดให้นาง…ในขณะที่นางกลับมองเขาเป็นเพียงบุรุษหน้าโง่ผู้หนึ่ง… นั่นยิ่งทำให้เขาเจ็บใจ ในเมื่อทหารสองนายเอาไม่อยู่ ตอนนั้นตัวเขาจึงเกิดความคิดใหม่ที่จะลากตัวนางไปโยนให้เหล่าทหารเลวทั้งกองทัพรุมทึ้งเล่น แต่ที่ร่างสูงคิดไม่ถึงคือนางจะกล้าใช้ไม้แหลมๆ นั่นแทงลงไปที่อกตัวเอง... วินาทีนั้นฉินซิ่นซื่อยอมรับว่าหัวใจของตัวเองหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่ม จนอยากเข้าไปอุ้มนางด้วยตนเอง แต่ต่อหน้าทหารเขาจะอ่อนแอไม่ได้!! ทว่า...เมื่อมานั่งนึกถึงรอยยิ้มเย้ยหยันซู่ซู่ที่ทิ้งไว้ให้ก่อนหมดสติ และสิ่งที่นางเคยทำไว้กับเขา ซึ่งไม่ได้มีแค่เรื่องของม่านชิงเซียน เพลิงโทสะในใจของฉินซิ่นซื่อก็โหมกลับขึ้นมาอีกครั้ง! [1] ฉางเฉิง = กำแพงเมืองจีน [2] เค่อ = หน่วยบอกเวลาหนึ่งของจีน โดย 1 เค่อมีค่าประมาณ 15 นาที
已经是最新一章了
加载中
下载 LoveNovel
海量小说享免费阅读
立即下載
需支付:
0.00
3:แผนการชั่วร้ายของฉินซิ่นซื่อ
去登录
APP免费观看
自动购买下一章
余额:
0
充值
0
领星星
取消
发布
A
A
A
A
A